เบียงก้ากลับไปยังแผนกออกแบบ
เธอทิ้งฌองเอาไว้ที่ด้านล่าง แต่เธอก็ยังได้เห็นใบหน้าของเขาที่แผนกของพวกเขา
โชคดีที่ที่นั่งของพวกเขาห่างกัน
ซู คาร์เตอร์มองดูเบียงก้าที่กำลังนั่งลง จากนั้นเธอก็มองดูตัวเองในกระจก เธอรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย “เบียงก้า เราทั้งคู่ต่างก็ออกไปทำงานข้างนอกหามรุ่งหามค่ำเหมือนกัน แต่ทำไมขอบตาฉันดำอย่างกับหมีแพนด้าแต่เธอกลับไม่เลยอ่ะ?”
“เบียงก้า เธอใช้ครีมยี่ห้ออะไรลบรอยคล้ำใต้ดวงตาอ่ะ?” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เบียงก้าเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างประหม่าเล็กน้อย “ฉันไม่ได้ใช้อะไรเลย…”
“ไม่เลยเหรอ?!” เพื่อนร่วมงานคนนั้นตกใจ “นางฟ้ามาเกิดรึเนี้ย? อดหลับอดนอนทั้งคืนโดยที่ตาไม่เป็นหมีแพนด้าได้ไงอ่ะ! เห้อ…เราควรโยนงานกะดึกให้เธอดีกว่าล่ะมั้ง…”
ซูวางกระจกของเธอไว้ข้างตัว จากนั้นเธอก็แซวว่า “อย่ารังแกเบียงก้าสิ ฌอง แฟนของเธอก็อยู่ตรงนั้นคอยปกป้องเธออยู่นะ!”
ทุกคนต่างก็รู้สึกอิจฉาเบียงก้าอีกครั้ง!
หลังจากการแซวนั้น ซูก็ตื่นตัวมากพอที่จะสังเกตเห็นว่าเบียงก้าและฌองดูไม่ค่อยดี
เมื่อเบียงก้ารู้สึกอ่อนล้า เธอจึงไปชงกาแฟมาดื่ม ซูเดินตามเธอเข้าไป เมื่อเธอเห็นว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้ว ซูจึงเดินเข้าไปหาเบียงก้าและถามว่า “เธอทะเลาะกับฌองมารึเปล่า?”
พวกเธอเคยออกไปเมืองเอชมาด้วยกันและได้ใช้เวลาร่วมกันสองวัน ดังนั้น เบียงก้าจึงประทับใจในตัวซูเป็นอย่างมาก สำหรับเธอแล้ว ซูไม่ได้ทำตัวห่างเหินและยังปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี
"เราเลิกกันแล้วค่ะ"
ซูตกตะลึงทันที “ทำไมปุบปับจังเลยล่ะ! และฉันก็เห็นว่าในตอนที่อยู่ในรถขากลับ พวกเธอสองคนยังดีกันอยู่เลย แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงเลิกกันแล้วล่ะ?”
เบียงก้าคนกาแฟในถ้วยด้วยความรู้สึกหดหู่...
“เอาล่ะ ก็ได้ ถ้าไม่อยากพูดถึงก็ไม่ต้องพูดนะ” ซูเองก็รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
เธอรู้ดีว่าเบียงก้าเองก็คงจะรู้สึกไม่สบายใจมากในตอนนี้ แต่เธอก็เ่อยขึ้น
“ลิ้นกับฟันมันก็ต้องมีกระทบกันบ้าง แค่ให้เวลากับตัวเองเพื่อสงบสติอารมณ์ แล้วอีกสักเดี๋ยว ทุกอย่างมันจะกลับมาดีเองแหละ” ซูพยายามปลอบใจเธอ
เบียงก้าส่ายหน้าเล็กน้อย
ซูไม่กล้าพูดอะไรอีก ท้ายที่สุดแล้ว พวกเธอเองก็เพิ่งจะรู้จักกัน ดังนั้น เธอจึงไม่สามารถเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเบียงก้าได้มากนัก
เที่ยงของวันนั้น ซูต้องการชวนเบียงก้าออกไปรับประทานอาหารกลางวัน แต่นีน่านำหน้าเธอไปหนึ่งก้าว ซูรู้ว่านีน่าเป็นน้องสาวของฌอง ดังนั้น เธอควรจะพูดคุยเรื่องนี้กับพี่สะใภ้ในอนาคตได้ดีกว่า
ในระหว่างทางไปโรงอาหาร นีน่าก็ถอนหายใจยาว “ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของฉัน ทำไมเขาถึงเชื่อคำพูดของนางมาลีนั่นนะ?”
เบียงก้าหัวเราะ “ช่างมันเถอะ”
ยิ่งได้เห็นเบียงก้าหัวเราะมากเท่าไหร่ นีน่าก็ยิ่งคิดว่าเบียงก้าเจ็บมากเท่านั้น “อย่ายอมแพ้เรื่องพี่ชายของฉันง่าย ๆ นะบี ในเมื่อนางตัวแสบนั่นต้องการปั่นหัว ดังนั้น พวกเธอทั้งสองก็ควรเล่นไปตามน้ำด้วยสิ!”
ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเบียงก้าก็ดังขึ้น
เอเมส หัวหน้าแผนกออกแบบโทรมา
“หัวหน้าโทรมา” เบียงก้ากระซิบกับนีน่า
"สวัสดี!" ชาร์ล็อตทักทายพวกเธออย่างหยาบคาย เธอเหลือบมองดูชุดทำงานของซูและเบียงก้าด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม บ้านนอกอะไรเช่นนี้!
เจสันได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ ชาร์ล็อตปฏิบัติต่อเขาอย่างแตกต่างโดยสิ้นเชิง
อาจเป็นเพราะว่า ชาร์ล็อตได้ทำการบ้านมาก่อนที่เธอจะมาถึงที่นี่ เธอคงจะรู้ดีว่า เจสันเป็นผู้ช่วยที่ลุคไว้ใจ ในเมื่อเธอมาที่นี่เพื่อลุค ดังนั้น เธอจะไม่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับคนรอบข้างได้อย่างไร?
ในขณะนั้น ชาร์ล็อตก็ยืนกรานที่จะนั่งในที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้า เพื่อที่เธอจะได้พูดคุยกับเจสัน
ในขณะที่ซูและเบียงก้านั่งที่เบาะหลังอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรเลย
ชาร์ล็อตถามเจสันว่า “ฉันค่อนข้างสงสัยนะคะ คุณดอยล์ คุณครอว์ฟอร์ดมีแฟนรึยังเอ่ย? ทำไมฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงรอบ ๆ ตัวเขาเลย?”
เจสันยิ้ม แต่นั่นไม่ใช่คำถามที่เขาจะตอบได้ง่าย ๆ
ถ้าหากเขาบอกว่าคุณครอว์ฟอร์ดโสด เขาอาจจะลงเอยด้วยการผลักดันให้ชาร์ล็อตต้องมาเป็นนายหญิงของเขา แต่ถ้าหากว่าเขาบอกว่าคุณครอว์ฟอร์ดมีเจ้าของแล้วละก็…เขาอาจจะทำให้ดอกไม้ที่คุณครอว์ฟอร์ดต้องการที่จะหยิบเข้าใจผิดไป สินะ?
เจสันเหลือบมองเบียงก้าที่เบาะหลังและดึงสายตากลับมาอย่างละเอียดก่อนที่เขาจะตอบชาร์ล็อตว่า “ผมไม่รู้เรื่องส่วนตัวของเจ้านายหรอกครับ ทำไมคุณไม่ถามเขาตรง ๆ ล่ะครับ คุณชอว์?”
"อ้อ เข้าใจแล้ว” ชาร์ล็อตหยุดพูดเมื่อเธอรู้ว่าเธอจะไม่ได้คำตอบใด ๆ จากเจสัน
ดวงตาของเบียงก้าจับจ้องไปด้านนอกกระจกรถ พลางปลดปล่อยความคิดให้ล่องลอยไป ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเจสันกล่าวเสริมว่า “ผู้ชายอย่างคุณครอว์ฟอร์ดนั้นน่ากลัวเหลือเกิน เท่าที่ผมรู้ เขาจะไม่ตกหลุมรักผู้หญิงคนไหนง่าย ๆ แต่ถ้าเขาได้ตกหลุมรักใครสักคนจริง ๆ แล้ว ผมคิดว่าเขาอาจจะติดตามเธอไปตลอดชีวิต และถ้าหากผู้หญิงคนไหนพยายามที่จะหักหลังเขาหรือแม้แต่การเลิกรากับเขา เธอผู้นั้นอาจจะต้องเลือกสุสานและโกศขี้เถ้าเอาไว้ล่วงหน้าได้เลย…”
เบียงก้าไม่เห็นท่าทีของชาร์ล็อต
อย่างไรก็ตาม เบียงก้าเองก็ตกตะลึง “เลือกที่จะรักหรือตาย!” เขาต้องการที่จะครอบครองมากแค่ไหนถึงคิดได้ถึงขนาดนั้น? ผู้ชายจะรักผู้หญิงในลักษณะที่วิปริตและสุดโต่งเช่นนั้นได้อย่างไร…?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก