ฉู่โม่หยวนมองหลินเมิ่งหวันที่อยู่ตรงหน้า
นางยิ้มให้เขาอย่างเอาใจ แต่รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความกังวล
ท่าทางตอนนี้ ต่างจากท่าทางที่มีเสน่ห์ในหอจุ้ยหงคืนนั้นอย่างสิ้นเชิง
แต่ก็ มีเสน่ห์เช่นกัน
ฉู่โม่หยวนกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงแหบพร่าพูดขึ้นว่า:“ให้ข้ารับผิดแทนเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ยังไม่ยอมบอกข้ออีก เป้าหมายที่เจ้าไปหอจุ้ยหงคืออะไรกันแน่?”
หลินเมิ่งหวันตกใจ กัดริมฝีปากตัวเองแล้วมองไปที่ฉู่โม่หยวน
หลังจากตรึกตรองดูดีแล้ว หลินเมิ่งหวันยอมพูดความจริงออกมาว่า:“ที่หม่อมฉันไปหอจุ้ยหง ก็เพื่อจะคุยการค้าขายกับโสเภณีอันดับหนึ่งของหอจุ้ยหง”
ในเมื่อร่องรอยของหม่อมฉันถูกเปิดเผยแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรน่าปิดปังอีก
ตัวเองยอมรับก่อน ดีกว่าให้ฉู่โม่หยวนไปตรวจเจอ
ดวงตาของฉู่โม่หยวนมีความสงสัยเล็กน้อย “การค้าขายอะไร?”
เขาถอยหลังเล็กน้อย เพื่อให้หลินเมิ่งหวันมีช่องว่างบ้าง
หลินเมิ่งหวันรู้สึกโล่งอกออกมาทันที มือดันไปที่เบาะนั่งเล็กน้อยเพื่อดันตัวเองให้นั่งตรง
หลินเมิ่งหวันมองไปที่ฉู่โม่หยวนแล้วพูดขึ้นว่า:“หม่อมฉันอยากให้ชูยียีช่วยหม่อมฉันจับตาดูข่าวสารจากทุกสารทิศ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน หม่อมฉันจะหาวิธีช่วยนางไถ่ตัว เพื่อให้นางหลุดพ้นจากการเป็นไพร่เสียที”
ฉู่โม่หยวนยิ่งรู้สึกแปลกใจ หลินเมิ่งหวันจะจับตาดูข่าวสารจากทุกสารทิศทำไม?
หลินเมิ่งหวันยิ้มให้กับฉู่โม่หยวน “หอนางโลมมีผู้คนมาจากทุกสารทิศชูยียีเป็นโสเภณีอันดับหนึ่งที่นั่น ผู้คนที่นางเจอล้วนไม่ธรรมดา และเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าอย่างไรอย่างน้อยนางก็สามารถช่วยสอดแนมอะไรได้บ้าง”
“จับตาดูข่าวสารจากทุกสารทิศ บางทีอาจช่วยหม่อมฉันได้ในอนาคต”
ชาติที่แล้วตอนที่หลินเมิ่งหวันได้เจอกับชูยียีนั้น นางไม่ได้เป็นโสเภณีอันดับหนึ่งที่ผู้คนต้องการแล้ว แต่นางคือหญิงสาวผู้น่าสงสารที่เสียโฉมแล้ว
และสาเหตุที่ชูยียีเสียโฉม ก็เพราชูยียีอยากหลุดพ้นจากหอจุ้ยหงนั่นเอง
ดังนั้นคืนนั้นหลินเมิ่งหวันจึงพูดกับชูยียีว่า นางมีวิธีที่จะช่วยให้ชูยียีมีชีวิตอย่างเปิดเผย และยังสามารถช่วยนางเรียกร้องตำแหน่ง ให้นางมีต้นทุนสามารถแต่งงานกับคนที่ตัวเองชอบได้
หลินเมิ่งหวันคิดว่า ชูยียีต้องสนใจแน่
แต่ว่า จนถึงตอนนี้ นางก็ยังไม่ได้คำตอบรับจากชูยียีเลย
หลินเมิ่งหวันคิดแผนการในใจ มองฉู่โม่หยวนที่อยู่ตรงหน้า ในใจกำลังวางแผนถ้านางบอกว่าให้ฉู่โม่หยวนพานางไปหาชูยียี ชูยียีจะตอบตกลงไหม ?
แต่ว่า ฉู่โม่หยวนขมวดคิ้วเข้าหากัน “แค่เรื่องหอเมี่ยวอิงยังไม่พอเหรอ?ทำไมต้องมีเรื่องเพิ่มขึ้นอีก?”
หลินเมิ่งหวันตกตะลึงเล็กน้อย มองฉู่โม่หยวนอย่างแปลกใจ “ท่านอ๋องรู้เรื่องของหอเมี่ยวอิงด้วยเหรอ?”
หอเมี่ยวอิงเป็นสถานที่ให้คนมาฟังเสียงเพลง แต่ความจริงแล้ว เป็นสถานที่ที่จวนฉินใช้จับตาดูข่าวสารจากทุกสารทิศต่างหาก
แต่ว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นความลับมากถึงจะถูก……
หลินเมิ่งหวันเม้มปากเล็กน้อย เมื่อนึกถึงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของฉู่โม่หยวนแล้ว การที่เขาจะรู้เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร
นางตั้งสติแล้ว พูดออกมาอย่างเปิดเผยว่า:“ครูสอนดนตรีที่หอเมี่ยวอิงจะคอยจับตาข่าวสารต่างๆ แต่เมื่อเทียบกับหอนางโลมแล้ว แขกของหอเมี่ยวอิงมีข้อจำกัดมากเกินไป”
“ก็เช่นจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย” หลินเมิ่งหวันยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยก็เลือกที่จะคุยธุระสำคัญกับคนอื่นที่หอจุ้ยหง ไม่ใช่ไปคุยที่หอเมี่ยวอิง?”
ฉู่โม่หยวนมองท่าทางตำหนิของหลินเมิ่งหวันแล้ว รู้สึกอยากหัวเราะออกมาอย่างบอกไม่ถูก
สาวน้อยคนนี้ เช่นจะคิดบัญชีกับตัวเขา
แต่ว่า เมื่อคิดถึงคืนนั้นที่หลินเมิ่งหวันจงใจมา “จับชู้” แล้ว ฉู่โม่หยวนรู้สึกแอบดีใจอยู่เล็กน้อย
หลินเมิ่งหวันมา “จับชู้” แสดงว่าหลินเมิ่งหวันมีเขาอยู่ในใจ?
“จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ท่านจะพาหม่อมฉันไปไหน?” หลินเมิ่งหวันจับแขนของฉู่โม่หยวนอย่างกล้าหาญ แล้วพูดเสียงอ่อนโยนออกมา:“ถ้ายังคิดไม่ออกว่าจะพาหม่อมฉันไปที่ไหน หม่อมฉันขอเสนอสถานที่ได้ไหม?”
“ข้าไม่พาเจ้าไปหอจุ้ยหงเด็ดขาด”
ฉู่โม่หยวนเหลือบไปมองหลิงเมิ่งหวัน พูดปฏิเสธออกมา
หลินเมิ่งหวันตกตะลึง รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปทันที
ฉู่โม่หยวนเป็นหนอนที่อยู่ในท้องของนางเหรอ?
ใบหน้าของสาวใช้ในวังเต็มไปด้วยความนอบน้อม คำว่า “จิ่งหวังเฟย” สามคำนี้ ทำให้หลินเมิ่งหวันหัวใจสั่นขึ้นมาอีกครั้ง
จากการอ้อมล้อมของสาวใช้ทั้งหลาย หลินเมิ่งหวันได้เดินเข้ามาถึงในห้อง
สาวใช้ทั้งหลายทำการวัดชุดแต่งงานให้นาง แล้วสอบถามลายปักกับหลินเมิ่งหวันให้ชัดเจน
จากชุดแต่งงานจนถึงผ้าคลุมหัว แล้วไปถึงรองเท้ากับผ้าเช็ดหน้า ทุกอย่างล้วนละเอียดรอบคอบ
หลังจากวุ่นวายไปสักพัก เมื่อออกจากวังก็ดึกแล้ว
หลินเมิ่งหวันถูกฉู่โม่หยวนส่งกลับมาที่จวนหลิน เพียงแต่ว่า จนกลับไปถึงห้องตัวเองแล้ว หลินเมิ่งหวันก็ยังสงบจิตสงบใจไม่ได้
หลินเมิ่งหวันมองไปที่แสงไฟกะพริบนั้น คิ้วขมวดเข้าหากัน และอธิบายไม่ได้ว่าในใจรู้สึกอย่างไร
ชาติที่แล้ว หลินเมิ่งหวันไม่อยากแต่งงาน และไม่มีความคาดหวังต่องานแต่งเลยแม้แต่น้อย
เมื่อนางเห็นฉู่โม่หยวน ก็เช่นเห็นศัตรู ดังนั้นการที่ฉู่โม่หยวนไม่พานางไปวัดตัวตัดเย็บชุดแต่งงานก็เป็นเรื่องปรกติอยู่แล้ว
และเรื่องที่หลินเมิ่งหวันไม่ยอมแต่งงาน นางตัดชุดแต่งงานที่จวนหลินและจวนฉินตั้งใจเตรียมให้นางขาดอย่างละเอียด
สุดท้ายหลินเมิ่งหวันต้องใส่ชุดแต่งงานที่ทำขึ้นมาอย่างกะทันหัน และแต่งเข้าไปที่จวนจิ่งอ๋องอย่างไม่เต็มใจ งานแต่งงานนั้น วุ่นวายไปหมด
ได้กลับชาติมาเกิดอีกครั้ง หลินเมิ่งหวันพบว่า ฉู่โม่หยวนให้ความใส่ใจนางมากกว่าที่นางคิดไว้เสียอีก
เมื่อถึงห้องแต่งตัว หลินเมิ่งหวันก็รู้สึกได้ว่าใบหน้าของนางร้อนฉ่าไปหมด
และเริ่มตั้งแต่ตอนนั้น หลินเมิ่งหวันถึงสัมผัสได้ถึงความสุขและความตื่นเต้นของงานแต่งงานที่จะมีขึ้น
“แต่งงานกับเขา ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเลวร้าย……”
หลินเมิ่งหวันบ่นพึมพำออกมา มูมปากยกสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เฝ่ยชุ่ยยกรังนกเข้ามา เห็นหลินเมิ่งหวันกำลังจ้องเสียงเทียนอย่างเม่อลอย
นางเข้าไปถามว่า:“คุณหนูรอง เมื่อกี้ฮูหยินใหญ่ให้คนส่งจดหมายมา ให้คุณหนูไปหาที่สวนสน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก