พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 109

หรงฉานแอบกลืนเมล็ดแตงโมลงคอเงียบ ๆ ไม่กล้าทำเสียงดัง สองพี่น้องต่างมองหน้ากัน พลางส่งสายตาให้กันและกันด้วย

อวิ๋นหลิงตั้งสมาธิเพื่อฝังเข็มต่อ เพียงไม่นานก็สงบจิตใจลงได้ กว่าหนึ่งชั่วยามผ่านไป นางค่อยดึงเข็มเงินออกจากร่างของหรงจั้น

“จะเพาะเลี้ยงบัวเจ็ดทวารอย่างน้อยต้องใช้เวลาสามถึงสี่เดือน ในระหว่างนี้ ให้ทุกอาทิตย์...ทุกเจ็ดวันมาจวนจิ้งอ๋องซักครั้งก็แล้วกัน”

สุขภาพหรงจั้นไม่สู้ดีนัก แม้จะมียาของอู่อันกงคอยประคองชีวิตไว้ แต่ก็อาจกำเริบกะทันหันเหมือนอย่างพักก่อนนี้ได้

เพื่อกันไม่ให้ก่อนจะเพาะเลี้ยงบัวเจ็ดทวารสำเร็จ หรงจั้นกลับลาลับไปจากโลกนี้แล้ว เพื่อความปลอดภัย อวิ๋น หลิงจึงตัดสินใจให้เขามาฝังเข็มตรงเวลาดีกว่า

“รบกวนพระชายาจิ้งอ๋องแล้ว!”

หรงจั้นรีบใส่เสื้อเร็วพลัน แต่พอนึกถึงเมื่อครู่ที่เซียวปี้เฉิงจู่ ๆ บุกเข้ามา สีหน้าก็ให้รู้สึกกระอักกระอ่วนยิ่งนัก

อวิ๋นหลิงโบกมือ สีหน้าเรียบนิ่งสงบ แทบดูไม่ออกว่าเมื่อกี้นางได้อาละวาดเกรี้ยวกราดเพียงไหน

“นี่ก็เย็นมากแล้ว ถ้าไงเชิญกินอาหารค่ำแล้วค่อยกลับเถอะ”

ใจจริงหรงจั้นคิดจะปฏิเสธ แต่เซียวปี้เฉิงกลับส่งลู่ฉีมารายงาน

“พระชายา อาหารได้เตรียมไว้แล้ว เชิญรัฐทายาทหรงกับพระชายารุ่ยอ๋องไปร่วมทานเดี๋ยวนี้!”

อวิ๋นหลิงไม่ทันตั้งตัวก็ตกใจอีก จ้องหน้าลู่ฉีเขม็งและกล่าวว่า “ใครบอกให้เจ้าจู่ ๆ โผล่เข้ามา ซ้ำยังมาเอาหน้าแทนข้าอีก”

น้ำเสียงอวิ๋นหลิงแสดงความไม่พอใจ ลู่ฉีเม้มปาก สีหน้าคล้ายมีความเสียใจ

“ท่านอ๋องสั่งให้ข้าน้อยคอยเฝ้าอยู่นี่ ท่านอ๋องบอกว่า ถ้ารัฐทายาทหรงออกมาก็ให้เชิญทานอาหารค่ำก่อน ห้ามปล่อยให้กลับไปง่าย ๆ มิฉะนั้นข้าน้อยจะต้องอดข้าวเย็นนี้!”

เขาซุกตัวอยู่หน้าประตูตั้งแต่บ่าย นั่งยอง ๆ จนขาแทบชา ขนาดคราวก่อนขโมยกินน้ำแกงไก่ดำในครัวจนท้องเสีย ไปนั่งส้วมยังไม่นานขนาดนี้เลย

ในฐานะองครักษ์คนสนิทของท่านอ๋อง งานแปลกประหลาดเจอมาทุกรูปแบบ หากงานไหนทำไม่ดีก็ต้องอดข้าวเช้ากลางวันเย็นแล้วแต่จะโดน เกิดเป็นลู่ฉีมันไม่ง่ายหรอกนะ!

อวิ๋นหลิง “...”

หรงจั้น “...”

หรงฉานมองดูลู่ฉีอย่างตกใจ คงไม่ใช่จิ้งอ๋องนึกโกรธขึ้นมา จะวางยาฆ่าพี่ชายของนางหรอกนะ!

อวิ๋นหลิงแอบด่าความเซ่อของลู่ฉีในใจ แต่ภายนอกกลับปรากฏรอยยิ้มเคอะเขินพอไม่ให้เสียมรรยาท

“ในเมื่อเตรียมอาหารไว้แล้ว งั้นก็เชิญไปทานก่อนเถอะ”

หรงจั้นมองดูนางด้วยแววตาอันสับสน หุบพัดแล้วกำมือ “งั้นก็ขอขอบคุณท่านจิ้งอ๋องกับพระชายาที่เลี้ยงต้อนรับ”

ตามกฎแล้ว เวลาจวนจิ้งอ๋องมีเลี้ยงแขกเหรื่อ มักจะแยกชายหญิงไม่ให้ร่วมโต๊ะเดียวกัน

ในเรือนหลันชิงนั้น หรงฉานมีอาการกระวนกระวาย

“พี่อวิ๋นหลิง จิ้งอ๋องจะทำอะไรพี่ข้าหรือเปล่า สุขภาพเขาอ่อนแอ คงจะรับมือเท้าไม่ไหว...”

“อยู่ดีไม่ว่าดี เขาจะหาเรื่องทำร้ายพี่เจ้าทำไมกัน?”

อวิ๋นหลิงอดไม่ได้ที่จะสงสัย ที่แล้วมาทำไมนางไม่ทันสังเกต ว่าหรงฉานก็ซื่อพอ ๆ กันกับลู่ฉีนะนี่

ว่าแล้วก็เปลี่ยนหัวข้อพูดคุย “อย่าไปพูดถึงพวกเขาเลย หมู่นี้เจ้าเป็นไงบ้าง น้องรองข้าไม่ใช่คนที่จะเข้ากับคนอื่นได้ง่าย เจ้าอยู่บ้านเดียวกับนาง ถูกรังแกหรือเปล่า?”

ฉู่อวิ๋นหานเป็นคนหน้าซื่อใจคดแม้ฐานะจะไม่สูง เสียดายที่หรงฉานก็เป็นหญิงหัวอ่อนเบาปัญญา สองคนถ้าต้องห้ำหั่น เกรงว่าฝ่ายหลังจะถูกเล่นงานจนยับเยินมากกว่า

รอยยิ้มบนใบหน้าหรงฉานดูจางหายทันควัน พลางส่ายหน้าเล็กน้อย

“ข้าไม่ได้ถูกรังแกหรอก รุ่ยอ๋องให้นางไปอยู่เรือนหานตาน ที่นั่นห่างจากเรือนข้าไกลที่สุด ปกติแทบไม่เจอหน้าด้วยซ้ำ”

นับแต่แต่งงานมา นอกจากทุกเช้าที่ต้องไปคำนับตามธรรมเนียมแล้ว หรงฉานแทบไม่เคยเห็นหน้าฉู่อวิ๋นหาน ฉู่อวิ๋นหานก็ไม่มาให้นางรกหูรกตาเช่นกัน

ว่ากันตามตรง นางไม่เห็นด้วยที่หรงฉานอายุเพียงเท่านี้ก็มีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากับรุ่ยอ๋อง

พรหมจรรย์ยังเป็นเรื่องเล็ก หากพลาดพลั้งตั้งครรภ์ขึ้นมา จะยิ่งเสียสุขภาพมากกว่า

อวิ๋นหลิงปลอบใจพลางตบมือนางเบา ๆ “วันหลังหากรู้สึกเงียบเหงา ก็มานั่งคุยที่จวนข้าก็ได้”

หรงฉานพยักหน้าอย่างว่าง่าย กินอาหารไปไม่กี่คำ ยังคงอดไม่ได้ที่จะถามอีก “พี่อวิ๋นหลิง จิ้งอ๋องดีต่อท่านมากใช่ไหม?

“ทำไมถามแบบนี้ล่ะ?”

“ใคร ๆ ก็ว่าพวกท่านเป็นคู่เวรคู่กรรม ปกติที่รักใคร่ปรองดองแค่เล่นละครให้คนอื่นดู แต่ข้ากลับมองว่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับจิ้งอ๋องไม่ได้ย่ำแย่เหมือนที่ข้างนอกลือกัน”

อวิ๋นหลิงเหยียดปากเล็กน้อย “รู้ได้ยังไง?”

หรงฉานใช้ความคิด ตอบอย่างจริงจังว่า “ทุกครั้งที่เห็นจิ้งอ๋อง ในสายตาเขานอกจากท่านแล้วแทบไม่มองคนอื่นอีก อีกอย่างด้วยนิสัยอย่างเขา ท่านตวาดด่าว่าถึงปานนั้น เขาก็ไม่เห็นจะโกรธซักนิด แสดงว่าดีต่อท่านไม่น้อยทีเดียว”

แม้นางจะยังไม่เคยรักใครจริง แต่ก็พอดูออก ว่าแววตาที่เซียวปี้เฉิงมองดูอวิ๋นหลิงนั้น คล้ายกับบิดาของนางที่มองดูท่านแม่ไม่แตกต่าง

อวิ๋นหลิงแววตาสั่นไหว มีอาการใจลอยชั่วขณะ เขาดีต่อนางหรือ?

ดูเหมือนว่านับแต่เผยใจต่อนาง เซียวปี้เฉิงก็ดูจะตามใจนางทุกอย่างจริง ๆ

แล้วนางปฏิบัติต่อเขาเล่า?

เห็นอวิ๋นหลิงนั่งเหม่อ แววตาหรงฉานก็เต็มไปด้วยความชื่นชมและประหลาดใจ

โลกนี้ น้อยนักที่จะมีหญิงสาวกำหนดเรื่องคู่ครองของตนเองได้ การจะได้แต่งงานกับสามีที่รักตนหรือไม่ เป็นเรื่องของวาสนาโดยแท้

นางรู้สึกแปลกใจต่อเรื่องของอวิ๋นหลิงและเซียวปี้เฉิง อีกทั้งทำไมนางต้องเสแสร้งให้ใบหน้ามีกระพิษด้วย

แต่พี่ใหญ่ก็เคยพูด อวิ๋นหลิงทำเช่นนี้ย่อมมีเหตุผลของนาง จึงไม่กล้าซักไซ้ไล่เรียงอีก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ