บทที่ 557 ความทะเยอทะยานของฮ่องเต้
ฉาวฮองเฮาพูดว่า “ดังนั้น หม่อมฉันถึงได้บอกว่าเพิกเฉยพวกเขาก่อน ยังไงตอนนี้พวกเขาก็ภายในเป่ยม่อ ต่อให้ซือถูเย้นเก่งแค่ไหน ยังจะสามารถพลิกฟ้าได้หรือ?”
นางโบกมือ ให้องค์รัชทายาทออกไป องค์รัชทายาทถวายบังคมแล้วก็ถอยออกไป
ฉาวฮองเฮาปรบมือหนึ่งที แล้วพูดว่า “เชิญชิงเฟยเหนียงเหนียงง”
ฮ่องเต้ได้ยินว่าเชิญชิงเฟย สีหน้าค่อยอ่อนโยนลงมาบ้าง “ยังคงเป็นฮองเฮาที่รู้ใจข้า”
ฉาวฮองเฮายกจอกแก้ว ยกขึ้นดื่มพร้อมอบยิ้มหวาน หางตากระพริบเป็นประกาย แล้วก็กลับมาเป็นปกติ
สักพัก ก็เห็นชิงเฟยอุ้มพินเข้ามา
นางสวมชุดกระโปรงชาววังสีเขียว ผิวกายของนางขาวดั่งหิมะ ตากลมจมูกโด่ง ริมฝีปากแดงระเรื่อ ในฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้ นางสวมชุดรัดรูป เผยลำคอยาวขาวผ่อง ผมมัดเกล้าไว้ เวลาเดินยิ่งดูอ่อนหวานมีเสน่ห์
ฮ่องเต้เห็นนางแล้ว ถึงกับมองอย่างตะลึง
ฮองเฮาอมยิ้มแล้วลุกขึ้น “เอาล่ะ หม่อมฉันยังมีงานต้องทำ ชิงเฟยเจ้าค่อยดูแลฮ่องเต้ให้ดีนะ ฮ่องเต้กำลังมีเรื่องกลุ้มใจอยู่”
“เพคะ หม่อมฉันน้อมส่งฮองเฮาเหนียงเหนียง” ชิงเฟยถวายบังคม ริมฝีปากเริ่มขยับ น้ำเสียงดั่งสายน้ำไหล เพียงแค่ได้ยิน ก็ลุ่มหลงอยู่ในนั้น
ฮองเฮามองนางอย่างลึกซึ้งอยู่แว๊บหนึ่ง แล้วค่อยๆเดินไป ชายกระโปรงลากผ่านบันไดหยกหินภายในตำหนัก ดูมีสง่าสูงส่งอย่างพูดไม่ออก
ชิงเฟยย่อตัวลง “หม่อมฉันถวายบังคมฮ่องเต้”
ฮ่องเต้หัวเราะชอบใจ กวักมือแล้วพูดว่า “เข้ามา”
“เพคะ ฮ่องเต้” ชิงเฟยเดินมาใกล้ นั่งลงบนขาของฮ่องเต้ เอาพินวางไว้บนโต๊ะ หัวกลับไปกอดฮ่องเต้ ยิ้มหวานอย่างมีเสน่ห์ “ได้ฟังฮองเฮาเหนียงเหนียงพูดว่า ฮ่องเต้มีเรื่องให้กลุ้มใจ ใครกันที่ทำให้ฮ่องเต้ไม่สบายใจ?”
ฮ่องเต้ยื่นมือไปจับคางของนาง “ไม่มีเรื่องอะไรต้องกลุ้มใจ ตอนนี้ข้ากำลังดีใจ”
“ดีใจ? ด้วยเรื่องอะไรหรือ? เล่าให้หม่อมฉันฟังดีไหม หม่อมฉันจะได้ดีใจด้วย” ชิงเฟยอมยิ้มนิดๆ
“ข้าหลอกลวงอ๋องซื่อเจิ้งประเทศต้าโจวมา ในค่ายทหารไม่มีซือถูเย้น ต้าโจวคิดจะชนะถือเป็นเรื่องยากแล้ว” ฮ่องเต้หัวเราะขึ้นมา หางตาเป็นประกายแวววาวอย่างไม่ปิดบัง
ชิงเฟยถามอย่างสงสัยว่า “แต่ อ๋องซื่อเจิ้งทั้งสองสามีภรรยานั้นมารักษาโรคไม่ใช่หรือ?”
“นั่นเป็นเพียงเพื่อปลอบใจประชาชน การศึกในครั้งนี้ ยังไงก็ยังจะต้องมีต่อไป ส่วนการมาของอ๋องซื่อเจิ้งกับเสี้ยหลีโม่ ทำให้คนของพวกยึดมั่นสันติภาพพวกนั้นมาบ่นพึมพำอยู่ข้างหูข้า” ฮ่องเต้หอมแก้มของนาง ฝ่ามือโตล้วงเข้าไปตรงหน้าอก แล้วก็บีบนวดอย่างสะใจ
ชิงเฟยยิ้มอย่างเอียงอาย “ฮ่องเต้ นี่ยังกลางวันแฉกๆนะเพคะ”
“กลางวันแล้วยังไง? เจ้าเป็นของข้า” ฮ่องเต้พูดอย่างดื้อรั้น
ชิงเฟยหลบอยู่แปบหนึ่ง “ฮ่องเต้ดื้อจัง ไม่เพียงรังแกหม่อมฉัน ยังรังแกอ๋องฉีด้วย หากอ๋องฉีรู้ว่าฮ่องเต้คิดยังไง เกรงว่าคงจะโกรธแย่แน่”
“น้องชายของข้าคนนี้ ก็บั่กเดียวเกินไป” ฮ่องเต้หยุดมือลง ดูแล้วก็ค่อนข้างร่าเริงแจ่มใส “ดี เจ้าไปเล่นพินหนึ่งเพลง ข้าอยากดื่มเหล้า”
ชิงเฟยลุกขึ้นยืน “เพคะ ฮ่องเต้อยากฟังเพลงอะไร?”
“กองทัพอาวุธเหล็ก” ฮ่องเต้หัวเราะอย่างเชื่อมั่น
บรรพบุรุษของเป่ยม่อ อยากเป็นเจ้าแผ่นดินเพียงหนึ่งเดียว มีเพียงการทำศึก ถึงจะสามารถขยายราชอาณาจักร
ทุกคนต่างก็คิดว่า เขาถูกฮองเฮาเป่าหู ถึงได้ทำศึกอยู่ตลอด
มือเรียวยาวของชิงเฟยดีดสายพิน เสียงพินดังอยู่อย่างสงบ เพลงกองทัพอาวุธเหล็ก เริ่มแรกบรรเลงอย่างคึกครื้น พันม้าหมื่นม้าวิ่งอย่างชนมุน หากฝีมือการดีดพินไม่ดีพอจะไม่สามารถบรรเลงได้
ฮ่องเต้หลับตาลง ฝันไปว่ากองทัพอาวุธเหล็กของเป่ยม่อเหยียบผ่านแผ่นดินของต้าโจว มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงของต้าโจว
ต้าโจว เป็นฝันที่สิ้นสุดของเขา ผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ สาวสวยงดงาม ยังมีคุณหนูหลี่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งแผ่นดิน
เคยเห็นเพียงครั้งเดียว เคยเห็นนางวาดรูปหนึ่งครั้ง แล้วลืมภาพนั้นไม่ลงมาตลอด หากไม่ได้ลิ้มลองรสนั้น เขาที่เป็นฮ่องเต้นี่ จะมีความหมายอะไร?
อ๋องฉีออกมาจากห้องพระอักษร ยืนอยู่หน้าประตูวัง แล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน
เขาไม่กล้ากลับจวน ไม่รู้จะพูดยังไงกับอ๋องซื่อเจิ้ง คำมั่นสัญญาในก่อนหน้านี้ เหมือนกับลมตด
“นี่เป็นก่อนที่ไท่เฟยยังไม่ได้เข้าวัง เคยถามขอจากชิงเฟยเหนียงเหนียงง ไท่เฟยคงจะรู้ว่าชิงเฟยเหนียงเหนียงงได้รับพระราชทานโสมพันปีจากฮ่องเต้ ถามชิงเฟยเหนียงเหนียงงต่อหน้าฮองไทเฮาด้วย” เสี่ยวหลิงพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างไม่พอใจ
อ๋องฉีพูดอย่างเรียบเฉยว่า “เรียนขอบพระทัยชิงเฟยเหนียงเหนียงงแทนข้าด้วย”
“ท่านอ๋องไม่ต้องเกรงใจ เพียงแต่ร่างกายเหนียงเหนียงไม่ค่อยแข็งแรง โสมนี้ฮ่องเต้พระราชทานให้ชิงเฟยเหนียงเหนียงงบำรุงร่างกาย ดังนั้น แค่คำขอบคุณ ชิงเฟยเหนียงเหนียงงสมควรได้รับ” เสี่ยวหลิงพูดเสร็จ แล้วก็เชิดหน้าเดินจากไป
สีหน้าอ๋องฉีไม่แสดงอาการใดๆ อุ้มกล่องโสมนั้นไว้ แล้วก็เดินจากไป
เพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นองค์รัชทายาทตามมาอยู่ด้านหลัง “เสด็จอา ข้าก็กำลังจะออกไปนอกวัง ไปพร้อมกับท่านนะ”
อ๋องฉีมองดูองค์รัชทายาทแว๊บหนึ่ง พูดขึ้นอย่างหมดอาลัยตายอยากว่า “ได้ ไปสิ”
ทั้งสองคนเดินตรงออกไป องค์รัชทายาทมองเห็นกล่องในมืออ๋องฉีแล้วพูดว่า “นี่เป็นโสมที่ฮ่องเต้พระราชทานให้กับเสด็จแม่ชิงไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงมาอยู่ในมือของเสด็จอาได้?”
“ชิงเฟยเหนียงเหนียงงบอก มอบให้เสด็จแม่ ให้ข้าเอาไปให้” อ๋องฉีพูดอยู่อย่างหนักใจ
“อืม?” องค์รัชทายาทหัวเราะ หางตาฉายแววเป็นประกาย “ข้าได้ยินมาว่า นี่เป็นโสมพันปี ข้ายังไม่เคยเห็นโสมพันปีเลย ไม่รู้ว่าเสด็จอาจะเปิดให้ข้าดูหน่อยได้ไหม?”
อ๋องฉีหยุดฝีเท้าลง มองดูองค์รัชทายาท “ไม่งั้น มอบให้องค์รัชทายาทไหม?”
องค์รัชทายาทโบกไม้โบกมือ “นี่ไม่ได้เด็ดขาด นี่เป็นของที่ท่านแม่ชิงมอบให้ไท่เฟย ข้าจะกล้ารับไว้ได้ยังไง? แค่อยากจะดูไว้เป็นความรู้เฉยๆ”
อ๋องฉีเปิดกล่องออก “โสมพันปีนี้ ข้าก็ไม่เคยเห็น ท่านแม่นี่ก็จริงๆเลย นี่เป็นของที่ฮ่องเต้พระราชทานให้กับ”ชิงเฟยเหนียงเหนียงง จะไปถามเอาทำไมกัน?
ในกล่องมีโสมนอนอยู่หนึ่งชิ้น ก็ไม่ถือว่าใหญ่ แต่หนวดโสมเยอะมาก ทั้งชิ้นเหี่ยวย่น ไม่เหมือนโสม เหมือนคนแก่มากกว่า
องค์รัชทายาทมองดูกล่องนั้น แล้วก็หัวเราะ “นี่ก็คือโสมพันปีหรือ? รูปร่างหน้าตาไม่น่ามองเลย”
อ๋องฉีเก็บกล่องไว้เหมือนเดิม “รูปร่างหน้าตาไม่น่ามอง ปกติแล้วถือเป็นของดี”
องค์รัชทายาทหัวเราะ “ใช่ ข้าเพิ่งคิดขึ้นมาได้ว่ายังมีงานต้องทำ ยังไม่ออกนอกวังไปกับเสด็จอาแล้วนะ เชิญเสด็จอาไปก่อนเลย”
อ๋องฉีอืมคำหนึ่ง “ได้ งั้นข้าไปก่อนแล้วนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...