พลิกชะตาฝ่าลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 7

เดี๋ยวก่อนนะ อายุสิบสามปีงั้นหรือ!

นั่นไม่ใช่องค์ชายรองในตอนนี้หรอกหรือ!

“นายท่าน?”

คนรับใช้ที่รออยู่นอกประตูเพิ่งจะเจอกับเหตุการณ์กวาดล้างทั้งครอบครัวของหวาต้ามา ตอนนี้ยังคงหวาดกลัวอยู่จึงกล้าแค่เอ่ยเร่งเพียงเบา ๆ เท่านั้น

เฉียวจงกั๋วเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์ฝัน เขารีบตั้งสติทันทีและใบหน้าก็ไม่แสดงถึงความผิดปกติใด ๆ

[อ๊ากกก! ข้าเองก็อยากเห็น! ข้าอยากเจอกับนางเอก! ฮือ ๆ ๆ ท่านพ่อ ท่านพาข้าไปด้วยนะ! ขอร้องล่ะ!]

เฉียวเจียวเจียวตะโกนอย่างร้อนรนด้วยความเหนื่อยล้าและหิวโหย แอบโกรธเคืองที่ไม่มีใครเข้าใจภาษาทารกของนางเลย

เดิมทีเฉียวจงกั๋วกำลังจะก้าวเท้าออกไป พอได้ยินเสียงของนางฝีเท้าของเขาก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตะโกนออกไปว่า “ไปเชิญมาที่ห้องโถงใหญ่ ข้าจะอยู่ต้อนรับที่นี่”

[งื้อออ! ท่านพ่อ ข้ารักท่าน! ท่านเข้าใจข้าที่สุดเลย!]

เฉียวเจียวเจียวน้ำตาจิไหลออกมาแล้ว

เฉียวจงกั๋วได้ยินเช่นนี้ก็รีบไปรับความรักของเฉียวเจียวเจียวด้วยการอุ้มขึ้นมา ในใจคิดอย่างภาคภูมิใจ : ลูกสาวบอกรักเขาด้วยล่ะ!

เฉียวเทียนจิงกับเฉียวตี้อี้เคยเจอกับเมิ่งกู่เสวี่ยเมื่อคืนแล้ว

แต่ว่าในตอนนั้นพวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าแม่นางน้อยที่อายุเพียงสิบขวบคนนั้นจะทำให้ตระกูลเฉียวของพวกเขาต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลวง

ตอนนี้อีกฝ่ายเพิ่งจะอายุเพียงสิบขวบเอง จึงไม่มีอะไรต้องระวังว่าไม่งาม ตอนนี้สองพี่น้องจึงยิ่งไม่อยากออกไป

ผ่านไปไม่นานสองสามีภรรยาตระกูลเมิ่งก็ถูกเชิญเข้ามา และเมื่อเข้ามาเห็นประตูและหน้าต่างที่ปิดสนิท พวกเขาก็รู้สึกงงงวยไปเล็กน้อย

พอสายตาของพวกเลื่อนไปเห็นทารกในอ้อมแขนของเฉียวจงกั๋ว ก็เข้าใจในทันที

ฮูหยินเมิ่งส่วนตัวรู้สึกอิจฉาอย่างมาก

มีข่าวลือไปทั่วทั้งเมืองหลวงว่าผู้ตรวจการเฉียวรักภรรยาเท่าชีวิต และ...รูปร่างของเขาก็ยังดีเยี่ยมอยู่เสียด้วย

ดูสิ คนวัยกลางคนแล้วยังสามารถมีลูกสาวได้อีกคน อีกทั้งมาต้อนรับแขกยังอุ้มมาด้วยอีก เห็นแล้วก็รู้ว่าเอ็นดูเหมือนแก้วตาดวงใจมากแค่ไหน

แล้วดูบุตรชายสองคนของคนอื่นเขาสิ ล้วนเป็นบุคคลที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มมังกรและหงส์กันทั้งคู่ ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างพูดถึงฮูหยินเฉียว มีใครบ้างไม่อิจฉาตาร้อน?

ในทางกลับกันลองหันมามองตาเฒ่าของตัวเองดู ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยกว่าผู้ตรวจการเฉียวถึงห้าปี แต่กลับมีพุงย้อยและกระหม่อมเริ่มมีผมเบาบางแล้ว อีกทั้งยังรับอนุแล้วอนุเล่าไม่หยุดหย่อน

ฮูหยินเมิ่งรู้สึกแค้นเคืองใจอย่างมาก!

เป็นมนุษย์เหมือนกันแท้ ๆ น่าโมโหยิ่งนัก!

แต่นายท่านเมิ่งไม่ได้เป็นคนที่ตระหนักได้ด้วยตัวเองแบบนั้น เขายังอกผายไหล่ผึ่งก้าวเข้าไปทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

แม้ว่าจะมีความคิดประดังประเดในใจมากมาย แต่หลายปีที่ผ่านมาเขาเคยผ่านการแข่งขันชิงดีชิงเด่นของเหล่าขุนนางมาอย่างฟาดฟันมาก่อน เฉียวจงกั๋วยังคงสามารถปั้นสีหน้านิ่งไม่เปลี่ยนได้

“น้องเมิ่งไยจึงพูดเช่นนี้ เมื่อวานวุ่นวายเป็นเรื่องปกติ ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยมาอีกรอบเช่นนี้”

นายท่านเมิ่งเป็นคนฉลาด ตอนนี้ตระกูลเฉียวถูกให้ความสำคัญ แม้ว่าเฉียวจงกั๋วจะเป็นเพียงผู้ตรวจการขั้นสาม แต่เขาสามารถด่าใครในราชสำนักอย่างตามใจชอบได้ และไม่มีใครกล้าโต้เถียงกลับสักประโยคเดียว?

เพราะว่าทุกคนรู้อยู่แก่ใจดีว่า ใครก็ตามที่ถูกเฉียวจงกั๋วหมายตา ถ้าไม่ใช่เพราะคิดอะไรสกปรกอยู่ในใจก็ต้องเป็นคนมือสกปรกจับได้คาหนังคาเขา และเขายังเป็นขุนนางที่ทำอะไรไม่มีพรรคมีพวก งานเลี้ยงระหว่างเพื่อนร่วมงานก็ไม่เคยเข้าร่วมสักครั้งเดียวและทำอะไรตัวคนเดียวมาโดยตลอด

นายท่านเมิ่งคิดว่า ถ้าหากสามารถใช้โอกาสนี้สร้างสัมพันธ์ไมตรีที่ดีกับเฉียวจงกั๋วได้ ถ้าเช่นนั้นไม่เป็นการทำให้เขามีหลักประกันเพิ่มในราชสำนักหรอกหรือ?

“ไอหยา พี่เฉียว พระคุณที่ช่วยชีวิตนั้นยิ่งใหญ่ล้นฟ้า เสี่ยวเสวี่ยรีบมาขอบคุณคุณชายรองเร็วเข้าสิ!”

เมิ่งกู่เสวี่ยเดินออกมาทันทีด้วยดวงตาที่สดใสแพรวพราว และน้ำเสียงที่ไพเราะชัดเจนก็ดังขึ้น

“ขอบคุณคุณชายรองเฉียวที่ช่วยชีวิตเอาไว้ เสี่ยวเสวี่ยไม่มีอะไรจะตอบแทน แต่จะจดจำบุญคุณนี้ไม่มีวันลืมเจ้าค่ะ!”

เฉียวตี้อี้ลองมองสำรวจนางอย่างละเอียดดู เพราะเมื่อวานเขาเห็นเต็มตา เมิ่งกู่เสวี่ยคนเมื่อคืนเหมือนว่าจะสติกระเจิดกระเจิงบ้าคลั่งไปแล้ว ท่าทีที่แสดงออกก็ดูหวาดกลัวมากเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุด จากนั้นก็เริ่มมีไข้สูง

ไม่คิดว่าหลังจากผ่านไปหนึ่งคืน รู้สึกเหมือนเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนไปเลย!

หรือจะเป็นจริงอย่างที่น้องสาวพูด ในตอนนี้ร่างกายของเมิ่งกู่เสวี่ยมีสตรีที่เป็นโตแล้วจากอีกโลกหนึ่งอาศัยอยู่ในร่าง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาฝ่าลิขิตสวรรค์