พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 346

ตอนที่ 346 อาสุ่ย

หลีโม่และซือถูเย้นยังไม่ได้นอน เฝ้าซือถูจิ้งอยู่หน้าเตียง

สามารถทำได้ทุกสิ่ง ทำมาแล้วทุกอย่าง บัดนี้ทำได้เพียงเฝ้าดูนาง

ช่วงชีวิตของนางล้วนโดดเด่นมาตลอด แต่นางรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่เสมอ ในตำหนักองค์หญิงที่หรูหราแห่งนี้ นางใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวในความหรูหรานี้

ข้างกายมีสาวใช้อยู่สองคน

ทั้งยังมีกองเงินกองทอง มั่งคั่งจนนับไม่ถ้วน แสงสีทองระยิบระยับที่ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้

นางใช้สิ่งของที่คนมากมายใฝ่หา แต่นางก็มิอาจไขว่คว้าสิ่งที่ต้องการได้เช่นกัน

นางใช้วิธีการอันแกร่งกล้าเพื่อบอกลากับโลกใบนี้

หลีโม่ร้องไห้อยู่หลายครา ดวงตาปูดบวมจนเหมือนลูกท้อ

ซือถูเย้นออกมาจากในวัง นางไม่ได้ถามไถ่ว่าพูดคุยกับฮ่องเต้ว่าอย่างไรบ้าง ไม่ว่าเรื่องราวก่อนนั้นจะเป็นอย่างไร ในเวลานี้รู้สึกบาดเจ็บจนสาหัสไปแล้ว

วิ่งไล่ตามเรื่องราวเหล่านั้น มิใช่เรื่องอันสมเหตุสมผล

ตั้งแต่ซือถูเย้นออกมาจากวัง จิตใจของเขาก็ไม่นิ่งสงบ เขาคิดหาคำตอบอยู่ซ้ำไปซ้ำมา หากเขาอยู่บนบัลลังก์สูงเช่นนั้น เขาจะยอมแลกความสุขของหญิงสาวคนหนึ่งกับความมั่นคงในบัลลังก์ของตนหรือไม่

คำตอบคือเขาไม่สามารถทำได้ ปกป้องบ้านเมืองเป็นเรื่องของผู้ชาย เขาไม่สามารถทำร้ายคนในครอบครัวของตนได้

เขาร้ว่าการเป็นฮ่องเต้ในบางคราวจำเป็นต้องเด็ดขาดและใจร้าย แนวแน่และซื่อตรง ตั้งแต่เขาได้รับตำแหน่งท่านอ๋อง ฆ่าคนไม่จบสิ้น ไร้ความปราณีต่อผู้ที่สมควรถูกฆ่า

แต่เขาไม่มีหนทางทำกับผู้บริสุทธิ์ ผู้ภักดีอย่างโหดร้ายได้ลง

คำออกไปในเวลาค่ำมืด พูดคุยกับอ๋องหลี่ชินอยู่นาน สุดท้ายสหายทั้งสามก็เงียบลงไม่มีคำพูดใด

ก่อนหน้านั้นหลงไทเฮาเคยกล่าวว่า ลูกหลานของตระกูลซือถูโดยมากนั้นเป็นคนเฉียบแหลม เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ทะเยอทะยานโดยแท้ ตั้งแต่หลงไทเฮายึดอำนาจมา ตลอดมาก็มิเคยเกิดเหตุการณ์พี่น้องแย่งชิงบัลลังก์เป็นเรื่งใหญ่โต

โดยเฉพาะพี่น้องสิบกว่าคนในรุ่นของซือถูเย้น และนอกจากอ๋องหนานหวย สำหรับองค์รัชทายาท เขาสืบทอดบัลลังก์ต่อ ไม่นับว่าเป็นการยึดอำนาจ ด้านหลังของเขามีเหลียงไถ้ฝู้ผลักดันเขาทำให้เขาพบวิกฤตยิ่งนานวันก็ยิ่งไปไกลขึ้นเรื่อยๆ

หลงฮองเฮาภายใต้การฝึกฝนนั้นต้องการแสดงความรักต่อเพื่อนพี่น้อง เคารพผ้อาวุโสกว่า ฮ่องเต้ฮู่ยจู่ยังสนับสนุนการปกครองแคว้นด้วยความเมตตา ประการแรกสนับสนุนลัทธิขงจื๊อและเต๋าผสมผสานกัน ฮ่องเต้ที่ไร้แก่นสารจะถูกกำจัดออกไป ราชวงศ์ตระกูลซือถูเดินทางมาจนถึงรัชศกนี้ได้นั้นเป็นยุคทองที่มิอาจมีสิ่งใดมาเปรียบได้

เรื่องราวผ่านไปอย่างรวดเร็วการฆ่าตัวตายของซือถูจิ้ง ฉีกหน้าอันเน่าเฟะของราชวงศ์ นานมาแล้วเมื่อไม่ได้รับการปรับปรุง มีบางจุดที่เสื่อมโทรมลง

พี่น้องทั้งสามล้วนยากที่จะรับความจริงเรื่องนี้ได้

หลายปีมานี้ พี่น้องตระกูลซือถูได้ออกไปสู้รบมากมาย และขุนนางกังวลเกี่ยวกับตำแหน่งของเหล่าท่านอ๋อง พวกเขาเคยส่งหนังสือถึงฮ่องเต้ ให้เขาได้ส่งเครื่องบรรณาการเป็นแต้มต่อกับฮ่องเต้ แต่ฮ่องเต้มิเคยทำเช่นนั้น และให้ความไว้วางใจอย่างมาก

เป็นผลให้พวกเขายังคงมีจิตใจอันเป็นธรรม ตระกูลซือถูยังคงรักษาคำสองของหลงฮองเฮาเป็นอย่างดี และจะยังคงทำต่อไปเช่นนี้

เช้าวันรุ่งขึ้น เสี่ยวพ่างฟันหลอผู้นั้นที่เคยมาเมื่อคืนวานเดินเข้ามาพร้อมกับนำคนคนหนึ่งเข้ามาด้วย

เซียวโธ่มองเสี่ยวพ่างนำคนผู้นั้นเข้ามาอยู่นาน จากนั้นก็วิ่งไปหาหลีโม่อย่างรวดเร็ว

หลีโม่เพิ่งเช็ดใบหน้าของซือถูจิ้งเสร็จ เมื่อคืนนางร้องไห้ไม่ได้หลับไม่ได้นอนอยู่ทั้งคืน ดวงตาบวมแดงราวกับลูกวอลนัท เซียวโธ่เข้ามาไม่ได้พูดให้มากความ ดึงตัวเขาให้เดินไปด้วยกัน

”เซียวโธ่เกิดเรื่องใดขึ้น“ หลีโม่ตีมือเขาอย่างเคืองๆ

“เจ้ารีบมาดูสิ ผู้นั้นเหมือนน้องชายของเจ้าไม่มีผิด!”เซียวโธ่รีบจูงนางออกมาด้านนอก

”ว่าอย่างไรนะ“ หลีโม่ประหลาดใจ ”น้องชายข้า เจ้าว่าเป็นเสี้ยฮ่าวหราน“

“ใช่แล้ว เจ้าดูสิ!” เซียวโธ่ชี้ไปที่คนที่เสี่ยวพ่างพามา เขาสวมเสื้อผ้าสีเขียว ทรงผมม้วนเกลียวสองข้างเหมือนเด็กสาว ดวงหน้ากลมมน ดูมีน้ำมีนวลกว่าแต่ก่อนอยู่เพียงนิด น่ารักมากทีเดียว

ดวงตาของเขาไม่ได้ว่อกแว่กมองไปรอบๆ เพียงมองเสี่ยวพ่วงด้วยแววตาใสซื่อผู้เดียว เหมือนกันเมื่อก่อนไม่มีผิด

หลีโม่รู้สึกสิ้นหวังเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเห็นเสี้ยฮ่าวหรานกลับมา อย่างน้อยก็สามารถปัดเป่าความเศร้าในใจไปได้บ้าง

แต่ว่านางยังมีข้อสงสัยอยู่ “เจ้าจำได้ว่าตอนนั้นเจ้าได้รับบาดเจ็บหนักขนาดไหน และสิ้นลมหายใจไปแล้วใช่หรือไม่”

ซือถูเย้นกล่าวออกไป “เป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้าจะวินิจฉัยผิดพลาด เขายังไม่ได้หมดลมหายใจ ข้าเคยได้ยินมาว่า มีบางคนสิ้นลมหายใจไปแล้วแต่เมื่อผ่านไปสองวันก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ไม่ได้ตายจริง”

“ข้าเป็นหมอมาแปดสี เจ้าคิดว่าข้าแม้แต่อาการเช่นนี้ก็วินิจฉัยผืดหรือ” หลีโม่ถามย้อนกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก

ในตาของซือถูจิ้งฉายแววตกใจสงสัย “เจ้าเป็นหมอทหารมาแปดปีแล้วหรือ”

หลีโม่แทบจะห้ามริมฝีปากตัวเองไม่ได้ เมื่อคืนไม่ได้นอนเพราะเจ็บปวดและกังวลใจ และได้พบกับเสี้ยฮ่าวหรานอารมณ์เธอก็ดีขึ้นมาก มันจุกอยู่ในท้องจึงกล่าวออกไปอย่างไม่ทันหักห้าม

“ตอนนั้นข้ามั่นใจว่าเสี้ยฮ่าวหรานหมดลมหายใจแล้ว” หลีโม่เปลี่ยนเรื่องทันที ไม่ได้ตอบคำถามของซือถูเย้น

ซือถูเย้นและอ๋องอานชินสบตากัน แต่รอบๆตัวมีคนอยู่จึงไม่ได้ถามสิ่งใดต่อ

เสี่ยวพ่างกล่าวออกไป “หมดลมหายใจแล้ว ตอนอากงช่วยชีวิตเขา เขาตายไปแล้ว”

“ตายไปแล้วแต่ช่วยให้กลับมามีชีวิตหรือ” หลีโม่ตกใจอย่างมาก “ถ้าเช่นนั้นเซียวเซียวยังไม่ตาย เหตุใดเขาจึงกล่าวว่ามีโอกาสเพียงสิบในร้อย”

เสี่ยวพ่างฟันหลอกล่าวตอบ “เซียวเซียวก็ตายไปแล้วเหมือนกัน!”

“ว่าอะไรนะ” ซือถูเย้นและอ๋องอานชินอุทานออกมาพร้อมกัน ซือถูเย้นคว้าคอเสื้อของเสี่ยวพ่างนั่นเอาไว้ “เจ้าพูดว่าอย่างไร เซียวเซียวตายแล้วรึ”

เสี่ยวพ่างอายุเพียงสิบสามสิบสี่เท่านั้น ใช้ชีวิตมากับผู้เฒ่าอ๋องอานหรานไม่เคยถูกดุ จนบัดนี้ถูซือถูเย้นขึ้นเสียงดุขึ้นมา เขาตกใจ “ฮึก” เสียงร้องไห้ดังขึ้น

หลีโม่ไปจับเขาแยกกัน พูดด้วยความขุ่นเคือง “เจ้าโตขนาดนี้แล้วยังขู่เด็กจนร้องไห้”

ซือถูเย้นถอยออกไปอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ผู้ใดจะรู้เล่าว่าเขาจะกลัว!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม