ตอนที่ 259 ขี่หลังเสือ
ไทฮองไทเฮาได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกเสียใจมาก “จิ้นโก๋กง เจ้าพูดไม่ผิดหรอก แต่ หากจะเผาหมู่บ้านสือโถวก็จะต้องคร่าชีวิตของราษฎรหลายร้อยชีวิตไปด้วย มีบางคนเป็นผู้บริสุทธิ์ พวกเขาไม่ได้ติดโรคด้วยซ้ำ”
ทันใดนั้นจิ้นโก๋กงก็พูดขึ้นว่า “ไทฮองไทเฮา จะเผาคร่าชีวิตไปมากมายขนาดนั้น ใครก็ไม่ยอมหรอก แต่ยังมีวิธีไหนอีก?จนถึงทุกวันนี้ หมอหลวงและสำนักงานฮู่ยหมินก็ต่างไม่มีวิธีรับมือกับโรคระบาดนี้ ราษฎรต่างพากันคาดเดา ว่านี้ไม่ใช่โรคระบาด แต่โดนภูตผีปีศาจสาปแช่ง โดนสวรรค์ลงโทษ ข่าวลือพวกนี้หากโดนแพร่ออกไป ต้องทำให้บ้านเมืองวุ่นวายแน่ ยังมีคนอาศัยจังหวะในตอนที่เกิดเรื่องนี้ ใส่ร้ายป้ายสีแคว้นของเรา ถึงตอนนั้นตระกูลซือถูก็จะถึงคราวอันตราย”
ราชครูเหลียงเงียบไปชั่วครู่ ก็พูดขึ้นว่า “ไทฮองไทเฮา กระหม่อมสนับสนุนวิธีของจิ้นโก๋กงพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้จะล่าช้าไม่ได้อีกแล้ว ขืนยังล่าช้าต่อไปจะเกิดขึ้น หากบ้านเมืองต้องวุ่นวายกลหล ทะเลทรายทางตอนเหนือก็จะไม่อยู่นิ่งอย่างแน่นอน ”
ไทฮองไทเฮาโบกมือสะบัด“ท่านราชครูท่านก็พูดเกินไปมันจะทำให้ผู้อื่นตื่นตระหนกได้ ทะเลทรายทางตอนเหนือได้เซ็นพันธสัญญากับแคว้นของเราเรียบร้อยแล้ว”
ราชครูเหลียงพูด “ไทเฮา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีจักรพรรดิที่ฉีกสัญญาทิ้งตั้งเท่าไหร่?ท่านน่าจะไม่สามารถนับได้หมดแน่ แคว้นของเราทิวทัศน์สวยงาม ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ในสายตาของคนต่างแคว้น มองพวกเราเป็นเนื้ออันโอชะ ต่างซุ่มดูเราอยู่ ตอนนี้แคว้นของเรายังประสบกับปัญหาโรคระบาด เป็นโอกาสที่ดีในการเข้ามายึด พวกเขายังจะสนใจเรื่องสัญญาอะไรนั่นอีกหรือ?”
ใต้เท้าชุยพูด “ที่ท่านราชครูพูดมาไม่ใช่ไม่มีเหตุผล แต่การเผาหมู่บ้านไม่ใช้การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตของคนมากมาย เผาหมู่บ้านสือโถว แล้วทหารในกองทัพล่ะ?ราษฎรถนนซีเป่ยล่ะ?จะต้องเผาทั้งหมดเลยหรือ?”
ราชครูนิ่งไปชั่วครู่ “หากถึงขั้นไม่มีวิธีอื่นแล้ว ก็คิดอะไรมากไม่ได้แล้ว ดีกว่าการที่โรคระบาดแพร่ไปทั่วแคว้นนะ”
ราชครูพูดจบ ก็ต่างพากันแตกฮือ “กระหม่อมขอได้ทรงโปรดมีราชโองการเถอะพ่ะย่ะค่ะ เผาหมู่บ้านสือโถว ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค”
การคุกเข่านี้ คุกเข่าไปประมาณเศษหนึ่งส่วนสามของราชสำนัก ทำให้ตกอยู่ในภาวะที่เหมือนโดนบีบบังคับ
ซือถูเย้นมองศีรษะดำสนิทด้านล่าง นัยน์ตาเหมือนมีพายุโหมกระหน่ำอยู่
เซียวเซียวพูดอย่างเย้ยหยัน “ที่ท่านราชครูพูดว่าไม่มีหนทางอื่นแล้ว ทำให้คนรู้สึกผิดหวังยิ่งนัก เพียงแค่ไม่รู้ว่าหากท่านราชครูติดโรคนี้ขึ้นมา คนอื่นบอกว่าจะเผาท่านทิ้ง ท่านจะรู้สึกอย่างไร?”
ราชครูพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม “หากเปิ่นกวนติดโรคนี้ขึ้นมา แล้วจะทำให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน ถ้าอย่างนั้นเปิ่นกวนก็ขอให้เผาข้าซะ เพื่อที่จะไม่ไปทำร้ายคนที่อยู่บนโลกนี้อีก”
เซียวเซียวพูด “เรื่องมันยังไม่เกิดกับตัวท่านราชครูเองไม่ใช่หรือ?หากเกิดเรื่องขึ้นมา กลัวว่าท่านจะไม่พูดอย่างนี้น่ะสิ”
ราชครูมองเซียวเซียว “แม่ทัพเซียวท่านพูดมาอย่างนี้ทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก ท่านเป็นแม่ทัพ ท่านเป็นแขนขาของฮ่องเต้ กลับพูดจาเห็นแก่ตัวอย่างนี้ หากคนทั้งแคว้นเหมือนกับเจ้าที่เอาตัวรอดคนเดียว บ้านเมืองล่มสลายไปนานแล้ว”
เซียวเซียวยิ้มอย่างเย้ยหยัน“ท่านราชครูหมายถึงที่บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าแลกมาด้วยเลือดเนื้อถึงสร้างแคว้นขึ้นมาได้ แต่เป็นเพราะมีจิตใจเยี่ยงราชครูน่ะหรือ?”
ไทฮองไทเฮาฟังทั้งสองพูดจาปะทะกัน ก็ขมวดคิ้วถามขึ้น“เย้นเอ๋อร์ เจ้ามีข้อเสนอแนะไหม?”
นางเป็นสตรี เรื่องของบ้านเมือง ยังคงต้องฟังข้อเสนอแนะจากเขา
ซือถูเย้นมองไปยังเฉิงเสี้ยงเสี้ย “เฉิงเสี้ยงเจ้ามีความคิดเห็นอะไรไหม?”
ราวกับเฉิงเสี้ยงเสี้ยไม่คิดว่าซือถูเย้นจะถามเขาขึ้นมากะทันหันแบบนี้ จึงพูดอย่างอ้ำอึ้ง “กระ กระหม่อมว่า เผาหมู่บ้านเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นอะไรคือการได้ผลที่สุดล่ะ?”ซือถูเย้นถามต่อ
เสี้ยเฉิงเซิงพูด “กระหม่อมว่า แค่เพียงหาวิธียับยั้งโรคระบาดนี้ คือวิธีที่ดีพ่ะย่ะค่ะ”
เฉิงเสี้ยงเสี้ยสีหน้าเปลี่ยนไป
ซือถูเย้นมองรัชทายาทที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเรียบเฉย “รัชทายาท เจ้าก็ลองออกความคิดเห็นดู”
รัชทายาทรับบทคนอยู่เฉยๆ เรื่องของวันนี้เขาไม่ค่อยใส่ใจนัก เขายังคงคิดถึงแต่เรื่องของตระกูลหู ตั้งแต่วันที่เสี้ยโล่เยว่ก่อเรื่อง เมื่อวานไปชวนหูฮวนซี กลับโดนปฏิเสธ เขารู้สึกโกรธมาก หลับเอาแต่โทศเสี้ยโล่เยว่
เพราะฉะนั้น พอได้ยินซือถูเย้นถามขึ้น ก็นึกถึงคำสั่งของราชครู จึงพูดขึ้นว่า “เปิ่นกงรู้สึกว่า หากจะลงหมายของทหาร ต้องนำศีรษะของเสี้ยหลีโม่กับตำแหน่งของเฉิงเสี้ยงเสี้ย ถึงจะยุติธรรม”
เฉิงเสี้ยงเสี้ยแหงนหน้ามองราชทายาท นัยน์ตายากจะอธิบาย
ไทฮองไทเฮาพูดอย่างไม่พอใจ “ให้หลีโม่ไปรักษาก็พอ ยังจะมีหมายทหารอะไรอีก?”
ราชครูพูด “ไทฮองไทเฮา ความจริงแล้วลงหมายทหารก็ดีนะ อย่างน้อย ก็จะทำให้เสี้ยหลีโม่พยายามคิดค้นวิธีรักษาให้ได้ หากไม่มีแรงกดดัน นางก็จะไม่พยายาม”
ไทฮองไทเฮามองไปที่ซือถูเย้น “เจ้าว่าอย่างไร?”
วันนี้ซือถูเย้นไม่ค่อยออกความเห็นเท่าไหร่นัก สายตาเย็นชาไม่มีความรู้สึกใดๆ ราวกับเรื่องที่ประชุมกันวันนี้จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา
แต่ ความจริงแล้วทุกคนต่างรู้กันหมด ตอนนี้เขาขี่หลังเสือแล้ว ถ้าเกิดโรคระบาดยังรักษาไม่ได้ ก็จะทำเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง
เพราะฉะนั้น สำหรับซือถูเย้นแล้วการเผาหมู่บ้านนับเป็นทางเลือกที่ดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...