พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 19

บลองช์มองดูพ่อของเขาขับรถออกไปอย่างไม่พอใจ เด็กชายรู้ดีว่าครั้งนี้ตนทำให้พ่อต้องเจ็บปวดจากคำพูดที่ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจอันแสนเย็นชาของเขา

เรนนี่ลงมาจากบันได แล้วเดินออกมานอกตัวบ้าน เธอถามพี่พี่ชายของตัวเอง “พ่อไปไหนเหรอคะ?”

“ไม่รู้สิ พี่คิดว่าพี่คงจะทำให้พ่อไม่พอใจแน่เลย” เด็กชายก้มศีรษะลงอย่างรู้สึกผิด น้ำเสียงดูไม่ดีนักในตอนที่เขาสารภาพกับน้องสาว

“พี่ชายคะ หนูคิดถึงคุณบีจัง!”

ถ้าจะถามว่าแล้วกับพ่อของเธอล่ะ? เขาเป็นอย่างไร? พ่อของเธอเป็นไม่ใช่คนสนุกสนานเฮฮา เขามักจะมองเธอด้วยสายตาอันแสนเย็นชา เธอชอบพ่อของตัวเองน้อยกว่าคุณครูที่ช่างคุยจนน่ารำคาญของตัวเองเสียอีก เรนนี่ ครอว์ฟอร์ดไม่เคยสนใจด้วยซ้ำว่าพ่อของเธอจะมีเวลาช่วงวันหยุดให้เธอหรือไม่

แต่คุณบีต่างออกไป เธอเป็นคนน่ารักแถมยังยิ้มเก่งเสียด้วย

“เรนนี่อยากให้พี่พาไปหาคุณบีที่บ้านของเธอไหม? พี่รู้ว่าคุณบีอยู่ที่ไหน!” บลองช์พูดแล้วจับมือของเรนนี่เอาไว้

เรนนี่พยักหน้ารับ

สองแฝดความต้องการตรงกันในทันที

สองพี่น้องออกจากบ้าน หาแท๊กซี่จากแอปพลิเคชั่น

หลังจากที่พวกเขาบอกจุดหมายปลายทางแก่คนขับ รถยนต์คันนั้นก็มุ่งตรงไปยังระแวกบ้านของเบียงก้า

อย่างไรก็ตาม หนึ่งในคนขับรถของตระกูลครอว์ฟอร์ดได้ขับรถตามหลังรถของพวกเขาไปเช่นกัน

เมื่อรถยนต์แล่นมาถึงระแวกที่เรียกกันว่าย่านริกัล แคปปิตอล คนขับจึงโทรหาลุคและรายงาน “คุณท่านครับ นายน้อยกับคุณหนูมาที่ย่านริกัล แคปปิตอล พวกเขายังยืนอยู่ด้านนอก เหมือนกำลังรอใครบางคนอยู่ครับ”

“ได้ครับ ผมจะจับตาดูพวกเขาไว้”

หลังจากวางสาย คนขับรถกลับไปจับตาดูเด็กทั้งสองคนอย่างไม่ให้คลาดสายตาไปแม้แต่วินาทีเดียว

“พี่คะ เราควรโทรหาคุณบีรึเปล่า?” เรนนี่เงยหน้าขึ้นมองใครต่อใครที่เดินผ่านไปผ่านมา และเขาเหล่านั้นก็มองเธอกลับมาเช่นกัน และนั่นทำให้เธอรู้สึกหวั่นใจไม่น้อย

พี่ชายของเธอรู้เพียงแค่ว่าคุณบีอาศัยอยู่ในตรอกไหนของที่นี่ แต่เขาไม่รู้ว่าเธออาศัยอยู่ที่ชั้นไหน

บลองช์ขมวดคิ้วเพราะหันไปเห็นรถของตระกูลครอว์ฟอร์ดจอดอยู่ข้างทาง เขารู้ในทันทีเลยว่าพ่อของพวกเขาคงจะส่งใครบางคนมาตามดูเขากับน้องสาว

เขาพาน้องสาวไปยัง ‘โทรศัพท์สาธารณะ’ แต่พวกเขาก็เปลี่ยนใจในทันทีที่หันไปเห็นคุณบีของพวกเขา

ทันทีที่เห็นเด็กทั้งสองคนจูงมือเดินมาหา เบียงก้าก็ถึงกับพูดไม่ออกอีกครั้ง

ทำไมลูกของเจ้านายถึงมาหาเธอถึงที่ด้วยนะ...?

จริงอยู่ที่เบียงก้าชอบเด็กทั้งสองคนนี้ แต่มันคงจะไม่ดีนักถ้าหากว่าเธอจะต้องใช้เวลากับพวกเขา หรือสนิทสนมกับพวกเขามากเกินไป ถ้าใครมาเห็นเขา เธอก็ไม่อยากจะคิดว่าพวกเขาจะว่าอย่างไร

และเลวร้ายที่สุด เธออาจจะต้องตกงาน

เบียงก้าเดินเข้าไปหาเด็กทั้งสองอย่างขุ่นเคือง เธอมองใบหน้าอันไร้เดียงสาของพวกเขาแล้วเอ่ยปากถาม “ทำไมหนูทั้งสองคนมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”

“ผ...ผมพาน้องสาวขึ้นแท๊กซี่มาครับ พวกเราทะเลาะกับคุณพ่อ คุณพ่อตะคอกใส่เรนนี่ พ่อทำให้เธอร้องไห้ พวกเรา...พวกเราไม่มีที่ไหนให้พึ่งแล้วครับ” บลองช์เริ่มอธิบาย พวกเขาอยากอยู่ที่นี่ จึงได้โยนข้อกล่าวหาให้พ่อของตัวเอง ทำให้เขากลายเป็นผู้ร้าย

เบียงก้าก้มลงไปครุ่นคิดเรื่องความน่าสงสารของเด็ก ๆ เธอลูบไปที่ใบหน้าของเรนนี่ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความกังวล “เป็นเด็กดีและกลับบ้านก่อนเถอะนะจ๊ะ? พ่อแม่น่ะไม่โกรธลูกนานนักหรอก ฉันมั่นใจว่าพ่อของพวกหนูแค่อารมณ์ไม่ดีไปวูบเดียวเท่านั้น เขาคงจะเสียใจมากแน่ ๆ ที่โกรธพวกหนู”

เบียงก้ารู้สึกเห็นใจเด็กที่น่าสงสารทั้งสองที่ถูกพ่อตะคอกใส่ แต่อย่างไรเสีย เด็กน้อยทั้งสองก็เป็นลูกของคนอื่น เธอไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเรื่องของครอบครัวคนอื่น

เหตุผลในการอยู่ต่อของพวกเขาถูกปัดตกไป บลองช์ได้แต่บีบมือน้องสาวไว้อย่างช่วยไม่ได้

ราวกับเรนนี่ได้รับคำสั่ง เธอก้มหน้าลงในทันทีแล้วเริ่มเบะปาก เธอทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมา

“ไม่เป็นไรครับ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไม่รบกวนคุณแล้ว ไปกันเถอะ…” บลองช์หน้าตึง ในตอนที่เขาดึงมือเธอเพื่อที่จะจากไป เรนนี่กลับไม่ยอมขยับตาม

พี่ชายดึงมือของเธออีกครั้ง คราวนี้เธอล้มลงกับพื้น

ผิวของเธอทั้งอ่อนนุ่มและบอบบาง เมื่อเธอล้มลงครูดไปกับพื้นที่เต็มไปด้วยหิน หัวเข่าของเธอก็ถลอก

“ฮือ…”

เรนนี่เริ่มร้องไห้

บรานช์มองไปยังเรนนี่ก่อนจะเอ่ยปาก “เรนนี่อยากทานไก่ทอดครับ ส่วนผมทานอะไรก็ได้… ผมไม่ใช่คนเรื่องมาก”

เรนนี่สวนขึ้นทันที “หนูก็ไม่ใช่คนเรื่องมากเหมือนกันค่ะ”

เบียงก้ารับมือกับเรื่องนี้ได้สบาย ๆ เธอต้องการเพียงแค่อะไรบางอย่างที่จะทำให้เธออิ่มท้อง

เบียงก้าตั้งใจจะทำให้พวกเขาอิ่มท้องก่อนที่จะส่งพวกเขากลับบ้านไป

มันใช้เวลากว่ายี่สิบนาทีกว่าที่ข้าวจะสุก

เบียงก้าไม่เคยบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของลุคเอาไว้ เธอจำได้เพียงว่าเบอร์ของเขาเป็นตัวเลขยาวสิบเอ็ดหลัก และดูจำง่าย แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าของเบอร์กลับเย็นชาและเข้าถึงยาก เธอจึงทิ้งมันไปอย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้ และกลัวว่าจะจำมันได้

แต่ถ้าจะให้พูดกันตามตรง ถึงแม้ว่าเธอจะบันทึกเบอร์ของเขาเอาไว้ ก็ใช่ว่าเธอจะกล้ากดโทรไปบอกให้เขามารับเด็กน้อยกลับไปเสียที่ไหน

ในเมื่อเด็ก ๆ นั่งแท๊กซี่มาถึงที่นี่ได้ พวกเขาก็ควรจะนั่งแท๊กซี่กลับกันเอง เธอจะไปแอบดูทั้งสองที่ประตูตอนที่พวกเขากลับไป นั่นคือภาพในหัวของเธอ

เธอทำกับข้าวสามอย่าง ตามด้วยซุบอีกหนึ่งถ้วย อาหารทุกอย่างกินง่ายแต่ดีต่อสุขภาพ

เบียงก้าภูมิใจในทักษะการทำอาหารของตัวเองอย่างที่สุด

หลังจากบอกให้เด็กน้อยอยู่กันนิ่ง ๆ เบียงก้าก็คว้ากุญแจแล้วเดินลงไปชั้นล่างเพื่อซื้อไก่ทอด

บังเอิญจริงที่เธอเจอร้านขายไก่ทอดที่ดูสะอาดและถูกสุขอนามัยที่ด้านล่าง

หลังจากได้ไก่ทอดมาแล้ว เบียงก้าจึงรีบกลับขึ้นไปบนบ้านเพราะกลัวว่าอาหารที่เธอทำไว้จะเย็นชืด

เธอเสียบกุญแจเข้าไปให้เบ้ากุญแจ แล้วเปิดประตูออก

ในตอนแรกเธอคิดว่าเรนนี่คงจะมายืนรอเธอหน้าประตูทันทีที่ได้ยินเสียงลูกบิด แต่เมื่อเบียงก้าเปิดประตูออก เธอกลับเห็นชายที่ดูมีวุฒิภาวะอยู่ตรงหน้าแทน

รอยยิ้มเย็นชาปรากฏบนใบหน้าของเขา และเธอก็กลัวจนเกินกว่าจะกล้าเข้าไปในบ้านของตัวเอง

แต่ที่นี่มันบ้านของเธอ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก