หลินเมิ่งหวันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ตอนนี้ก็มืดแล้ว ท่านย่าให้นางไปทำอะไรกัน
หลินเมิ่งหวันกังวลว่าจะมีเรื่องเร่งด่วน ดังนั้นจึงไม่มีแม้แต่เวลาจะดื่มรังนก จึงขอให้เฝ่ยชุ่ยและเจินจูมาช่วยแต่งหน้าแต่งตัว คลุมชุดคลุมเพื่อไป สวนสน
ก่อนเข้าประตู หลินเมิ่งหวันเห็นว่าในสวนสนมีแสงจากโคมไฟสว่างใส
หลินเมิ่งหวันยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆ อดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
แต่ทันทีที่นางเข้ามาในห้อง หลินเมิ่งหวันก็พบว่าป้าสะใภ้ใหญ่จางซื่อ และป้าสะใภ้รองสวีซื่อ รวมถึงหลินอวิ้นอี๋และหลินซิงโหรวอยู่ในห้องด้วย
ความอบอุ่นจากโคมไฟแผ่ซ่านไปบนใบหน้าของคนเหล่านี้ หลินเมิ่งหวันพิจารณาดูอย่างเงียบๆ แต่นางกลับไม่เห็นความไม่พอใจใดๆ
มาคิดดูแล้วคืนนี้มาที่นี่ ก็ไม่น่าจะมีเรื่องเลวร้ายอันใด
เมื่อหลินซิงโหรวเห็นหลินเมิ่งหวันเข้า ก็จ้องนางเขม็งแววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แสดงสีหน้าเช่นเดียวกันกับสวีซื่อทุกประการ
ไม่ได้รับคำตอบใดจากจางซื่อ ทว่าหลินอวิ้นอี๋กลับยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับหลินเมิ่งหวัน
หลินเมิ่งหวันพยักหน้ายิ้มให้หลินอวิ้นอี๋ แล้วก็ทำความเคารพต่อทุกคน
หลินฮูหยินใหญ่กวักมือให้หลินเมิ่งหวันเข้ามาใกล้ๆนาง
หลินฮูหยินใหญ่เงยหน้าขึ้นมองจางซื่อ “เอาล่ะ ทุกคนก็พร้อมหน้ากันแล้ว สะใภ้ใหญ่พูดเถิด”
“เจ้าค่ะ” จางซื่อโค้งตัวแสดงความเคารพหลินฮูหยินใหญ่ หันศีรษะมองทุกคนและกล่าวว่า “ข้าเรียกทุกคนมาคืนนี้ เพราะเย็นนี้ได้รับคำเชิญจากแม่นางอู๋”
“แม่นางอู๋จะจัดงานแข่งขันโปโลในอีกสามวัน เชิญคุณหนูทุกคนในจวนของเราเข้าร่วม”
ทันทีที่นางพูดจบ สวีซื่อก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “งานแข่งขันโปโลของแม่นางอู๋งั้นหรือ เช่นนั้นย่อมเป็นธรรมดาที่ต้องไปนะสิ!”
แม่นางอู๋เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของหย่งยี่โหว แต่ไหนแต่ไรก็ชอบเรื่องรื่นเริง
นางชอบช่วยผูกด้ายแดงให้คู่รัก ดังนั้นจึงมักจัดงานจำพวกงานชมดอกไม้บ้างหรืองานแข่งขันโปโล และเชิญคุณหนูคุณชายจากสกุลใหญ่ไปเข้าร่วมด้วย
ระหว่างงานรื่นเริงคนหนุ่มสาว ก็จะสนิทสนมกัน
และที่งานเลี้ยงของแม่นางอู๋ก็เกิดบุพเพสันนิวาสมาหลายต่อหลายครั้ง ดังนั้นผู้คนในเมืองหลวงจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง
บัดนี้หลินซิงโหรวบุตรสาวของสวีซื่อก็ควรแต่งงานแล้ว เช่นนั้นนางจึงยินดีที่จะเข้าร่วมงาม
เพียงแต่ จางซื่อกล่าวอย่างเย็นชาว่า “การได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานแข่งขันโปโลของแม่นางอู๋ย่อมถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้ข่าวลือภายนอกไม่สู้ดีนัก”
ขณะที่นางพูด เหลือบไปหลินเมิ่งหวันแววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
สวีซื่อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ฉับพลันคิดถึงเรื่องที่หลินเมิ่งหวันไปหอจุ้ยหง สีหน้าก็ซีดลง
สวีซื่อตอบด้วยความคับแค้นใจ “จริงดั่งว่าปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้องจริงๆ ถ้าเป็นแต่ก่อนบุตรสาวที่จวนหลินได้รับเชิญไปเข้าร่วมงานแข่งขันโปโล แน่นอนว่าย่อมไปได้อย่างสบายใจ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้หากบุตรสาวจวนหลินจะไป ก็เกรงว่าจะถูกคนถุยน้ำลายจนตาย”
“ถูกต้อง!” หลินซิงโหรว จ้องไปที่หลินเมิ่งหวันด้วยความโกรธ
หลินฮูหยินใหญ่สีหน้าไม่พอใจ ตบโต๊ะอย่างแรงหนึ่งที
ทั้งสองปิดปากเงียบลงในทันที แต่หลินเมิ่งหวันกลับยิ้มอย่างงดงาม ยกมือของหลินฮูหยินใหญ่และตบเบา ๆ
“ท่านย่า ปาลงไปเช่นนี้ไม่เจ็บหรือเจ้าคะ มือท่านย่าเจ็บ ใจข้าก็รู้สึกแย่นะเจ้าคะ”
หลินเมิ่งหวันยิ้มอย่างน่ารักและเป่าไปยังมือของ หลินฮูหยินใหญ่ราวกับว่าช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของนาง
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินซิงโหรว กลอกตาอย่างฉับพลันและพูดอย่างโกรธเคือง “เจ้าก็รู้วิธีประจบท่านย่า”
“ท่านย่า ท่านปกป้องนางไม่ได้อีกแล้ว นางไร้ยางอายเช่นนี้ จะทำให้จวนหลินขายหน้าได้”
เรื่องที่หอจุ้ยหงนางรู้สึกผิดอยู่บ้าง ดังนั้นในวันนี้จึงอยากจะขอโทษอย่างจริงใจ
แต่ความรู้สึกผิดของหลินเมิ่งหวัน นั้นจำกัดอยู่ที่หลินอวิ้นอี๋
ป้าสะใภ้รองคนนี้ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วไม่ได้ด้อยไปกว่าหลี่อี๋เหนียงและหลินเป้ยเหยาสักเท่าใด
จิตใจของสองแม่ลูกสวีซื่อและหลินซิงโหรวหวังเพียงเข้าหาผู้มีอำนาจ
ทุกครั้งที่เข้าร่วมงานเลี้ยง หลินซิงโหรว มักจะทำทุกวิถีทางเพื่อไปเดินวนใกล้ที่นั่งของชายหนุ่ม เมื่อเห็นบุตรชายของพวกที่มียศระดับสูงเหล่านั้น หลินซิงโหรว แทบรอไม่ไหวที่จะพุ่งเข้าไปหา
นอกจากนี้ ในความทรงจำชาติก่อนของหลินเมิ่งหวัน หลินซิงโหรวยังพยายามวางแผนอย่างบ้าระห่ำในการวางยาฉู่โม่หยวน เพื่อที่นางจะได้ขึ้นเตียงของฉู่โม่หยวน!
ตอนนี้ สวีซื่อกล่าวหาว่านางไปหอจุ้ยหงโดยไม่สนใจชื่อเสียงของเหล่าพี่น้องตระกูลหลิน
เมื่อหลินซิงโหรววางยาฉู่โม่หยวน ต้องการให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก นั่นเคยคำนึงถึงชื่อเสียงของคนอื่นบ้างหรือไม่นะ
ทำไมนางต้องเกรงใจกับคนที่ผ่อนปรนกับตัวเอง และเข้มงวดกับคนอื่นด้วย
หลินเมิ่งหวันเม้มริมฝีปากและพูดว่า “ป้าสะใภ้รองใส่ความข้าแล้ว จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยตรัสแล้วแท้ๆ ว่าเช้าวันพรุ่งนี้เหลียงซื่อหลางจะสารภาพกับฮ๋องเต้ เมื่อถึงตอนนั้นข่าวลือกระจายออกไปหักล้างข้อกล่าวหาเอง เหตุใดมากล่าวว่าข้าไม่สนใจกันเล่า”
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าได้พบกับจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยที่หอจุ้ยหงก็ไม่เคยแพร่เรื่องนี้ให้เป็นที่เอิกเกริก จวบจนบัดนี้ป้าสะใภ้รองยังต้องหาคนมารับผิด มิใช่ควรหาคนที่เผยแพร่เรื่องนี้หรอกหรือ”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ หลินเมิ่งหวันรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
ในเมื่อจิงจ้าวอิ่งพบกับฉู่โม่หยวน ก็ไม่ควรกระจายเรื่องนี้ออกไปถึงจะถูก
เมื่อตอนเช้าตรู่แม้ว่าเหลียงซื่อหลางจะกล่าวโทษนาง แต่ขุนนางผู้ใหญ่เหล่านั้นก็คงไม่ถึงกับพูดเหลวไหล
แต่ดูจากสถานการณ์ในวันนี้ นึกไม่ถึงว่าเหล่าชาวบ้านต่างกำลังถกเถียงถึงเรื่องนี้อยู่
หลินเมิ่งหวันสามารถมั่นใจได้ว่า เรื่องนี้ต้องมีใครบางคนชักใยอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก