อวิ๋นหลิงรวบรวมพลังจิตมาสำรวจด้านในหัวของพระเจ้าหลวง พลังจิตที่บางเหมือนเส้นผมได้แล่นไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว จนได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว
“ดีไปเลย เพียงแค่เปลือกสมองได้รับการเสียหายเล็กน้อยเท่านั้น”
น้ำเสียงอวิ๋นหลิงตื่นเต้นยากที่จะปิดไว้ได้ นี่เป็นผลลัพท์ที่ดีที่สุด ต่อให้ไม่มีพลังจิตอื่น ๆ ที่ทํางานร่วมกัน นางก็สามารถปลุกพระเจ้าหลวงให้ตื่นขึ้นด้วยพลังของตัวเองได้
อุกกาบาตสีแดงชิ้นนั้นจะต้องมาอยู่ในกระเป๋าของนางเป็นแน่!
อวิ๋นหลิงต้องยอมรับว่า นางช่วยพระเจ้าหลวงด้วยความเห็นแก่ตัว เพราะว่าความหมายที่นางอยู่ในองค์กรก็คือผลิตภัณฑ์ทดลอง หากแต่ไม่ใช่หมอที่มีจรรยาบรรณที่ดี
“ช่วยเสด็จปู่ได้หรือไม่?”
เซียวปี้เฉิงฟังคำพูดของอวิ๋นหลิงไม่เข้าใจ แต่ว่าฟังความตื่นเต้นในน้ำเสียงของนางออก จึงไม่สนใจแสงสีขาวประหลาดที่ทำให้ตกใจแล้ว
“ใช่แล้ว ครานี้ข้ามั่นใจมาก เพียงแค่เสียเวลารักษาประมาณหนึ่งชั่วยามเท่านั้น”
พลังจิตของนางตอนนี้ไม่สามารถเทียบขณะสูงสุดได้ มิฉะนั้นสิบห้านาทีก็รักษาหายแล้ว
บนโต๊ะกลมมีเครื่องมือฝั่งเข็มหลายอัน แต่ว่าครั้งนี้อวิ๋นหลิงใช้ไม่ได้
ด้านข้างก็มีคนตาบอดเซียวปี้เฉิงอยู่ข้างกาย นางจึงรวบรวมพลังจิตอย่างไม่อาย จากนั้นก็เริ่มทำการซ่อมแซมและกระตุ้นสมองใหญ่ที่ได้รับความเสียหายของพระเจ้าหลวง
สำหรับในโลกของเซียวปี้เฉิง ก็ปรากฏฉากที่แปลกประหลาดในสายตา
เขาเห็นเส้นสีขาวที่เป็นภาพลวงตานับไม่ถ้วนหนาแน่นเหมือนใยแมงมุมนับไม่ถ้วนแพร่กระจายและซ้อนกันอย่างต่อเนื่องในโลกที่มืดมิด
ประหลาด ไม่น่าเชื่อ
เซียวปี้เฉิงเกิดมาในสนามรบตั้งแต่ยังเล็ก คาวเลือดที่น่ากลัวอะไรก็เคยเห็นมาหมด อีกทั้งหัวใจหยุดเต้นมานานแล้ว
แต่สำหรับฉากด้านหน้านี้ ยังเกินความเข้าใจและการรับรู้ของเขาเกี่ยวกับโลกใบนี้
สำหรับหนึ่งชั่วยามที่แสนยาวนานนี้ ในใจของเซียวปี้เฉิงเปลี่ยนจากความตกใจเป็นความระมัดระวัง จากความระมัดระวังเป็นความอยากรู้อยากเห็น ในที่สุดก็กลับมาสงบอีกครั้ง จากนั้นมุมมองสามมิติก็หายไปและเกิดขึ้นมาอีกครั้ง
เขาอดจะพูดไม่ได้
“ฉู่อวิ๋นหลิง”
“อะไร”
“...ไม่มีอะไร”
เจ้าเป็นมารหรือว่าเซียนกันแน่?
“ประสาทหรือเปล่าเจ้า”
อวิ๋นหลิงกลอกตาขาวในใจ ไม่รู้หรือไรว่าขณะที่ต้องใช้พลังจิตจะต้องรวบรวมสมาธิ?
ในใจของเซียวปี้เฉิงก็สงบอีกครั้ง ยกริมฝีปาก ไม่ว่านางจะเป็นคนหรือว่ามาร ล้วนต่างได้ช่วยพระเจ้าหลวงไม่ใช่หรือ
ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงดาวที่ตก คําทํานายที่เซียนจะตกลงมา ในใจก็เต้นแรง แต่ก็ปฏิเสธความคิดนี้อย่างรวดเร็ว
ถ้าหากว่าโลกใบนี้มีเซียนอยู่จริง ก็จะต้องมีมารด้วย
ฉู่อวิ๋นหลิงหน้าตาอัปลักษณ์ ไม่มีทางเป็นเซียน น่าจะเป็นมารถึงจะถูก
ช่วงเวลาหนึ่งชั่วยามได้ผ่านพ้นไปแล้ว พลังจิตในสมองที่อวิ๋นหลิงรับรู้ได้นั้นหมดลงแล้ว
นางใช้จนแล้วจริง ๆ
ฮ่องเต้เจาเหรินเมื่อได้ข่าว ก็รีบเดินเข้ามาถาม “เป็นเช่นไรบ้าง?”
สีหน้าของอวิ๋นหลิงอ่อนแอ พูดอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “...พระเจ้าหลวงปลอดภัยแล้ว ไม่น่าจะเกินอีกสองชั่วยามก็จะฟื้นขึ้น”
ฮ่องเต้เจาเหรินรีบมองไปยังพระเจ้าหลวงบนเตียงคนไข้ เห็นผู้เฒ่านอนหลับอย่างหอมหวาน แม้กระทั่งมีการนอนกรนเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าร่างกายจะคัน ยังเอื้อมมือไปเกาตูดด้วย
หลินซินยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ ดวงตาเบิกกว้างเท่ากับไข่ห่าน
นี่เป็นไปได้เช่นไร!
นี่เป็นปฏิกิริยาที่คนนอนเป็นผักไม่ควรมี ฮ่องเต้เจาเหรินตื่นเต้นจนดวงตาแดงกล่ำ น้ำตาไหลรินเล็กน้อย“เสด็จพ่อ!”
“เสด็จพ่อ!”อวิ๋นหลิงเองก็อดไม่ได้ที่จะเรียกขึ้นมาว่า “รีบหาของให้ข้ากินเถิด หากว่าข้าไม่ได้กินก็จะหิวตายแล้ว!”
เยี่ยนอ๋องคิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดเช่นนี้ เมื่อคิดถึงการกระทำของฉู่อวิ๋นหลิงที่มีต่อตัวเองในอดีต ก็อดไม่ได้อับอายบ้างเล็กน้อย
ถ้าจะพูดอย่างเคร่งครัดอันที่จริงแล้วฉู่อวิ๋นหลิงไม่เคยทำผิดต่อเขา ในทางกลับกันเขายังรู้สึกว่าฉู่อวิ๋นหลิงทำให้พี่สามและฉู่อวิ๋นหานแตกแยก จึงมองนางไม่ดี
อวิ๋นหลิงกินอาหารบนโต๊ะและข้าวสามถ้วยคนเดียวจนหมด ถึงได้รู้สึกว่าพลังที่ใช้ไปเมื่อครู่ฟื้นคืนกลับมาเสียหน่อย
นางในเห็นนางแอ่นท้องราวกับคนท้องสามเดือน ก็อดที่จะพูดไม่ได้ว่า “พระชายา ทะ...ท่านจะไปเดินย่อยที่สวนหลวงก่อนหรือไม่?”
นี่มันอาหารสิบอย่างเชียวหนา หมูที่พ่อของนางเลี้ยงเอาไว้ยังกินไม่เก่งเท่านี้เลย!
อวิ๋นหลิงลูบท้องที่กลมโตของนาง จากนั้นก็เรอออกมา “ก็ได้ ถ้าเช่นนั้นก็ออกไปเดินเล่นเถิด”
อยู่ในห้องอึดอัด ออกไปเดินเล่นให้ผ่อนคลายสมองหน่อย แล้วก็จะช่วยให้พลังประสาทฟื้นคืนอีกด้วย
ในช่วงค่ำของคืนวันตรุษจีน อวิ๋นหลิงเพิ่งจะกินข้าวเสร็จได้ไม่นาน ตะวันก็ตกดินแล้ว
ขณะที่นางเดินเล่นในสวนหลวง เดินไปก็คลำขมับของตัวเองไป
ภูเขาเทียมในสวนหลวงด้านข้าง มีร่างผอมเพรียวเดินดุ่ม ๆ เข้ามาใกล้อวิ๋นหลิง
“องค์หญิงหก ท่าน...”
“หุบปาก!” องค์หญิงหกมองไปยังนางในคนนั้นด้วยความดุร้าย พูดเสียงต่ำตำหนินางว่า “ยังพูดเสียงดังอีก ข้าจะทำให้เจ้าเป็นใบ้!”
สีหน้านางในซีดขาว ร่างกายสั่นเทาไม่กล้าพูด
ฮองเฮามีลูกชายหนึ่งคนลูกสาวหนึ่งคน คือรุ่ยอ๋องและองค์หญิงหก
ถ้าหากจะถามว่าในวังหลวงใครมีนิสัยที่ดีที่สุด ทุกคนก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารุ่ยอ๋อง หากจะถามว่าใครนิสัยแย่ที่สุด นั่นก็คือองค์หญิงหกอย่างไม่ต้องสงสัย
นางในรู้นิสัยขององค์หญิงหกเป็นอย่างดี จึงไม่กล้าต่อต้านนางแม้แต่น้อย จึงทำได้เพียงเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาหาอวิ๋นหลิงทีละก้าว
องค์หญิงหกมองร่างของอวิ๋นหลิง ดวงตาลุกเป็นไฟ
ก่อนหน้านั้นนางได้ไปฟ้องหวงกุ้ยเฟยเรื่องฉู่อวิ๋นหลิง แต่คิดไม่ถึงว่าหวงกุ้ยเฟยจะไม่ลงโทษนางแล้วอีกทั้งฮองเฮายังพูดอะไรอีก ทำให้นางถูกเสด็จแม่พระชายาลงโทษ
จะต้องเป็นฝีมือของฉู่อวิ๋นหลิงเป็นแน่ จะต้องสั่งสอนนางให้จงได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...