พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 354

ตอนที่ 354 อี้เอ๋อร์ถูกพาตัวไป

เหล่าไท่จูนเป็นคนที่พูดจริงทำจริง หลีโม่เพิ่งจะกลับไป นางก็สั่งให้คนเตรียมรถม้าไปที่จวนจิ้งโก๋วเหา

ความเด็ดขาดของคนที่ทำการเคลื่อนไหวบางครั้งมันก็กลัวมาก โดยเฉพาะคนพวกนั้นเคยผ่านสงครามมาแล้ว

หลีโม่กลับไปตำหนักองค์หญิง ช่วงนี้นางทำเหมือนตำหนักองค์หญิงเป็นบ้านของตัวเองไปแล้ว

เมื่อเข้าไปในตำหนักนางก็ถามหมอหลวงหลี่ทันทีว่า “ที่แม่นางผู้นั้นเอามาด้วยคือเขาละมั่งโลหิตหรือไม่?”

หมอหลวงหลี่เอ่ยตอบไปว่า “เรียนพระชายา นางไม่ได้นำมาด้วย แต่นางบอกว่าแม่ของนางมีเขาละมั่งโลหิต จากนั้นหม่อมฉันก็ให้นางดูรูปภาพ นางบอกว่าสีไม่เหมือนเท่าไหร่ นั่นคงไม่ใช่ของจริงพ่ะย่ะค่ะ”

“สีไม่เหมือนอย่างนั้นหรือ? สีที่นางบอกมาคือสีอะไร?” หลีโม่เอ่ยถาม

“นางบอกว่าสีเหลืองพ่ะย่ะค่ะ มีเลือดเล็กน้อย” หมอหลวงหลี่ตอบกลับ

หลีโม่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เป็นไปได้ว่าเขาละมั่งโลหิตอันนี้อาจจะเกิดจากปัญหาการจัดเก็บจนทำให้เปลี่ยนสีได้ มันจะดีกว่าหากเอามาตรวจสอบสักหน่อย “นางได้ทิ้งที่อยู่ไว้หรือไม่? ไม่ลองไปตรวจสอบดูหน่อย”

หมอหลวงหลี่ตอบไปว่า “ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ แต่ว่าทราบชื่อของนาง เหมือนจะชื่อหวางอี้เอ๋อร์พ่ะย่ะค่ะ”

หวางอี้เอ๋อร์? ชื่อนี้ช่างคุ้นหูยิ่งนัก

ในตอนนี้เองเซียวโธ่ก็เข้ามาพอดี เมื่อได้ยินสิ่งที่หมอหลวงพูด เขาก็รีบเอ่ยถามขึ้นมาว่า “หวางอี้เอ๋อร์? เจ้าบอกว่าวันนี้มีคนที่ชื่อหวางอี้เอ๋อร์มางั้นหรือ?”

“ขอรับ เป็นแม่นางที่บอกว่าในบ้านมีเขาละมั่งโลหิตขอรับ” หมอหลวงหลี่กล่าว

เซียวโธ่มองไปที่อ๋องเหลียงทันที แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ที่ข้าพูดกับเจ้าวันนี้เหมือนจะเป็นอี้เอ๋อร์ ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรเลยล่ะ? เจ้าไม่ได้บอกข้าว่าอี้เอ๋อร์มาที่นี่”

อ๋องเหลียงนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเย็นชา “มาที่นี่แล้วจะอย่างไร?”

“นางขึ้นไปบนรถม้าขององค์รัชทายาท!” เซียวโธ่ร้อนใจยิ่งนัก

อ๋องเหลียงลุกขึ้นมาทันที “เจ้าว่าอะไรนะ?”

“ข้าเห็นกับตาตัวเองว่านางขึ้นไปบนรถม้าขององค์รัชทายาท”

อ๋องเหลียงเกรี้ยวโกรธจนเส้นเลือดขึ้นหน้า “ทำไมเจ้าไม่พูดให้มันเร็วกว่านี้?”

เซียวโธ่รีบตอบกลับไปว่า “ข้าเข้าไปก็พูดเลยว่าเหมือนเห็นอี้เอ๋อร์ แต่เจ้าไม่ตอบอะไร ข้าก็นึกว่าข้าดูผิดเอง คิดว่าอี้เอ๋อร์จะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

อ๋องเหลียงกล่าวด้วยความเกลียดชังว่า “เจ้าช่างโง่เง่าเต่าตุ่นจริงๆ เลย!”

พูดจบ เขาก็วิ่งออกไปราวกับลมพายุก็ไม่ปาน

เซียวโธ่ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็วิ่งตามออกไปด้วย “โง่เง่าเต่าตุ่นมันคือเจ้าต่างหากล่ะ เจ้าคนงี่เง่า”

หลีโม่มีสีหน้าเคร่งขรึม อี้เอ๋อร์ผู้นี้คงจะเป็นคนที่อยู่ในใจของอ๋องเหลียง แต่ว่าทำไมถึงได้ขึ้นไปบนรถม้าขององค์รัชทายาทได้เล่า?

ทั้งสองคนออกไปได้ประมาณหนึ่งชั่วโมงจึงได้พากันกลับมา

อ๋องเหลียงพูดด้วยความโมโหว่า “สรุปว่าที่เจ้าเห็นใช่นางจริงๆ หรือไม่?”

“ข้าแค่รู้สึกว่ามันเหมือน ใครจะไปรู้ล่ะว่าใช่หรือไม่?” เซียวโธ่เองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่

หลีโม่รีบถามขึ้นมาว่า “หาองค์รัชทายาทเจอหรือไม่? เขาพาอี้เอ๋อร์ไปด้วยจริงๆ หรือ?”

อ๋องเหลียงพูดขึ้นมาว่า “เขาฟังเพลงอยู่ร้านชานหลานฟาง กำลังโอบกอดสตรีนางหนึ่ง สตรีผู้นั้นกับอี้เอ๋อร์สวมชุดสีเหมือนกัน เขาบอกว่าเป็นสตรีที่เซียวโธ่เจอที่หน้าประตูตำหนักองค์หญิง”

“บังเอิญขนาดนี้เชียว?” หลีโม่อดคิดไม่ได้ว่าเรื่องนี้มันมีข้อน่าสงสัยอยู่

เซียวโธ่พูดว่า “องค์รัชทายาทผู้นี้มีนิสัยเจ้าชู้ ไปที่ไหนก็มักจะพาหญิงคณิกาไปด้วย ครั้งนี้พาสตรีมาที่ตำหนักองค์หญิงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร อีกอย่างเขาก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องจับตัวอี้เอ๋อร์ไป เขาไม่รู้จักอี้เอ๋อร์อยู่แล้ว”

อยู่ๆ หลีโม่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อก่อนเซียวโธ่เคยบอกว่าไม่เคยเจออี้เอ๋อร์ จึงพูดขึ้นมาว่า “ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนเจ้าบอกว่าไม่เคยเจออี้เอ๋อร์ ทำไมเจ้าถึงจำนางได้ล่ะ?”

เมื่อเขารู้ข่าวก็โมโหไม่น้อย ไม่รู้ว่าเข้าวังมาครั้งนี้เขาจะก่อเรื่องวุ่นวายอะไรหรือไม่

ต้องรู้ว่าอารมณ์โมโหของคนในครอบครัวนางผู้นั้นรุนแรงมากเพียงใด

เมื่อท้องฟ้ามืดลง ก็ยังไม่เห็นซือถูเย้นออกมาจากวัง หลีโม่เองก็เริ่มนั่งไม่ติดแล้ว อยากจะให้เซียวโธ่ไปสืบข่าวมาเสียหน่อย

เซียวโธ่ยังไม่ทันจะออกไป ก็เห็นฮูหยินของแม่ทัพโฉงหวาเข้ามา หน้าตาของนางอายุประมาณสามสิบเจ็ดสามสิบแปดปี สวมชุดสีเขียว บนหัวไม่มีเครื่องประดับอะไร นางม้วนผมขึ้นมาอย่างประณีต บนตัวของนางมีเพียงเครื่องประดับชิ้นเดียว น่าจะเป็นสร้อยประคำเส้นใหญ่ที่อยู่บนข้อมือนาง

หน้าตาของนางไม่นับว่างดงาม แต่ใบหน้าก็ค่อนข้างเด่นชัด เห็นเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้คนจำหน้านางได้แล้ว บวกกับขนคิ้วของนางทั้งดกและดำเป็นอย่างมาก ทำให้นางดูมีสง่าราศีไม่น้อย

แต่ท่าทางของนางกลับดูสุภาพมีมารยาทมาก เดินเข้ามาแต่ละก้าวมันช่างนุ่มนวลยิ่งนัก ฉินจือพานางเข้ามา เมื่อนางเห็นคนก็ยิ้มแย้มขึ้นมา ดูอ่อนโยนเป็นอย่างมาก

“พระชายา ฮูหยินผู้นี้บอกว่านางมาตามหาลูกสาวพ่ะย่ะค่ะ ลูกสาวของนางคืออี้เอ๋อร์ที่มาในวันนี้พ่ะย่ะค่ะ” ฉินจือกล่าว

อ๋องเหลียงใจกระตุกวูบ มองไปที่ฮูหยินผู้นั้น “ท่านคือมารดาของอี้เอ๋อร์งั้นหรือ? นางยังไม่กลับหรือ?”

ฮูหยินผู้นั้นมองพิจารณาอ๋องเหลียง ถอดสร้อยประคำออกมาวางไว้ในมือแล้วขยับไปมา ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ใช่เจ้าค่ะ วันนี้นางออกไปข้างนอก ยังไม่ได้กลับบ้านเลยเจ้าค่ะ ก่อนนางจะออกไปก็บอกกับเพื่อนบ้านเอาไว้ว่านางจะไปตำหนักองค์หญิง ข้าก็เลยมาถามว่าวันนี้นางได้มาที่นี่หรือไม่เจ้าค่ะ?”

เซียวโธ่ตะลึงงัน “สวรรค์ เช่นนั้นคนที่ขึ้นไปบนรถม้าขององค์รัชทายาทก็คืออี้เอ๋อร์จริงๆ ด้วย”

ฮูหยินผู้นั้นหันไปมองเซียวโธ่ เหลือบตาขึ้นเล็กน้อย “ท่านบอกว่าอี้เอ๋อร์ขึ้นรถม้าขององค์รัชทายาทงั้นหรือ? เป็นไปได้อย่างไร? นางขึ้นรถม้าขององค์รัชทายาทได้อย่างไร?”

สร้อยประคำในมือของนางยิ่งขยับเร็วขึ้นเรื่อยๆ

“ฮูหยิน ท่านไม่ต้องกังวลใจไป พวกเราจะไปหาองค์รัชทายาทพาอี้เอ๋อร์กับมาเดี๋ยวนี้” เซียวโธ่รีบพูดขึ้นมาทันที

อ๋องเหลียงที่อยู่ข้างๆ กันก็กำหมัดแน่นทันที เขาโมโหจนเส้นเลือดขึ้นหน้า พลันพูดขึ้นมาว่า “เซียวโธ่ ไป!”

หลีโม่กลัวว่าพวกเขาจะใจร้อนจนหาตัวอี้เอ๋อร์ไม่พบ จึงพูดขึ้นมาว่า “เดี๋ยวก่อน ข้าจะไปกับพวกเจ้าด้วย”

ฮูหยินผู้นั้นกลับขวางทุกคนเอาไว้ “ในเมื่อองค์รัชทายาทพาตัวนางไป ข้าก็จะไปหาองค์รัชทายาทด้วยตัวเอง ไม่ลำบากพวกท่านแล้วเจ้าค่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม