เดี๋ยวก่อนนะ อายุสิบสามปีงั้นหรือ!
นั่นไม่ใช่องค์ชายรองในตอนนี้หรอกหรือ!
“นายท่าน?”
คนรับใช้ที่รออยู่นอกประตูเพิ่งจะเจอกับเหตุการณ์กวาดล้างทั้งครอบครัวของหวาต้ามา ตอนนี้ยังคงหวาดกลัวอยู่จึงกล้าแค่เอ่ยเร่งเพียงเบา ๆ เท่านั้น
เฉียวจงกั๋วเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์ฝัน เขารีบตั้งสติทันทีและใบหน้าก็ไม่แสดงถึงความผิดปกติใด ๆ
[อ๊ากกก! ข้าเองก็อยากเห็น! ข้าอยากเจอกับนางเอก! ฮือ ๆ ๆ ท่านพ่อ ท่านพาข้าไปด้วยนะ! ขอร้องล่ะ!]
เฉียวเจียวเจียวตะโกนอย่างร้อนรนด้วยความเหนื่อยล้าและหิวโหย แอบโกรธเคืองที่ไม่มีใครเข้าใจภาษาทารกของนางเลย
เดิมทีเฉียวจงกั๋วกำลังจะก้าวเท้าออกไป พอได้ยินเสียงของนางฝีเท้าของเขาก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตะโกนออกไปว่า “ไปเชิญมาที่ห้องโถงใหญ่ ข้าจะอยู่ต้อนรับที่นี่”
[งื้อออ! ท่านพ่อ ข้ารักท่าน! ท่านเข้าใจข้าที่สุดเลย!]
เฉียวเจียวเจียวน้ำตาจิไหลออกมาแล้ว
เฉียวจงกั๋วได้ยินเช่นนี้ก็รีบไปรับความรักของเฉียวเจียวเจียวด้วยการอุ้มขึ้นมา ในใจคิดอย่างภาคภูมิใจ : ลูกสาวบอกรักเขาด้วยล่ะ!
เฉียวเทียนจิงกับเฉียวตี้อี้เคยเจอกับเมิ่งกู่เสวี่ยเมื่อคืนแล้ว
แต่ว่าในตอนนั้นพวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าแม่นางน้อยที่อายุเพียงสิบขวบคนนั้นจะทำให้ตระกูลเฉียวของพวกเขาต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลวง
ตอนนี้อีกฝ่ายเพิ่งจะอายุเพียงสิบขวบเอง จึงไม่มีอะไรต้องระวังว่าไม่งาม ตอนนี้สองพี่น้องจึงยิ่งไม่อยากออกไป
ผ่านไปไม่นานสองสามีภรรยาตระกูลเมิ่งก็ถูกเชิญเข้ามา และเมื่อเข้ามาเห็นประตูและหน้าต่างที่ปิดสนิท พวกเขาก็รู้สึกงงงวยไปเล็กน้อย
พอสายตาของพวกเลื่อนไปเห็นทารกในอ้อมแขนของเฉียวจงกั๋ว ก็เข้าใจในทันที
ฮูหยินเมิ่งส่วนตัวรู้สึกอิจฉาอย่างมาก
มีข่าวลือไปทั่วทั้งเมืองหลวงว่าผู้ตรวจการเฉียวรักภรรยาเท่าชีวิต และ...รูปร่างของเขาก็ยังดีเยี่ยมอยู่เสียด้วย
ดูสิ คนวัยกลางคนแล้วยังสามารถมีลูกสาวได้อีกคน อีกทั้งมาต้อนรับแขกยังอุ้มมาด้วยอีก เห็นแล้วก็รู้ว่าเอ็นดูเหมือนแก้วตาดวงใจมากแค่ไหน
แล้วดูบุตรชายสองคนของคนอื่นเขาสิ ล้วนเป็นบุคคลที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มมังกรและหงส์กันทั้งคู่ ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างพูดถึงฮูหยินเฉียว มีใครบ้างไม่อิจฉาตาร้อน?
ในทางกลับกันลองหันมามองตาเฒ่าของตัวเองดู ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยกว่าผู้ตรวจการเฉียวถึงห้าปี แต่กลับมีพุงย้อยและกระหม่อมเริ่มมีผมเบาบางแล้ว อีกทั้งยังรับอนุแล้วอนุเล่าไม่หยุดหย่อน
ฮูหยินเมิ่งรู้สึกแค้นเคืองใจอย่างมาก!
เป็นมนุษย์เหมือนกันแท้ ๆ น่าโมโหยิ่งนัก!
แต่นายท่านเมิ่งไม่ได้เป็นคนที่ตระหนักได้ด้วยตัวเองแบบนั้น เขายังอกผายไหล่ผึ่งก้าวเข้าไปทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
แม้ว่าจะมีความคิดประดังประเดในใจมากมาย แต่หลายปีที่ผ่านมาเขาเคยผ่านการแข่งขันชิงดีชิงเด่นของเหล่าขุนนางมาอย่างฟาดฟันมาก่อน เฉียวจงกั๋วยังคงสามารถปั้นสีหน้านิ่งไม่เปลี่ยนได้
“น้องเมิ่งไยจึงพูดเช่นนี้ เมื่อวานวุ่นวายเป็นเรื่องปกติ ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยมาอีกรอบเช่นนี้”
นายท่านเมิ่งเป็นคนฉลาด ตอนนี้ตระกูลเฉียวถูกให้ความสำคัญ แม้ว่าเฉียวจงกั๋วจะเป็นเพียงผู้ตรวจการขั้นสาม แต่เขาสามารถด่าใครในราชสำนักอย่างตามใจชอบได้ และไม่มีใครกล้าโต้เถียงกลับสักประโยคเดียว?
เพราะว่าทุกคนรู้อยู่แก่ใจดีว่า ใครก็ตามที่ถูกเฉียวจงกั๋วหมายตา ถ้าไม่ใช่เพราะคิดอะไรสกปรกอยู่ในใจก็ต้องเป็นคนมือสกปรกจับได้คาหนังคาเขา และเขายังเป็นขุนนางที่ทำอะไรไม่มีพรรคมีพวก งานเลี้ยงระหว่างเพื่อนร่วมงานก็ไม่เคยเข้าร่วมสักครั้งเดียวและทำอะไรตัวคนเดียวมาโดยตลอด
นายท่านเมิ่งคิดว่า ถ้าหากสามารถใช้โอกาสนี้สร้างสัมพันธ์ไมตรีที่ดีกับเฉียวจงกั๋วได้ ถ้าเช่นนั้นไม่เป็นการทำให้เขามีหลักประกันเพิ่มในราชสำนักหรอกหรือ?
“ไอหยา พี่เฉียว พระคุณที่ช่วยชีวิตนั้นยิ่งใหญ่ล้นฟ้า เสี่ยวเสวี่ยรีบมาขอบคุณคุณชายรองเร็วเข้าสิ!”
เมิ่งกู่เสวี่ยเดินออกมาทันทีด้วยดวงตาที่สดใสแพรวพราว และน้ำเสียงที่ไพเราะชัดเจนก็ดังขึ้น
“ขอบคุณคุณชายรองเฉียวที่ช่วยชีวิตเอาไว้ เสี่ยวเสวี่ยไม่มีอะไรจะตอบแทน แต่จะจดจำบุญคุณนี้ไม่มีวันลืมเจ้าค่ะ!”
เฉียวตี้อี้ลองมองสำรวจนางอย่างละเอียดดู เพราะเมื่อวานเขาเห็นเต็มตา เมิ่งกู่เสวี่ยคนเมื่อคืนเหมือนว่าจะสติกระเจิดกระเจิงบ้าคลั่งไปแล้ว ท่าทีที่แสดงออกก็ดูหวาดกลัวมากเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุด จากนั้นก็เริ่มมีไข้สูง
ไม่คิดว่าหลังจากผ่านไปหนึ่งคืน รู้สึกเหมือนเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนไปเลย!
หรือจะเป็นจริงอย่างที่น้องสาวพูด ในตอนนี้ร่างกายของเมิ่งกู่เสวี่ยมีสตรีที่เป็นโตแล้วจากอีกโลกหนึ่งอาศัยอยู่ในร่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาฝ่าลิขิตสวรรค์
จุติใหม่เป็นตัวประกอบในโลกนิยาย คือเรื่องเดียวกัน...
สถานะขี้นว่าเสร็จสิ้น คือไม่มีตอนต่อไปแล้วใช่ไมค่ะ...
รออัพเดทอยู่น๊า...