เฉียวจงกั๋วมีสีหน้านิ่งไปเล็กน้อย งามหน้าเสียจริง ๆ ทางด้านเจ้ารองก็มีเรื่องให้ต้องจัดการเหมือนกันแล้ว
ข้าจะตีเขาจนถึงขั้นที่เห็นหอนางโลมต้องเดินหนีเลย!
“เอาล่ะฮูหยิน อย่าได้คิดมากไปเลยยังมีสามีคนนี้อยู่ด้วยทั้งคน คืนนี้สามีจะพักที่นี่ด้วย ดีหรือไม่?”
เมื่อครู่ฮูหยินเฉียวยังโกรธจนปวดหัวอยู่เลย ตอนนี้กลับกลายเป็นอายจนหน้าแดงเถือกไปหมดแล้ว
นางยกมือขึ้นมาผลักเขาเบา ๆ แล้วพูดว่า “พูดอะไรก็ไม่รู้ไม่อายปาก เจียวเจียวยังอยู่ตรงนี้ด้วยทั้งคนนะ และข้า...ร่างกายข้ายังไม่ค่อยสะดวกเท่าไร”
เฉียวจงกั๋วดีดหน้าผากของฮูหยินเฉียวเบา ๆ และหัวเราะอย่างเอือมๆ
“ฮูหยินจอมโง่ของข้า เจ้ากำลังคิดอะไรไร้สาระของเจ้าอยู่หรือ? ข้าแค่กังวลว่าเจ้าจะเหนื่อยกับการตื่นนอนมากลางดึกก็เท่านั้น จึงอยากจะแบ่งเบาภาระกับเจ้าบ้าง”
ฮูหยินเฉียวได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตัวว่าตัวเองคิดลึกจนเกินไป สีหน้าจึงยิ่งแดงมากขึ้นเพราะอายมาก
ใครใช้ให้เขาอายุขนาดนี้แล้วยังตัวติดหนึบเช่นนี้ล่ะ มิฉะนั้นนางคงไม่คิดลึกหรอก...
“พรุ่งนี้ท่านยังต้องเข้าไปว่างานในราชสำนักไม่ใช่หรือ? เกรงว่าจะทำให้ท่านต้องเหนื่อยเปล่าๆ”
เฉียวจงกั๋วส่ายหัวอย่างผ่อนคลาย “สามีคนนี้ตอนที่ทำสงครามกับทางเหนือ ปีนั้นเคยไม่หลับไม่นอนติดต่อกันสามวันสามคืนมาแล้ว ฮูหยินคิดว่าสามีแก่แล้วงั้นหรือ จึงใช้การไม่ได้แล้ว?”
“ท่านอย่าปากเสียเช่นนี่สิเจ้าคะ!” ฮูหยินเฉียวทุบไปที่ไหล่ของสามีอย่างสะดีดสะดิ้ง
เฉียวเจียวเจียวเกือบจะคลั่งตายอยู่แล้ว!
[อ๊ากกก! นี่มันคู่รักคู่สวรรค์มาโปรดหรือนี่! ทั้งช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน แถมยังตัวติดกันเป็นตังเม หวานหยาดเยิ้มมากกก!]
สองสามีภรรยาได้ยินเสียงโวยวายดังขึ้น ขณะเดียวกันร่างกายก็แข็งทื่อขึ้นมาทันที และใบหน้าก็แดงก่ำ
ลืมไปแล้วว่าบนเตียงยังมีเจ้าทารกตัวน้อยที่ใจใหญ่นอนอยู่ด้วย!
คืนวันนั้น เฉียวจงกั๋วก็อยู่ต่อตามที่ปรารถนาไว้
และเขาก็นอนอยู่ฝั่งริมนอกสุดอย่างเรียบร้อย เพียงแค่ฮูหยินเฉียวตื่นขึ้นมากลางดึก เขาก็จะลุกขึ้นมานั่งทันทีและจะช่วยยุ่งไปด้วยกัน
เช้าวันรุ่งขึ้นเขาลุกขึ้นมาเงียบ ๆ ตั้งแต่เช้าตรู่ และออกไปอาบน้ำแต่งตัวไปว่างานที่ราชสำนัก
ฮูหยินเฉียวรู้สึกอบอุ่นสุดหัวใจ
ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าได้เติมเต็มความหวานอีกครั้ง คืนนั้นนางได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แม้แต่สีหน้าก็ดีมากขึ้นแล้ว
พอประมาณช่วงเที่ยงของวัน แม่นมหลิวก็พาฮูหยินจั่วเข้ามาหา
ฮูหยินเฉียวไม่ได้แต่งหน้าแต่อย่างใด นางกำลังนั่งอยู่บนเตียงพร้อมกับถือตุ๊กตาผ้าหยอกล้อเล่นอยู่กับเฉียวเจียวเจียว
แม้ว่าเฉียวเจียวเจียวจะไม่ชอบของไร้เดียงสาแบบนี้ไปตั้งนานแล้ว แต่เพื่อเอาใจฮูหยินเฉียวให้มีความสุข นางจึงทำท่าโบกไม้โบกมือตาม
ตอนที่ฮูหยินจั่วเดินเข้ามาในห้อง ก็มาเห็นภาพที่อบอุ่นเช่นนี้เข้า
พอมองออกว่าฮูหยินจั่วตอนยังสาวต้องเป็นคนสวยที่แต่งตัวแต่งหน้าจัดเต็มอย่างแน่นอน ตอนนี้ดูแล้วยังคงมีเสน่ห์เช่นนั้นหลงเหลืออยู่
เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะจั่วซื่อจื่อทำให้นางเป็นกังวลมากเกินไปหรือเปล่า จึงเป็นเหตุทำให้ที่หางตานางมีรอยตีนกาหลายเส้น และระหว่างคิ้วของนางก็แหลมขึ้นเล็กน้อย ดูท่าจะใช้ชีวิตแต่ละวันไม่ค่อยราบรื่นเท่าไร
เมื่อเห็นท่าทางปกป้องลูกของฮูหยินเฉียว ฮูหยินจั่วก็หัวเราะพรืดออกมา “ทำไมหรือ กลัวว่าข้าจะกินเจียวเจียวของเจ้าหรือไงกัน?”
ฮูหยินเฉียวส่ายหัวอย่างเรียบเฉย “เจียวเจียวนางเลือกคนนะ”
ฮูหยินจั่วหัวเราะทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “น้องสาว เด็กเพิ่งเกิดไม่กี่วัน จะเลือกคนอุ้มได้อย่างไร?”
นางยังคงยื่นมือออกมา เฉียวเจียวเจียวจึงแหกปากร้องขึ้นมาประจวบเหมาะพอดี
[หึ นางหญิงโฉด ไม่ให้เจ้าอุ้มหรอก! ไม่ให้เจ้าอุ้มหรอก!]
ฮูหยินจั่วเห็นเฉียวเจียวเจียวร้องไห้งอแงไม่หยุด มือที่ยื่นออกมาก็รีบหดกลับไปทันที ที่จริงแล้วนางก็ไม่ชอบเด็กนักหรอก เพราะหลังจากที่คลอดลูกแล้วนางก็แก่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เหตุที่อยากจะอุ้มก็เพื่อให้ไม่ขายขี้หน้าเท่านั้น
จากนั้นฮูหยินจั่วกำลังจะไปนั่งลงที่ข้างเตียง แต่แม่นมหลิวก็มือไวตาไวรีบไปย้ายเก้าอี้มาให้ทันที
“ฮูหยิน ท่านนั่งตรงนี้จะสบายหน่อยเจ้าค่ะ”
ฮูหยินจั่วนั่งลงไปทันที และก็เริ่มเทศนาเช่นคนที่เคยมีประสบการณ์มาแล้วว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาฝ่าลิขิตสวรรค์
จุติใหม่เป็นตัวประกอบในโลกนิยาย คือเรื่องเดียวกัน...
สถานะขี้นว่าเสร็จสิ้น คือไม่มีตอนต่อไปแล้วใช่ไมค่ะ...
รออัพเดทอยู่น๊า...