ถูกดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีเช่นนี้ คงไม่มีผู้ใดไม่ซาบซึ้ง
“ได้! ชีวิตนี้ข้าจะยอมถูกเจ้ารังแกเพียงผู้เดียวเท่านั้น”
เซียวปี้เฉิงยิ้มบางๆ คว้าอวิ๋นหลิงมาไว้ในอ้อมแขน วางคางไว้บนหัวของนางและถูไปมาเบา ผมดำเงานุ่มสลวยสัมผัสกับปลายคางคม ทำให้รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นสบายใจ
ความรู้สึกเย็นสงบเกิดขึ้นในใจเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาจึงนิยามความรู้สึกนี้ว่า ‘ความสุข’
อวิ๋นหลิงใจเต้นรัว โอบกอดเขาตามความรู้สึกในใจโดยไม่เหนียมอาย เพราะนางเองก็ชอบความรู้สึกนี้เช่นกัน
“เจ้าเด็กแสบทั้งสองคงอยากเล่นกับท่าน”
เซียวปี้เฉิงนิ่งไปชั่วขณะ ไม่กี่อึดใจก็สัมผัสได้ถึงสองพลังจิตที่คุ้นเคย กำลังเข้าใกล้จิตใต้สำนึกของเขา
ทั้งสองดวงจิตที่ว่าก็คือเด็กน้อยทั้งสองในครรภ์ของอวิ๋นหลิง ลูกๆของพวกเขา
“แม้นพวกเขาจะยังไม่มีทัศนคติและสามัญสำนึก แต่ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตใดก็ล้วนมีสัญชาตญาณกับรับรู้ทางอารมณ์เป็นอย่างดี พวกเขาคงอยากจะปลอบท่าน”
เมื่อรับรู้ถึงอารมณ์ของเขาที่อ่อนแอลงก่อนหน้านี้ เด็กน้อยทั้งสองด้วยความต้องการหยอกล้อ จึงใช้พลังจิตพยายามก่อกวนเขา
แต่ทว่าเด็กน้อยทั้งสองยังควบคุมพลังได้ไม่ดี จากเดิมทีต้องการจะหยอกล้อกลับกลายเป็นก่อกวนจนเซียวปี้เฉิงรู้สึกปวดหัวเป็นครั้งคราว
อวิ๋นหลิงปิดตาลง ใช้พลังจิตของตน สั่งสอนเด็กแสบทั้งสองที่ยังควบคุมพลังจิตตัวเองไม่เป็น ให้พวกเขาหยุดใช้พลังจิตสุ่มสี่สุ่มห้าในท้องของนาง
“ท่านลองดูสิ ทุกคืนหลังจากนี้เราจะทำกิจกรรมครอบครัวกัน ข้าว่าการสอนพวกเขาตั้งแต่ยังอยู่ในท้องจะช่วยพัฒนาพลังจิตของพวกเขาได้เร็วยิ่งขึ้น”
เซียวปี้เฉิงลูบท้องมนไปมาด้วยความสงสัย “หลังจากพวกเขาลืมตาดูโลก พวกเขาจะมีพลังพิเศษแบบใดกันนะ?”
“ข้าเคยอ่านเอกสารลับขององค์กร อิงตามผลการวิจัย ทิศทางการพัฒนาของพลังจิต น่าจะทำให้สามารถควบคุมการข้ามมิติและสามารถสั่งการในอากาศได้…แต่นี่ก็เป็นเพียงการสันนิษฐาน”
เซียวปี้เฉิงลอบถอนหายใจ ควบคุมการข้ามมิติและสั่งการในอากาศงั้นหรือ? ช่างเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายจริงๆ
“หากมีโอกาส ข้าอยากลองไปโลกที่เจ้าพูดถึงจริงๆ”
อวิ๋นหลิงยกยิ้ม “ไม่แน่สักวันท่านอาจจะได้ไปจริงๆก็ได้” เพราะถึงอย่างไรแล้วนางเองก็ทะลุมิติมา เรื่องน่าเหลือเชื่อนี้เกิดขึ้นกับนางได้ก็ต้องเกิดกับเขาได้เช่นกัน
ครานี้อวิ๋นหลิงเพียงแค่พูดไปตามอารมณ์ ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่
อารมณ์เศร้าสลดของเซียวปี้เฉิงหายไปโดยปริยาย พ่อลูกหยอกล้อกันจนกระทั่งเด็กน้อยทั้งสองเพลีย เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงพลังจิตที่สงบลง จึงดับไฟเพื่อเตรียมเข้าสู่ห้วงนิทรา
“รีบนอนเถิด พรุ่งนี้เจ้ายังต้องไปโรงยาอีก”
อวิ๋นหลิงพยักหน้ารับรู้ ไม่นานก็หลับไปในอ้อมแขนของเขา
เซียวปี้เฉิงลอบถอนหายใจ หากไม่ใช่เพราะจักรพรรดิจาวเหรินไม่อนุญาตให้เขาลาหยุด พรุ่งนี้เขาต้องไปกับนางด้วยอย่างแน่นอน
พูดตามตรง เขาไม่อยากให้ผู้อื่นเห็นรูปโฉมของอวิ๋นหลิงในตอนนี้เลย ครั้งก่อนแอบออกจากจวนไปเพียงวันเดียวก็ดึงดูดหรงจั้นมาแล้วคนนึง เช่นนั้นพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรกันล่ะ?
เซียวปี้เฉิงรู้สึกหัวเสียขึ้นมาทันที
……
ในเดือนแปด กลางช่วงคิมหันต์ฤดู
ในอากาศมีความร้อนอยู่เล็กน้อย อวิ๋นหลิงเข้าสู่เดือนที่หกของการตั้งครรภ์ เด็กน้อยทั้งสองอ้วนท้วมสมบูรณ์ ทว่ารูปร่างของผู้เป็นแม่ผอมเพรียวแต่ไหนแต่ไร แม้ว่าในครรภ์จะมีเจ้าสองแฝด แต่ดูแล้วท้องของนางก็ไม่ใหญ่ไปกว่าหญิงตั้งครรภ์ทั่วไป
วันนี้นางสวมชุดกระโปรงรัดอกพอดีตัว ช่วยคลุมหน้าท้องทั้งยังบางสบาย
เด็กในครรภ์ทั้งสองว่านอนสอนง่ายจนน่าตกใจ ตั้งครรภ์จนเข้าเดือนที่หก เซียวปี้เฉิงกลับไม่เคยเห็นอวิ๋นหลิงมีอาการแพ้ท้องหรือไม่สบายตัวตรงไหนเลยสักครั้ง
เดิมทีเขาก็แอบเครียดอยู่เล็กน้อย อวิ๋นหลิงกินเยอะกว่าปกติมาก แต่ก็ไม่เห็นว่านางจะอ้วนท้วมกว่าเดิมเลย สุดท้ายเมื่อไม่มีอะไรร้ายแรงเขาจึงโล่งใจขึ้นมาเทือกหนึ่ง
อวิ๋นหลิงในช่วงแรกๆที่รู้สึกเบื่อหน่ายกับการแต่งตัว แต่วันนี้นางใช้เวลาในการแต่งประทินโฉมอยู่หน้ากระจกเป็นเวลาครึ่งชั่วยามเต็มๆ
หลังจากที่นางวางอุปกรณ์ประทินโฉมในมือลง ตงชิงเมื่อมองไปที่หน้าของนางก็อึ้งอ้าปากค้างไปชั่วขณะ
“รถม้าพร้อมแล้ว ไปกันเถอะ” กระทั่งอวิ๋นหลิงหมุนตัวเดินออกไป ตงชิงถึงรู้สึกตัวและรีบเดินตามออกไป
“บ่าวไม่เคยทราบมาก่อนเลย ว่าฝีมือประทินโฉมของพระชายาจะยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้…”
ตงชิงไม่เคยเห็นอวิ๋นแต่งหน้ามาก่อน ใบหน้าของนางเดิมทีก็งดงามอยู่แล้ว เพียงเติมชาดสีแดงอ่อนๆ ก็ทำให้คนที่ได้เห็นไม่สามารถละสายตาจากนางไปได้
นางไม่เคยเห็นฝีมือการแต่งหน้าของพระชายามาก่อน ไม่เพียงแต่ดูเป็นธรรมชาติ ยังมีความงดงามที่แตกต่างจากเดิมอีกด้วย
อวิ๋นหลิงฉีกยิ้ม เลิกคิ้วถามนางอย่างหยอกล้อ “งามไหม?”
รอยยิ้มมีเสน่ห์ชวนหลงใหล จนตงชิงเมื่อเห็นก็ตาค้าง เดินชนเข้ากับเสาอย่างจัง ทว่าไม่ส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมาสักแอะ
อวิ๋นหลิงหัวเราะยกใหญ่ นางคุ้นชินกับปฏิกิริยาเช่นนี้ของตงชิงไปเสียแล้ว
ในโลกก่อนนางเป็นถึงบุปผาองค์กร อาวุธชั้นยอดของนางก็คือความงาม ระหว่างปฏิบัติภารกิจ นางมักใช้ความงามในการสร้างความฉงนสนเท่ห์และลดการระมัดระวังตัวของเป้าหมาย
เมื่อพวกเขาลุ่มหลงในความงามของนาง พวกเขาก็จะถูกปลิดชีวิตโดยง่ายดาย
รถม้าเตรียมพร้อมที่หน้าจวนอ๋อง ทั้งสองฝั่งประกบด้วยเหล่าทหารนับสิบนายที่เซียวปี้เฉิงเตรียมไว้ให้อวิ๋นหลิงโดยเฉพาะ
ตงชิงเคยเห็นไม่กี่ครั้งระหว่างที่ออกไปซื้อขนมหวาน ทว่าเป็นเพียงการมองเห็นในระยะไกลๆ แม่นางผู้นั้นหน้าตาสะสวยก็จริงอยู่ แต่ก็เทียบกับพระชายาของตนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“ตระกูลเฟิงงั้นหรือ?” อวิ๋นหลิงเมื่อได้ยินชื่อนี้ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ
เหล่าชาวบ้านผู้อยู่ในเหตุการณ์ก็เริ่มซุบซิบถกเถียง บ้างก็ว่าเฟิงจิ่งเหวยจิตใจดีมีเมตตาต่อบ่าวไพร่ บ้างก็เริ่มคิดสงสัยว่ายาของนางมีเป็นภัยต่อคนจริงๆ
“มิใช่บอกว่ายารักษาบาดแผลชั้นเลิศ ช่วยให้ผิวขาว สดใสสวยงาม? เหอะ! พระชายาจิ้งอ๋องคงคุยโม้กระมัง”
“ใช่! หากสามารถช่วยให้ใบหน้าขาวใสงดงามได้จริง เหตุใดจึงไม่เคยเห็นใบหน้าของพระชายาจิ้งอ๋องขาวใสอย่างปากว่ากันเล่า?”
“ยานี่หากใช้นานไปคงจะไม่ทำให้หน้าอัปลักษณ์กว่าเดิมกระมัง? พระชายาจิ้งอ๋องคงเห็นว่าตนหน้าตาอัปลักษณ์ จึง…”
เยี่ยเจ๋อเฟิงที่ยืนทนฟัง ก็แสดงสีหน้าไม่พอใจ “หุบปาก! อย่าริอาจใช้ปากเน่าๆของเจ้าว่าร้ายพระชายาข้า!”
“ชู่วว! ไม่ต้องพูดแล้ว ดูนั่นสินั่นรถของพระชายาจิ้งอ๋อง…”
“พระชายาจิ้งอ๋องเสด็จมาแล้ว…”
เหล่าชาวบ้านต่างก็เงียบเสียงลงทันที
เฟิงจิ่งเหวยชะงักชั่วครู่ เงยหน้าขึ้นพร้อมมองไปยังเกี้ยวหลังนั้น
“ท่านเองหรือพระชายาจิ้งอ๋อง เหตุใดท่านจึงเอาแต่หลบอยู่ในเกี้ยวกันเล่า? ยาปลอมที่ท่านนำมาขายมีบางอย่างผิดปกติ โปรดให้คำอธิบายต่อตระกูลเฟิงของข้าโดยเร็วด้วย!”
เฟิงจิ่งเหวยลอบยิ้มมุมมาก ในเมืองหลวงต่างลือกันว่าปานบนหน้าของอวิ๋นหลิงนั้นน่าเกลียดน่ากลัว ถึงขนาดเด็กน้อยเมื่อได้เห็นต่างก็นอนผวาในยามกลางคืนไปตามๆกัน นางใคร่รู้จริงๆว่าจะอัปลักษณ์ถึงเพียงใด
นางวางแผนการไว้อย่างดีแล้ว ว่าอีกสักพักจะกระชากผ้าคลุมหน้าของอีกฝ่ายด้วยวิธีใด
“ยาปลอมหรือไม่ปลอม แค่ลองดูก็รู้แล้ว”
อวิ๋นหลิงพูดเสียงนุ่ม ไม่บุ่มบ่ามทำอะไรด้วยความรีบร้อน
ผู้คนรอบๆต่างหันมองตามเสียงโดยสัญชาตญาณ น้ำเสียงของนางฟังแล้วช่างหวานนุ่ม จนคนฟังต่างก็รู้สึกว่าเจ้าของน้ำเสียงนี้ต้องเป็นสาวงามอย่างแน่นอน
หนุ่มน้อยบนพื้นก็ขยับตัวเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองไปด้านหลังด้วยลมหายใจรวยริน
ภายใต้แสงแดดจ้า มุมของผ้าม่านสีแดงสดถูกเลิกขึ้นด้วยมือขาวราวหิมะ แม้เป็นเพียงการเคลื่อนไหวธรรมดาๆ แต่เมื่อการเคลื่อนไหวนั้นถูกกระทำโดยนางมันกลับงดงามจนยากจะพรรณนาได้
สามารถทำให้คนที่เห็นรู้สึกได้เลยว่า คนที่อยู่บนเกี้ยวต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
หนุ่มน้อยเองก็กลั้นหายใจไปชั่วขณะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...