ตอนบ่ายสี่โมง เครื่องบินส่วนตัวของซูโสว่เต้า อยู่บนอากาศในเมืองซูหางเริ่มลดระดับความสูงลง
กำลังจะลงจอดในสนามบินซูหางในไม่ช้านี้ เขาจึงโทรหาซูจือเฟยลูกชายของตัวเอง
ซูจือเฟยในเวลานี้ ได้ขับรถไปถึงที่สนามบินแล้ว เขาจอดรถอยู่ในลานจอดรถ ตัวเองอยู่ในรถรอข่าวจากพ่อ
เมื่อเห็นพ่อโทรมา เขารับสายอย่างรวดเร็ว และเอ่ยปากถามว่า: “พ่อ พ่อถึงไหนแล้ว?”
ซูโสว่เต้าพูดว่า: “อีกยี่สิบนาทีกว่า ฉันน่าจะลงจอดแล้ว แกถึงหรือยัง?”
“ผมมาถึงแล้วครับ”ซูจือเฟยพูดว่า: “หลังจากที่พ่อออกจากด่านศุลกากรแล้วบอกผม ผมจะไปรับพ่อ”
“ได้!”ซูโสว่เต้ากำชับเขา: “อย่าลืมสวมหน้ากากและแว่นกันแดดด้วย ตอนนี้คนตระกูลซูอย่างพวกเราไวต่อความรู้สึกของภายนอกเกินไปจริงๆ อย่าได้ทำให้คนอื่นสังเกตเห็นว่าพวกเรามาที่ซูหาง”
“ผมรู้แล้วครับพ่อ”
หลังจากที่วางสาย ซูจือเฟยก็รีบสวมหน้ากากและแว่นกันแดด ต่อจากนั้นขับรถไปที่ทางเข้าหลักของทางเดินขาเข้าของสนามบิน หลังจากที่รอประมาณยี่สิบนาทีกว่า ร่างของซูโสว่เต้าก็ปรากฏขึ้นที่ทางออกของอาคารผู้โดยสารขาเข้าของสนามบิน
เหมือนกันกับซูจือเฟย ซูโสว่เต้าก็ยังสวมแว่นกันแดดสีดำและหน้ากากสีดำแบบใช้แล้วทิ้ง
แต่ทว่า ซูจือเฟยยังมองแวบเดียวก็มองเขาออก ต่อจากนั้นรีบลงรถ โบกมือให้กับเขา และตะโกนว่า: “พ่อ ทางนี้ครับ!”
เมื่อซูโสว่เต้าเห็นซูจือหยู จิตใจก็สดชื่นขึ้นมา และรีบวิ่งไปสองก้าวในทันที
ในช่วงสองวันมานี้ซูจือเฟยก็สะสมพลังงานด้านลบเป็นจำนวนมาก เมื่อเห็นว่าในที่สุดพ่อก็กลับมา ในใจก็มีความรู้สึกหาที่พึ่งพาได้ รีบก้าวไปข้างหน้า และกอดพ่อไว้ในทันที
ในวินาทีนี้ ซูจือเฟยอดไม่ได้ที่จะสะอึกสะอื้นขึ้นมา และกระซิบว่า: “พ่อ…พ่อกลับมาสักที…”
ขณะขับรถขึ้นทางด่วนสนามบิน ซูโสว่เต้าพูดกับซูจือเฟยที่อยู่ข้างๆว่า: “เดี๋ยวเจอกับคุณปู่ของแก อย่าได้รอให้คุณปู่ของแกเป็นคนขอโทษแกก่อน แกจะต้องเป็นคนขอโทษเขาก่อน ทางที่ดีจริงจังหน่อย คุกเข่าขอโทษ เข้าใจมั้ย?”
ซูจือเฟยรู้ว่า ครั้งนี้พ่อกลับมาจากออสเตรเลีย เป็นจุดสำคัญที่พ่อและตัวเองจะได้รับสิทธิ์สืบทอดกลับมาอีกครั้ง ไม่ว่ายังไงตัวเองก็ไม่สามารถที่จะทำลายได้ ดังนั้นจึงพูดอย่างจริงจังว่า: “ผมรู้แล้วครับพ่อ พ่อวางใจได้ เมื่อเจอคุณปู่ผมจะคุกเข่าขอโทษเขาในทันที…”
เดิมที ซูจือเฟยก็ถือได้ว่าเป็นคนมีจิตใจที่หยิ่งในศักดิ์ศรี แต่เมื่อเผชิญกับประโยชน์มหาศาล ความหยิ่งก็อ่อนลงมากโดยไม่รู้ตัว
ซูโสว่เต้าก็กำชับเขาว่า: “ครั้งนี้คุณปู่ของแกถือได้ว่าประสบกับความล้มเหลวที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้ แกพิจารณาจากผลกระทบของวิดีโอนั้น ตลอดชีวิตนี้คุณปู่ของแกไม่สามารถที่จะกลับมาได้ ดังนั้นครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีของพวกเราสองพ่อลูก ถ้าหากพวกเราสามารถที่จะไขว่คว้าโอกาสนี้ไว้ ด้านหนึ่งทำให้คุณปู่ของแกเห็นความสามารถของพวกเรา อีกด้านหนึ่งก็ทำให้คุณปู่ของแกเห็นว่าพวกเรายอมศิโรราบต่อเขา งั้นพวกเราก็มีโอกาสจะสืบทอดทั้งตระกูลซู”
จากนั้น ซูโสว่เต้าก็เปลี่ยนคำพูด และพูดอีกว่า: “แต่ว่า ถ้าหากพวกเราทำไม่ได้ ก่อนหน้าที่คุณปู่ของแกจะตาย ทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู คงจะส่งมอบให้กับกองทุนทรัสต์ในต่างประเทศอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้น พวกเราก็ทำได้เพียงรับค่าครองชีพต่อหัวแล้ว”
ซูจือเฟยรีบถามว่า: “พ่อ พ่อว่าพวกเราจะทำยังถึงสามารถที่จะทำให้คุณปู่ยอมรับความสามารถของพวกเราได้?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...
รอตอนต่อไปอยู๋นะครับกำลังสนุกเลย...
รออัพเดตตอนใหม่อยู่นะครับ กำลังสนุกเลย...
ไม่มีอัพเดตแล้วหรือครับ กำลังสนุกเลย...
99% เว็บนี้แปลใกล้เคียงคำพูดของคนไทยที่สุด เสียดายเขาไม่แปลต่อให้ เว็บอื่นเขาไปไกลแล้วแต่แปลเข้าใจยากหน่อย ต้องใช้การเดาเข้าช่วยถึงพอจะเข้าใจ มีเว็บที่เป็นภาษาจีนล้วน ลองใช้โปรแกรมแปลภาษาดู ก็เหมือนเว็บอื่นๆที่ว่า ผลสุดท้ายก็กลับมาอ่านเว็บนี้ต่อ คิดว่าถ้าอ่านจนจบที่เขาแปล ก็คงไปหาอ่านเว็บอื่นต่อ เดาเอา😁...
อัพตอนต่อไปหน่อยครับกำลังสนุกเลย...
il semble que c'est leur fin d'histoire comme ça . merci pour ce temps de lecture,nous aurions préféré un lien d'achat complète du livre hélas . il temps de faire autre chose désormais...