หลินเมิ่งหวันกลืนน้ำลายลงคออย่างกังวล ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย
“ท่านพ่อ จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเป็นคนเสนอเอง ลูกก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมเขาถึงเลือกสถานที่แบบนั้น”
ใบหน้าของหลินเมิ่งหวันแดงก่ำ หัวใจเต้นแรงเช่นจะทะลุออกไป
เรื่องในวันนี้เกินความคาดหมายของหลินเมิ่งหวัน นางแค่ต้องการเจอหน้าชูยียีเป็นการส่วนตัว คิดไม่ถึงว่าจะบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้
ถ้ากระทบแค่นางคนเดียว หลินเมิ่งหวันไม่กลัวอยู่แล้ว
ทำลายชื่อเสียงของหลินเป้ยเหยา หลินเมิ่งหวันก็ไม่ได้สนใจ
แต่วันนี้ กระทบต่อคนของบ้านใหญ่และบ้านสอง หลินเมิ่งหวันไม่คิดหาวิธีแก้ไขมันก็คงไม่ได้
หลังจากที่หลินเมิ่งหวันตรึกตรองดูแล้ว รู้สึกว่าความผิดครั้งนี้โยนให้ฉู่โม่หยวนน่าจะเหมาะสมที่สุด
เพราะว่าเมื่อคืนนางได้เจอกับฉู่โม่หยวนจริง และจิงจ้าวอิ่งกับอีกหลายคนก็เห็นแล้ว ฉู่โม่หยวนอยากปฏิเสธก็คงจะปฏิเสธไม่ได้
อีกอย่างคนของจวนหลินกับจวนฉิน อย่างไรก็ไม่กล้าไปถามฉู่โม่หยวนอยู่แล้ว
ถ้าฉู่โม่หยวนยอมช่วย ทุกอย่างก็ราบรื่น แต่ถ้าฉู่โม่หยวนไม่ยอมช่วย เรื่องการหมั้นหมายแต่งงานระหว่างนางกับฉู่โม่หยวนก็คงต้องถูกยกเลิก
ถ้าเดินไปถึงขั้นนั้น นางคงต้องโกนผมไปเป็นแม่ชี ถึงจะรักษาชื่อเสียงของพี่น้องไว้ได้
เมื่อนึกถึงแบบนี้ หลินเมิ่งหวันเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
“ท่านย่า ท่านตา ท่านพ่อ จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยบอกว่าจะพาลูกไปเปิดหูเปิดตา ดังนั้นเมิ่งหวันจึงขอร้องพี่ห้า ให้พี่ห้าพาลูกไป ถ้าพวกท่านไม่เชื่อ ก็ไปเชิญจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยมายืนยันที่นี่ได้”
ทุกคนในห้องต่างขมวดคิ้วกันแน่น
เปิดหูเปิดตา?
“เปิดหูเปิดตาอะไรทำไมต้องเลือกไปที่หอจุ้ยหง?” สวีซื่อมองไปที่หลินเมิ่งหวันอย่างโกรธเคือง “เจ้าไม่เอาหน้า แต่อย่ามาทำให้ซิงโหรวของพวกเราติดร่างแหไปด้วย!”
คำพูดของสวีซื่อไม่มีความเกรงใจเลย สีหน้าของคนในจวนฉินเปลี่ยนไป แต่ก็ไม่มีใครกล้าตอบโต้กลับ
หลินฮูหยินใหญ่ขมวดคิ้วเข้าหากัน พูดตักเตือนออกมาว่า:“สะใภ้รอง หุบปาก!”
“ท่านแม่!ข้าจะหุบปากได้อย่างไร?ข้ารู้ว่าท่านลำเอียงต่อเมิ่งหวันมาโดยตลอด แต่ท่านก็ไม่ควรที่จะไม่สนใจหลานคนอื่นเลย?”
“สถานที่อย่างหอจุ้ยหง เป็นสถานที่ที่ผู้หญิงบริสุทธิ์ควรไปเหรอ?อวิ้นอี๋ใกล้ถึงเวลาหาคู่แล้ว เรื่องแต่งงานของซิงโหรวก็ยังไม่รู้เมื่อไหร่ เมิ่งหวันก่อเรื่องแบบนี้ขึ้นมา แล้วใครที่ไหนจะกล้ามาเอาผู้หญิงของจวนหลินอีก?”
“ตัวนางไม่ยอมแต่งงานกับจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย แต่กลับก่อเรื่องมากมาย แล้วทำไมคนอื่นๆ ของจวนหลินต้องรับเคราะห์ไปกับนางด้วย!”
ดวงตาของสวีซื่อแดงก่ำ โกรธจนอยากร้องไห้
ถึงแม้จางซื่อจะไม่ได้พูดอะไร แต่ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความโกรธ
ตำแหน่งสามีของนางไม่สูง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่านางจะหาคู่ครองที่ดีให้กับหลินอวิ้นอี๋ได้
แต่มาวันนี้หลินเมิ่งหวันก่อเรื่องน่าเกลียดแบบนี้ออกมา เรื่องงานแต่นี้ถ้าหากถูกล้มเลิกไป จะให้นางไม่เกลียดได้อย่างไร?!
หลินซ่างซูฟังที่สวีซื่อกล่าวโทษ กำหมัดไว้แน่น ใบหน้าที่โกรธเคืองอยู่แล้วทวีเพิ่มขึ้นไปอีก
เขาลุกขึ้น แล้วก้มคำนับจางซื่อกับสวีซื่อ
“พี่สะใภ้ใหญ่พี่สะใภ้รองต้องขอโทษด้วย ข้าจะทำโทษเมิ่งหวันอย่างหนัก และจะให้คำตอบที่ทุกคนพอใจแน่นอน”
“บาปกรรม ยังไม่รีบคุกเข่าคำนับขอโทษป้าใหญ่กับป้ารองอีก!”
หลินซ่างซูเอียงหน้าไปมองหลินเมิ่งหวัน กล่าวโทษด่าออกมา
ไม่ว่าหลินเมิ่งหวันจะไปที่หอจุ้ยหงเพราะเหตุผลอะไร ก่อเรื่องแบบนี้ขึ้น อย่างไรหลินเมิ่งหวันก็เป็นฝ่ายผิดอยู่ดี
หลินเมิ่งหวันหันไปอย่างรู้สึกผิด “ป้าใหญ่ ป้ารอง เมิ่งหวันผิดไปแล้วเจ้าค่ะ”
พูดจบ หลินเมิ่งหวันรีบก้มคำนับ
แต่ยังไม่ทันได้ก้มลง ก็ได้ยินเสียงด้านชาดังขึ้นมาเข้าหูทุกคน
“การคำนับของคู่หมั้นข้า พวกเจ้าคงรับมันไม่ไหวหรอกมั้ง”
หลินเมิ่งหวันตกใจ รีบหันหน้าไปอย่างไม่น่าเชื่อ
ภายใต้แสงแดดที่สดใส เห็นฉู่โม่หยวนเดินเข้ามาห้องโถงด้านใน
เขาสวมเสื้อคลุมสีดำ สง่าผ่าเผย ใบหน้าด้านชา ดวงตาเย็นเยือก ยิ่งทำให้ดูสง่างามและเคร่งขรึมอย่างเป็นธรรมชาติ
แต่ทำไมเขาต้องนัดหลินเมิ่งหวันไปเจอกันที่หอจุ้ยหงด้วย?
ทุกคนต่างรู้สึกสงสัย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่โม่หยวน ก็ไม่มีใครกล้าถามออกมา
หลินเมิ่งหวันมองไปที่ฉู่โม่หยวนอย่างประหลาดใจ
ถึงแม้นางจะตัดสินโยนความผิดให้ฉู่โม่หยวนอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นฉู่โม่หยวนยอมรับว่าทุกอย่างเป็นความคิดของเขาเองทั้งหมด ก็ทำให้หลินเมิ่งหวันรู้สึกดีใจ
“หลินซ่างซู”
ฉู่โม่หยวนหันหน้าไปมองพ่อของหลินเมิ่งหวัน ทำให้อีกฝ่ายรีบลุกขึ้นคำนับ
ฉู่โม่หยวนพูดขึ้นว่า:“วันนี้เหลียงซื่อหลางยื่นฎีกาฟ้องเมิ่งหวัน เป็นเพราะว่าเหลียงโม่เฉียงยั่วยุ ใส่ร้ายเมิ่งหวัน”
“ข้าได้เจอกับเหลียงซื่อหลางแล้ว วันรุ่งขึ้นเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรง ข้าจะพาเหลียงโม่เฉียงไปเฝ้าฝ่าบาทเพื่อรับผิดเอง สำหรับข่าวลือของจวนฉิน หลังจากที่เหลียงซื่อหลางขอโทษรับผิดแล้วข่าวลือก็จะหายไปเอง ทุกท่านไม่ต้องเป็นกังวลอีก”
หลินซ่างซูดีใจ รีบก้มคำนับทันที “ขอบพระทัยจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย!”
ฉู่โม่หยวนพยักหน้า “ข้ายังมีธุระที่ต้องคุยกับเมิ่งหวัน ข้าขอพาตัวนางออกไปก่อน”
พูดจบ ฉู่โม่หยวนไม่รอคำตอบคนอื่น จับมือหลินเมิ่งหวันดึงนางให้ลุกขึ้น แล้วเดินออกไป
“โต้ง” เสียงดังออกมา ร่างของหลินเมิ่งหวันไปกระแทกกับด้านข้างของรถม้า
ไม่รอให้ร่างนางทรงตัวได้ก่อน รถม้าก็ออกเดินทางทันที
ฉู่โม่หยวนโถมร่างไปข้างหน้า และวางมือใหญ่ของเขาอยู่ข้างหูของหลินเมิ่งหวัน
ร่างที่สูงใหญ่นั้นถาโถมอยู่บนร่างของหลินเมิ่งหวันเช่นมีเงาบังไว้ ราวกับจะห่อหุ้มหลินเมิ่งหวันไว้ในอ้อมแขนทั้งตัว
ทั้งสองคนใกล้ชิดกันมาก ใกล้จนได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน
กลิ่นไม้กฤษณาที่เข้มข้นนั้นโชยติดอยู่บนจมูกของหลินเมิ่งหวัน แรงกดดันที่แข็งแก่รงนั้นทำให้หลินเมิ่งหวันกลืนน้ำลายลงคออย่างกังวล
เงยหน้าขึ้นมามองสีหน้าที่เย็นชาของฉู่โม่หยวนแล้ว ทำให้หลินเมิ่งหวันรู้สึกแผ่นหลังเย็นไปทั้งตัว
“จิ่ง……จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ท่านอ๋องจะพาหม่อมฉันไปไหน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก