พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 133

หวงกุ้ยเฟยพูดว่า “เจ้าๆๆ” อยู่พักใหญ่ สติถูกยั่วโทสะจนเกินควบคุม

นางทนถ้อยคำของอวิ๋นหลิงไม่ได้จริงๆ ในใจถูกยั่วโมโหจนถึงขีดสุด ถึงกับดึงแส้กระดิ่งสีเงินที่เรียวบางและสวยงามออกจากสายคาดเอว

สมัยยังเยาว์วัยหวงกุ้ยเฟยเป็นพี่หญิงใหญ่เจ้าอารมณ์ แส้เส้นนี้เป็นของขวัญที่จักรพรรดิจาวเหรินมอบให้นางเมื่อครั้งยังเป็นองค์ชาย

ถึงแม้จะเป็นของเล่นประดับตกแต่ง แต่ถ้าตีโดนต้องเนื้อก็เจ็บเหลือแสน

เซียวปี้เฉิงพลันหน้าถอดสี เขาตาไวรีบคว้าแส้ไว้หมับ

“เสด็จแม่! อวิ๋นหลิงกำลังตั้งครรภ์ ท่านหมายจะลงมือกับนางเชียวหรือ”

หวงกุ้ยเฟยโกรธจนหน้ามืดด่ากราดไปทั่วโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม “ปล่อยมือ ไม่อย่างนั้นวันนี้ข้าจะฟาดเจ้าด้วย!”

เพิ่งขาดคำ จู่ๆ ตงชิงก็รีบเข้ามารายงานด้วยความตื่นตระหนก น้ำเสียงหวาดกลัวอย่างมาก

“แย่แล้ว แย่แล้ว! เยียนอ๋องกำลังจะกระโดดหอเพคะ!”

สีหน้าหวงกุ้ยเฟยแปรเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง เอ่ยเสียงขึ้งโกรธ “เจ้าพูดอะไร”

ตงชิงตกใจจนตัวสั่นเทาครู่หนึ่ง จำใจตอบด้วยเสียงสั่นเครือ “ใต้เท้าเฉียวกล่าวว่า เมื่อครู่เขาเห็นเยียนอ๋องเสด็จออกมาจากทางเรือนหลันชิง แต่ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงขึ้นไปที่หอวั่งซู แล้วพูดว่าท่านบีบให้เขาตาย! ไม่ว่าใต้เท้าเฉียวจะเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่ยอมลงมาเพคะ!”

ทันทีที่คำพูดหลุดออกมา หวงกุ้ยเฟยไหนเลยจะมีแก่ใจสั่งสอนอวิ๋นหลิง นางยกชุดกระโปรงชาววังแล้ววิ่งไปด้วยความตื่นตระหนก

อวิ๋นหลิงครุ่นคิดลวกๆ ก็รู้ว่า คำพูดเมื่อครู่นี้เจ้าเด็กหัวทึบเยียนอ๋องจะต้องได้ยินเข้าเป็นแน่

“ไป รีบไปดูเร็วเข้า!”

ขณะที่อวิ๋นหลิงท้องโตไม่สะดวกวิ่ง เสี่ยวปี่เฉิงก็ช่วยพยุงนางรีบไปที่ชั้นล่างของหอวั่งซูนั้น หวงกุ้ยเฟยก็ร้องไห้จะขาดใจอยู่ตรงนั้นแล้ว

“อวี้จือ! ลงมาเร็วๆ เถิด เจ้าทำเช่นนี้ทำเอาแม่ตกใจแทบตาย!”

เยียนอ๋องกำลังนั่งคร่อมราวกั้นอยู่ชั้นบนสุด เมื่อเห็นอวิ๋นหลิงปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าเขาก็แดงก่ำ แววตาเศร้าหมองระคนขุ่นเคืองแต่แน่วนิ่ง

“พี่สามตาบอดเพราะข้า บัดนี้อาซ้อสามกำลังตั้งท้อง ซ้ำยังต้องคอยกังวลและเหน็ดเหนื่อยกับขาคู่นี้ของข้าตลอดเวลา การกระทำของเสด็จแม่ในวันนี้จะให้ข้าเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

อวิ๋นหลิงอาสารักษาขาคู่นี้ของเขามานานกว่าสี่เดือนแล้ว ถึงแม้จะยังเคลื่อนไหวเองไม่คล่อง แต่ก็รู้สึกได้บ้างแล้ว รวมทั้งพอจะยืนขึ้นและเดินได้หลายก้าว

ยามเช้าเดิมเขาคิดจะไปหาอวิ๋นหลิงเพื่อบอกข่าวดีนี้ แต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่เข้าใกล้เรือนหลันชิง เขาก็ได้ยินหวงกุ้ยเฟยด่าทออวิ๋นหลิงและสามีทุกคำ

ได้ยินหวงกุ้ยเฟยถือว่าอวิ๋นหลิงรักษาขาของเขาเป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้ว ได้ยินหวงกุ้ยเฟยสงสัยว่าเสี่ยวปี้เฉิงเกิดเอาใจออกหาก เยียนอ๋องก็รู้สึกละอายใจจนแทบอยากตายให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย

การที่เสด็จแม่ทำเช่นนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะมองหน้าอวิ๋นหลิงและสามีติดได้อย่างไร

ระหว่างที่หัวร้อน เขาก็ขึ้นไปที่หอวั่งซู แล้วปีนขึ้นไปบนราวกั้นด้วยกำลังทั้งหมดที่มี

หวงกุ้ยเฟยทั้งโกรธทั้งร้อนใจ เอ่ยอย่างฉุนเฉียว “เจ้าเอาชีวิตของตัวเองมาขู่ข้า เพื่อพวกเขาสองคนได้อย่างไร อีกอย่างกับสิ่งที่นางพูดเมื่อครู่ ข้าจับนางเข้าคุกก็ยังไม่สาสมเลย!”

เยียนอ๋องสีหน้าท่าทางเด็ดขาด “หากเสด็จแม่ต้องการทำให้พี่สามและอาซ้อสามต้องลำบากใจ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะกระโดดจากที่นี่ลงไป เป็นคนพิการไปชั่วชีวิตเลย!”

เพียงแค่คำนี้หลุดออกจากปาก หวงกุ้ยเฟยก็แทบจะเป็นลมล้มพับทันที

บางทีอาจนั่งนานไป ซ้ำดวงตะวันแผดกล้า ร่างของเยียนอ๋องโงนเงนไปมาเจียนจะล้มลง ทำเอาบรรดาสาวใช้ในที่นั้นกรีดร้องระงมด้วยความหวาดกลัว

สีหน้าอวิ๋นหลิงเปลี่ยนไป ลดเสียงลงพูดกับเซียวปี้เฉิง “รีบไปเอาเจ้าเด็กหัวทึบนั่นลงมา!”

เซียวปี้เฉิงก็สีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน ฉวยจังหวะที่เยียนอ๋องไม่สนใจ เข้าใกล้หอวั่งซูอย่างเงียบเชียบและรวดเร็ว

“อวี้จือ! เจ้าอย่าเอาร่างกายตัวเองมาล้อเล่น ช่วยเห็นแก่ชีวิตของแม่เจ้า! รีบลงมา!”

หวงกุ้ยเฟยตื่นตระหนกถึงขีดสุด ปาดน้ำตา นางมองเยียนอ๋องอย่างกังวลใจ กลัวว่าอีกฝ่ายจะพลาดพลั้งตกลงมา

“ขอเพียงเสด็จแม่สัญญาว่าภายหน้าจะไม่ทำให้พี่สามและอาซ้อสามลำบากใจอีก ข้าจะลงไป”

หวงกุ้ยเฟยผลุนผลันขึ้นไปชั้นบนสุดพร้อมกับมวยผมยุ่งเหยิง โผเข้าสู่อ้อมอกของเยียนอ๋อง สะอื้นไห้จนเครื่องประทินโฉมหลุดออกจนหมด

“ทำเอาแม่ตกใจแทบตายจริงๆ! เจ้าเป็นลูกชายคนเดียวของแม่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ก็เท่ากับว่าเจ้าฆ่าแม่ด้วย!”

ได้ฟังดังนั้น เยียนอ๋องฝืนยิ้มให้นางอย่างอ่อนแรง

เห็นฉากนี้เข้า แววตาเซียวปี้เฉิงก็หม่นแสง ถอยออกไปอย่างเงียบๆ ยกพื้นที่ให้เยียนอ๋องและมารดา

ละครชวนหัวฉากหนึ่ง กินเวลาจนถึงยามเที่ยง พายุจึงถือว่าสงบลงในที่สุด

ตอนที่เซียวปี้เฉิงจะออกเดินทางไปค่ายทหารอีกครั้ง ก็ใกล้เที่ยงพอดี ดังนั้นเขาจึงกินข้าวกลางวันก่อนค่อยออกไป

หวงกุ้ยเฟยไม่ได้ตามไปหาเรื่องอวิ๋นหลิงอีก นางอยู่ในเรือนเยี่ยนหุยตลอดทั้งบ่าย กระทั่งพลบค่ำจึงกลับวัง

หลังจากหวงกุ้ยเฟยกลับไป เยียนอ๋องก็มาเยี่ยมที่เรือนหลันชิงด้วยตนเอง

เห็นสีหน้าเขายังคงซีดเซียว อวิ๋นหลิงอดพูดไม่ได้ว่า “พักผ่อนอยู่ในห้องให้สบาย อย่าเที่ยววิ่งไปทั่ว แม้ขาเจ้าจะยืนขึ้นได้ แต่ยังเดินเหินตามอำเภอใจไม่ได้ ไว้คราวหน้าข้าจะทำแผนฟื้นฟูสุขภาพอย่างละเอียดให้เจ้าอีกที ขืนเจ้ามาป้วนเปี้ยนที่นี่ละก็ อาจทำให้ตัวเองบาดเจ็บได้”

เยียนอ๋องยิ้มเจื่อนๆ ให้นาง เอ่ยเสียงอ่อน “ขอบคุณอาซ้อสามที่ห่วงใย เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เสด็จแม่ทำไม่ถูก ทำให้ท่านกับพี่สามผิดใจกัน”

อวิ๋นหลิงส่ายหน้า “เจ้าวางใจ ข้าไม่เก็บมาใส่ใจ”

อย่างไรเสียหวงกุ้ยเฟยไม่ได้ประโยชน์จากนางมากนัก

เยียนอ๋องพยักหน้าเบาๆ ด้วยแววตาค่อนข้างโศกเศร้า “คำพูดของเสด็จแม่วันนี้ เกรงว่าจะทำให้หัวใจของพี่สามแตกสลาย”

ประกายตาอวิ๋นหลิงวูบไหวเล็กน้อย รอให้เขาพูดต่อ

“พี่สามตาบอดเพราะข้า หากตอนนั้นไม่มีพี่สาม ข้าคงตายไปนานแล้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ