ตอนที่ 401 เหาเย๋ไม่เห็นด้วย
หลังจากคือการแสดงที่ค่อนข้างซ้ำซาก ซุนฟางเอ้อร์เริ่มชิงตำแหน่งเบื้องสูง มารดาของนางใช้เงินทองมากมายเพื่อเชิญอาจารย์แดนม้งมาถ่ายทอดวิชาเวทย์ให้แก่เขา อาจารย์ท่านนี้นับว่ามีทักษะวิชาสูง รู้วิชาเวทย์ดวงชะตา ซุนฟางเอ้อร์นับถืออาจารย์อย่างมาก เอาอกเอาใจขอให้อาจารย์ถ่ายทอดวิชาทั้งหมดนั้นให้แก่เขา ในความเป็นจริงมีคำโบราณกล่าวไว้ว่า ‘ถ่ายทอดให้ศิษย์อาจารย์นั้นอดตาย’ แต่ด้านซุนฟางเอ้อร์กลับเป็น ‘ถ่ายทอดศิษย์อาจารย์ปางตาย’
หลังจากซุนฟางเอ้อร์ลาท่านอาจารย์ไป คนแรกที่นางปลิดชีพคืออาจารย์ของเขาเองโดยใช้วิชาพิษกู่ที่อาจารย์ถ่ายทอดให้แก่เขา
ไร้ยาถอนพิษ อาจารย์สิ้นชีพิตักษัย
หลังจากนั้นเขาได้ปลิดชีพมารดาผู้ให้กำเนิด เด็กสาวสาวกำพร้าทรุดลงอยู่หน้าประตูตำหนักของฮูหยิน ซุนฮูหยินเป็นผู้จิตใจอ่อนโยนตั้งแต่ไรมา พบนางน่าสงสาร นำนางมาดูแลทะนุถนอมดั่งลูกที่ให้กำเนิด หลังจากนั้นเป็นต้นมาไม่ว่าจะไปที่แห่งใดจะพานางและโหรวเหยาไปด้วย
และในท้ายที่สุดเขาก็ฉวยโอกาสวางยาพิษรักชัง พิษชนิดนี้ร้ายแรงมาก และไม่มียาถอนพิษ เมื่อถูกพิษรักชังเข้าไป แทบไม่มีหนทางล้างพิษได้
ซือถูเย้นถูกเขาทำให้หลงเสน่ห์อยู่ครึ่งเดือน ในท้ายที่สุดก็ขอฮองไทเฮาแต่งงานกับนาง
ฮองไทเฮาไม่ตอบรับคำขอของเขา ให้เขาไปทูลถามไทฮองไทเฮา เขายังลุกไปหาโดยทันทีไม่สนสิ่งใด
แต่หลังจากที่เขากลับมากลับสั่งให้คนจับตัวนางเอาไว้ เขาให้นางกินยาเม็ดหนึ่ง ซุนฟางเอ้อร์จำนนต่อสถานการณ์ ยอมรับว่านางวางยาพิษซือถูเย้น
ในราชวงศ์ ยาพิษกู่และมนต์สาปแช่งเป็นตำราที่น่าชังและกลสกปรก เป็นสิ่งต้องห้าม ตระกูลซุนจึงต้องเนรเทศนางออกจากตระกูล
ซุนฟางเอ้อร์ไปขอซุยฮูหยินให้ช่วย แต่ซุนฮูหยินกลับไม่ใจอ่อน นางโกรธแค้นจึงวางยาพิษกู่แก่ซุนฮูหยินจนเกือบสิ้นลมหายใจ โชคดีที่ผู้เฒ่าอ๋องอานหรานมาช่วยเอาไว้ได้ทันจนได้ชีวิตกลับคืนมา แต่น่าเสียดายเพียงว่าพิษยากู่ชนิดนี้ทำให้นางต้องหูหนวก
หลีโม่ตกใจมากหลังจากได้ยินเรื่องราว “มิน่าเหตุใดโหรวเหยาจึงชังนางนัก มิน่าซือถูเย้นจึงไม่ยินดีที่จะกล่าวถึงนาง แท้จริงแล้วเรื่องก็เป็นเช่นนี้เองสินะ”
“ไม่ผิดหรอก หลังจากเกิดเรื่องราวในคราวนั้น เสด็จอายิ่งเกลียดชังหญิงสาวมากขึ้น ไม่ยินยอมให้ใกล้ชิดหญิงใด ได้ยินมาว่าเพราะคราวนั้นที่เขาลุ่มหลงซุนฟางเอ้อร์ ซุนฟางเอ้อร์เคยกอดเขา” อ๋องเหลียงกล่าว
หลีโม่ขมวดคิ้ว “เพียงแค่กอดหรือ?”
“ว่ากันมาเคยจุมพิต แต่หลังจากนั้นท่านลุงก็ล้างปากด้วยสุราตลอดหนึ่งเดือน”
หลีโม่หัวเราะ “เด็กน้อยที่น่าสงสาร”
อ๋องเหลียงพูดขึ้น “ยังหัวเราะได้อีกรึ? ซุนฟางเอ้อร์ผู้นี้เป็นคนเลือดเย็นมาก แม้แต่มารดาของตนและท่านอาจารย์ยังลงมือฆ่าได้ลง หลังจากนั้นนางก็ไปพึ่งพาอ๋องหนานหวยตามเขาไปที่แดนหนานโก๋ว พวกเขากลับมาครั้งนี้ เกรงว่าจะเลี่ยงออกมาได้ยากนัก”
“อืม ข้ารู้” หลีโม่พยักหน้ารับ
หลีโม่หันหลังเดินออกไป เตาเหล่าต้ามีเรื่องมาขอเข้าพบพอดิบพอดี เขาคุยกับหลีโม่อยู่หลายประโยค หลีโม่ปีติยกใหญ่ จึงออกไปกับเตาเหล่าต้า
นางกลับเข้ามาในตอนค่ำ ซือถูเย้นถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก “เจ้าไปที่ใดมา?”
หลีโม่กระซิบที่ข้างหูของเขาเพียงสองคำ ซือถูเย้นส่งเสียง ‘หืม’ ขึ้นมา “จริงหรือ?”
“จริงแท้แน่นอน!” หลีโม่ตอบ
ซือถูเย้นเพียงแค่ส่งเสียง ‘อือ’ ตอบกลับไป และไม่ได้มีทีท่าว่าจะดีใจอย่างที่คาดการณ์ไว้
กล่าวว่าฮองไทเฮานำเหาเย๋กลับตำหนักและมอบหนังสือหย่าให้แก่เหาเย๋ เหาเย๋ใจอ่อน คุกเข่าลงบนพื้น “ไทเฮา หนังสือหย่านี้มิควรเปิดเผย หม่อมฉันมิอาจยินยอมได้”
ฮองไทเฮากล่าว “แม้จะประกาศออกไป ข้าคิดว่าก็ไม่ได้สลักสำคัญอันใด เหตุใดเหาเย๋จึงดื้อดึง?”
เหาเย๋ส่ายหน้า “มิใช่หม่อมฉันดื้อดึง เป็นเพราะหนังสือหย่าฉบับนี้มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน หากแต่ไร้ความยินยอมจากตระกูล ทั้งยังมิใช่หานชีงชีวนำมามอบให้ ไม่แน่ว่าเซียวเซียวเพียงเขียนเล่นไปอย่าง
ฮองไทเฮากล่าว “กลับไม่ใช่เช่นนี้ ข้าไม่คนไปสำรวจดูแล้ว เห็นว่าเหลียงสู้หลินกับไถ้ฝู้นั้นความสัมพันธ์ธ์ระหว่างกันไม่ดีนัก ไถ้ฝู้ยกตนข่มหลานผู้นี้อยู่เสมอ อาจกล่าวได้ว่าเหลียงสู้หลินแตกต่างจากคนในตระกูล เป็นผู้ที่อดทนอดกลั้นอย่างยากลำบากเพื่อความอยู่รอด”
“ถ้าเช่นนั้น นิสัยใจคอเล่า?” กุ้ยไท่เฟยถามออกไป
นิสัยใจคอไม่เลวเลย ข้าเคยไถ่ถามองครักษ์ที่ทำงานเคียงคู่เขาล้วนกล่าวว่าเขานิสัยใจคอดี รอบรู้อักษรศิลปะการต่อสู้ ทั้งยังทะเยอทะยาน ไถ้ฝู้ไม่แม้แต่จะไยดีต่อเขา เขาไม่เรียกร้องสิ่งใด ทำเพียงแต่รับผิดชอบหน้าที่ของตนให้ดี
กุ้ยไท่เฟยได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวออกไป” หากยังมีผู้อื่นให้ตัดสินใจอีก คงต้องค่อยๆ ดูกันไป”
“ไม่มีเวลาได้พิจารณาแล้ว ข้าสั่งคนให้ไปถามหลีโม่และซือถูเย้นแล้ว หากฝังเข็มผนึกไว้อีกครา มีเวลาเพียงสองสามวันเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องรีบตัดสินใจอย่างรวดเร็วที่สุด”
กุ้ยไท่เฟยไม่ได้พูดอะไร ทั้งสองเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง ฮองไทเฮาเป็นกังวลต่ออาการเจ็บของซือถูจิ้ง เห็นได้ชัดว่ากุ้ยไท่เฟยมิได้ใส่ใจถึงเรื่องนี้นัก
” อ่อ ใช่สิ องค์ชายแปดยังไม่กลับมาหรือ?” ฮองไทเฮาถามขึ้นมา
“อีกประมาณสองวันก็น่าจะถึงแล้วนะเพคะ” กุ้ยไท่เฟยตอบอย่างสุขุม
ฮองไทเฮามองไปที่นาง “หากองค์ชายแปดมาถึงเจ้าจะสบายใจขึ้นใช่หรือไม่? ครั้งนี้พวกเจ้าแม่ลูกได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครา “หากแต่ว่าครั้งนี้แตกต่างออกไป ครั้งก่อนจำไม่ได้แน่ชัดว่าเจอกันเมื่อใด
กุ้ยไท่เฟยหัวเราะเล็กน้อย “ดูออกเสียแล้ว ความจริงคิดถึงลูกอย่างมากก็จะไปหาเขา ข้าก็กระดูกกระเดี้ยวยังถือว่าเดินทางไปได้ หากอายุมากขึ้นอีกก็ยากเสียแล้ว”
“เจ้าเข้าใจเช่นนั้นก็ดีแล้ว เจ้ากับอาเย้นมีปากมีเสียงจนเป็นเช่นนี้ ได้องค์ชายแปดมาปรับดุลเสียหน่อยก็ไม่เลว อย่างน้อยก็เป็นพี่น้องกันทั้งคู่ เพียงแค่จับตามองก็เท่านั้นเอง ลูกหลานแต่ละรุ่นนั้นมีทางของตน พวกเราไม่ควรเข้าไปยุ่มย่ามให้มากมาย”
กุ้ยไท่เฟยนัยน์ตาเป็นประกาย “เพคะ มิควรลงไปยุ่ง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...