พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 229

เฟิงจิ่งเหวยอ้าปากแต่ก็พูดไม่ออก ขณะที่นางลังเลจะถอย คนที่อยู่บนแท่นประหารชีวิตก็ตะโกนเสียงดัง ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ

“ประหารชีวิต!”

คำพูดนั้นยังไม่ทันจะจบ เพชฌฆาตก็ยกมีดขึ้นแล้วฟาดลงไป การร้องไห้ หัวเราะอย่างบ้าคลั่งของเฟิงจิ่นเฉิงก็หยุดลงทันที

ร่างกายทั้งหมดของเฟิงจิ่งเหวยอ่อนยวบลง นางทรุดตัวลงกับพื้นแล้วจ้องมองไปที่พื้นอย่างตะลึง ร่างกายของนางสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่ นางไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมอง

เสียงของอวิ๋นหลิงดังขึ้นจากในรถม้า

“เอาล่ะ จื่อเถา กลับบ้านกันเถอะ”

สาวน้อยคนนี้ช่างกล้าหาญจริงๆ นางไม่เคยเห็นฉากตัดหัวที่นองเลือดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ชัดว่านางหวาดกลัว แต่กลับรวบรวมความกล้าที่จะออกจากรถม้า และเฝ้าดูเฟิงจิ่นเฉิงถูกประหารด้วยตัวเอง

จื่อเถาพยักหน้าด้วยใบหน้าซีดเผือด ตอบเสียงสั่นเทา “บ่าวเข้าใจแล้ว”

นางลากร่างที่อ่อนแรงของนางไปที่รถม้าอีกคันหนึ่ง ก่อนนางจะไปก็ยังบังคับตัวเองให้มองเฟิงจิ่นเฉิงที่ร่างกายถูกแยกออกจากกันเป็นครั้งสุดท้าย

ท่านพ่อ คนชั่วคนนั้นถูกประหารชีวิตแล้ว ของให้วิญญาณของท่านในปรโลกไปสู่สุคติ

จื่อเถากลั้นความโศกเศร้าและไม่หลั่งน้ำตา นางพูดอะไรบางอย่างในใจเงียบๆ แล้วปิดม่านรถม้าลง

ลู่ฉีเดินอ้อมรถม้าไป ไม่สนใจเฟิงจิ่งเหวยที่หวาดกลัวจนโง่เขลาอยู่ตรงนั้น

เมื่อเดินผ่านอีกฝ่าย เขาจงใจสะบัดแส้อย่างแรง ม้าร้องฮี่แล้วพุ่งออกไป ทิ้งไว้เพียงฝุ่นที่คละคลุ้งอยู่ด้านหลังให้อีกฝ่าย ซึ่งทำให้เฟิงจิ่งเหวยไอและหลั่งน้ำตาออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

เมื่อมองไปที่เฟิงจิ่งเหวยที่เต็มไปด้วยฝุ่น ลู่ฉีก็รู้สึกพึงพอใจ

สตรีชั่ว กินฝุ่นไปซะเจ้า!

ด้วยรูปลักษณ์ที่อัปลักษณ์และจิตใจที่เน่าเฟะเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ยังกล้าใช้ชีวิตของพระชายามาขู่ให้ท่านอ๋องแต่งงานกับนาง ช่างไม่ดูว่าตัวเองห่างชั้นจากพระชายาขนาดไหน

ความอัปยศอดสูนี้ทำให้เฟิงจิ่งเหวยได้สติกลับมา นางไม่สามารถระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป นั่งลงบนพื้นแล้วร้องไห้โหยหวนออกมา

“พี่ชาย...พี่ชาย!”

นางเรียกเฟิงจิ่นเฉิงแต่นางไม่กล้าหันกลับไปมอง ความเกลียดชังในใจของนางพุ่งออกมาพร้อมกับความโกรธ

“ฉู่อวิ๋นหลิง...ฉู่อวิ๋นหลิง...ชาตินี้ข้ากับเจ้าไม่ตายไม่เลิกรา!”

วันหนึ่ง นางจะตอบแทนความคับแค้นใจและความเจ็บปวดที่นางได้รับคืนกลับไปเป็นร้อยเท่า ให้สตรีคนนั้นตายอย่างไรที่ฝัง และให้ผู้ชายคนนั้นต้องเสียใจ!

เฟิงจิ่งเหวยนั่งลงท่ามกลางความลมหนาว ด่าสาปแช่งไม่หยุด จู่ๆ ก็มีมือที่ถือผ้าเช็ดหน้าปักลายโผล่เข้ามาในสายตาของนาง

นางตะลึงงันเล็กน้อยและเงยหน้ามองทั้งน้ำตา เห็นผู้หญิงแปลกหน้าในชุดสีเขียวยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้ามีความองอาจอยู่สามส่วนและเหมือนผู้ชายสองส่วน

อีกฝ่ายเม้มริมปากยิ้ม และน้ำเสียงก็ทุ้มต่ำ

“อยากแก้แค้นหรือ ข้าช่วยเจ้าให้ได้สิ่งที่ต้องการ”

ในลมเหนือที่เยือกเย็น ไม่มีใครได้ยินเสียงสตรีในชุดสีเขียวว่านางกระซิบอะไร

หลังจากนั้นไม่นาน เฟิงจิ่งเหวยก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้นและเข้าไปในรถม้าของอีกฝ่าย

......

หลังจากรถม้าแล่นไปได้สองเค่อ ในที่สุดรถม้าก็มาถึงจวนของจิ้งอ๋อง

จื่อเถาอาเจียนออกมาทันทีที่นางลงจากรถ เพราะฉากเลือดในศีรษะของเฟิงจิ่นเฉิงตกลงไปส่งผลกระทบต่อนางอย่างมาก

แต่อาจเป็นเพราะได้แก้แค้นแล้ว สีหน้าของนางจึงดูผ่อนคลายมากขึ้น

อวิ๋นหลิงพูดอย่างอ่อนโยนว่า “บ่ายนี้ไม่มีอะไรให้เจ้าทำแล้ว กลับไปพักที่ห้องเถอะ ถ้าเจ้ารู้สึกไม่สบาย ก็บอกตงชิงหรือมาหาข้าก็ได้”

หัวใจของจื่อเถารู้สึกอบอุ่น นางกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “บ่าวสบายดี ขอยคุณพระชายาที่ห่วงใย”

หลังจากอยู่ด้วยกันมาหลายวัน จื่อเถาก็เข้าใจนิสัยของอวิ๋นหลิงแล้ว รู้ว่านางเป็นคนชอบพูดตรงๆ นางไม่วางท่าต่อบ่าวรับใช้

อวิ๋นหลิงลูบมือที่แข็งทื่อของนาง ก่อนถอนหายใจ “อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ว่างๆ ต้องกินหม้อไฟแล้ว”

ยุคนี้ไม่มีเครื่องทำความร้อนหรือเครื่องปรับอากาศ แคว้นต้าโจวก็ไม่มีเตียงอุ่น ตอนจะนอนไม่สามารถเผาถ่านได้ มิฉะนั้นความเย็นจะคืบคลานมาทุกมุมของเตียงจนทนไม่ได้

นางเคยถูกฝึกให้อดทนต่อความหนาวจัดมาก่อน แต่พอมาอยู่ที่โลกนี้ นางได้ใช้ชีวิตสบายมานานเกินไป ตอนนี้รู้สึกว่าทนไม่ได้แล้ว

เฮ้อ ใช้ชีวิตสุขสบายมานานเกินไป คนก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเอาแต่ใจไปแล้ว

เซียวปี้เฉิงถามด้วยความสงสัย “หม้อไฟคืออะไร?”

“มันเป็นหม้อไฟเผ็ดๆ ชนิดหนึ่ง ชนิดที่ทำให้ร่างกายอบอุ่นหลังกินเข้าไป” อวิ๋นหลิงอธิบายให้เขาฟังเสียงต่ำ “วิธีการกินแบบนี้เป็นที่นิยมมากในโลกของพวกข้า แบบว่าวางหม้อไฟไว้บนเตา จุดไฟแล้วยกขึ้นโต๊ะพร้อมเครื่องเทศและซุปชั้นดี และมีวัตถุดิบอย่างพวกเนื้อและผัก กลุ่มคนนั่งล้อมวงกินไปลวกไป”

เซียวปี้เฉิงมักจะสงสัยความแปลกใหม่ของโลกอวิ๋นหลิง ตอนนี้เขาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก

“ฟังดูน่าครึกครื้นจริงๆ น่าสนใจมาก”

เมื่อเห็นว่าน่าสนใจ อวิ๋นหลิงจึงตอบกลับไปว่า “ไว้วันหลังจะทำให้พวกท่านชิม”

อย่างหม้อไฟและเตียงอุ่นนั้นทำได้ไม่ยาก

อวิ๋นหลิงคิดอย่างละเอียด พบว่าในฐานะหญิงสาวที่เดินทางข้ามเวลามา นางยังไม่คุณสมบัติเพียงพอ

ในนิยาย นางเอกของคนอื่นสามารถทำเงินได้มากมายโดยอาศัยความคิดแปลกๆ เหล่านี้ หรือไม่ก็อาศัยไอเท็มทองคำที่ยอดเยี่ยมสังหารไปทั่วทิศ

ยกเว้นปลาเค็มที่ทั้งวันนอกจากนอนแล้ว ก็ทำอะไรตามใจตัวเอง

ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านขายยาหรือวาดพิมพ์เขียว ทุกครั้งเป็นการทำอะไรที่เกินความสามารถ หรือไม่ก็ทำอะไรตามสะดวก น่าละอายๆ

ในฐานะหญิงข้าวมิติมา บางครั้งก็ควรจะขยันทำธุรกิจ

อวิ๋นหลิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดกับเซียวปี้เฉิง “อีกสองวัน ข้าจะทำหม้อไฟให้กิน ท่านก็ไปเรียกพวกองค์ชายห้าองค์ชายหกมากินด้วยสิ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ