“ให้เรียกน้องห้าน้องหกมาหรือ?” เซียวปี้เฉิงมองไปที่อวิ๋นหลิง แล้วใช้สายตาสอบถามนาง
อวิ๋นหลิงอธิบาย “ข้าสัญญากับเขาก่อนหน้านี้ เมื่อไหร่ที่ทำดินสอเสร็จแล้ว ข้าจะส่งให้เขาหนึ่งชุด แม้ว่าท่านได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขาในวัดต้าหลี่แล้ว แต่เขาก็ยังถูกห้ามเรื่องเข็มพิษ ไม่กล้ามาหาพวกเรา”
การกินอาหารร่วมกันเป็นช่องทางสำคัญในการสังสรรค์ในสังคมมนุษย์ ซึ่งสามารถย่นระยะห่างระหว่างกันได้ หม้อไฟและปิ้งย่างถือว่ามีประสิทธิภาพมาก
เซียวปี้เฉิงพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้เฉียงเย่รายงานในวัง”
เขาเองก็ไม่ได้อยากให้ระหว่างพี่น้องต้องเอาใจออกหากเพราะเล่ห์เหลี่ยมของพวกทูเจวี๋ย ดังนั้นการกินอาหารพร้อมหน้าจึงเป็นวิธีที่ดี
หลังจากจัดการเรื่องนี้แล้ว อวิ๋นหลิงก็เริ่มเตรียมการ
ในยุคนี้ ชาวฮั่นได้ทำการค้าขายกับชาวตะวันตก พวกมะเขือเทศและพริกก็ถูกนำเข้ามาในแคว้นต้าโจวตั้งนานแล้ว
แต่ตอนนี้ไม่มีมะเขือเทศสด ดังนั้นอวิ๋นหลิงจึงทำหม้อซุปเห็ดและหม้อพริก เตรียมผักสดและเนื้อที่หั่นบาง
หากไม่มีวิธีในการปลูกพืชเรือนกระจกหรือในโดมที่ปิดสนิท การกินผักสดในฤดูหนาวก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่อวิ๋นหลิงมักจะเพาะปลูกผักในแปลงเล็กๆ นอกเหนือจากวัตถุดิบทางการแพทย์
อาศัยความสามารถของพลังจิตในการเร่งการเจริญเติบโต มันก็เพียงพอให้ผักในตอนนี้ สามารถเติมเต็มความอยากอาหารในวันปกติได้
เยี่ยนอ๋องเป็นคนแรกที่มาถึงจวนจิ้งอ๋อง เขามีประสบการณ์กับฝีมือการทำอาหารของอวิ๋นหลิง และก็ดีกว่าพ่อครัวในห้องเครื่องในวังหลวงเป็นพันเป็นร้อยเท่า แต่อวิ๋นหลิงนั้นขี้เกียจมาก นางจะทำอาหารเป็นครั้งคราวตอนที่มีอารมณ์เท่านั้น และมันไม่ง่ายเลยที่จะได้กินอาหารฝีมือของนางในเวลาปกติ
นับตั้งแต่เขาย้ายออกจากจวนจิ้งอ๋อง ครั้งสุดท้ายที่เยี่ยนอ๋องได้ชิมฝีมือของอวิ๋นหลิงก็คือคราวก่อน
ทันทีที่เขาได้ยินว่ามีอาหารแบบใหม่ เขาก็รีบไปทันทีโดยที่ไม่หยุดพัก
“เหตุใดน้องห้ากับน้องหกยังไม่มา”
เยี่ยนอ๋องนั่งลงข้างหม้อไฟใบเล็ก ได้กลิ่นหอมโชยของน้ำซุปฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ
องค์ชายห้ามาถึงช้ามาก มาถึงจวนจิ้งอ๋องในตอนค่ำ ด้านหลังก็เป็นกล่องของขวัญที่องครักษ์ถือมาด้วย
เมื่อเขาก้าวเข้าไปในเรือนหลันชิง เขาที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ชนเข้ากับคนที่วิ่งเข้ามา แล้วล้มลงบนพื้นและถูกอีกฝ่ายกดทับ
ดวงตาของจื่อเถามึนงง นางได้สติกลับมา เห็นชายรูปงามที่ไม่ธรรมดา มีผมหนาสีดำและดวงตาเหมือนดวงดาว
ทั้งคู่อึ้งไปครู่หนึ่ง
สัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มและความเอิบอิ่มที่บีบแน่นบนหน้าอก ทั้งจื่อเถาและองค์ชายห้าก็หน้าซีดเผือด
แย่แล้ว ผู้ชาย!
ซวยแล้ว ผู้หญิง!
เมื่อเห็นฉากนี้ ตงชิงก็อุทานว่า “ไอ๊โย องค์ชายห้า ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
นางรีบวิ่งไป พยายามช่วยทั้งสองคนให้ลุกขึ้น
จื่อเถาและองค์ชายห้าได้สติกลับมาอีกครั้ง พวกเขาทั้งสองก็ลุกขึ้นมาจากพื้นราวกับปลาไน แล้วดีดตัวออกไปคนละทิศละทางอยู่ห่างไปสามเมตร
ตงชิงคว้าได้อากาศจนเกือบจะล้มลงกับพื้น
ตงชิง “???”
สีหน้าของจื่อเถาซีดเผือด นางรีบคุกเข่าลงบนพื้นแล้วพูดว่า “บ่าวประมาทไปจนชนองค์ชายห้า โปรดลงโทษบ่าวด้วยเพคะ”
องค์ชายห้าได้สติกลับมาจากความตกใจ พบว่าเป็นสาวน้อยใบหน้างดงาม ดูแล้วไม่คุ้นหน้า
“เจ้าคือ…”
ตงชิงรีบตอบไปว่า “ทูลองค์ชายห้า นี่คือสาวใช้ส่วนตัวที่พระชายาเพิ่งรับเข้ามาเมื่อไม่กี่วันก่อนเพคะ นางเพิ่งเข้ามาในจวนได้ไม่นาน และไม่คุ้นกับกฎของจวน บ่าวจะพานางไปรับโทษกับแม่นมเฉินเองเพคะ”
“มีฤดูหนาวปีหนึ่งที่สนมลี่ผินหมดสติไปในตำหนัก นางนอนพักฟื้นอยู่นานถึงได้หายดี หมอหลวงก็บอกว่านางไม่ได้เปิดหน้าต่างระบายอากาศตอนที่เผาถ่านนานเกินไป สนมลี่ผินช่วงนี้พอถูกลมหนาวก็ดูง่วงซึม น้องหกกลัวว่านางจะลืมเปิดหน้าต่างเพราะอยากให้ในห้องอุ่น เขาจึงต้องคอยเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง”
เซียวปี้เฉิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ต้องสังเกตให้มากจริงๆ เรื่องแบบนี้มักเกิดขึ้นหมู่ประชาชน ชาวบ้านถูกพิษจนตัวตายขณะรับเอาความอบอุ่น โชคดีที่คนในวังเจอทันเวลา มิฉะนั้นผลที่ตามมาก็ไม่อยากจะคิดเลย วันนั้นข้ายังสั่งขุนนางในกรมทั้งหก ให้พวกเขาแจ้งและกำชับประชาชนให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นอีก”
ต้าโจวไม่มีเครื่องทำความอุ่น แต่กรมทั้งหกก็สามารถขายถ่านในราคาถูกให้กับชาวบ้านในชื่อของราชสำนักได้ เพื่อให้คนทั่วไปได้รับความอุ่นหลังจากฤดูหนาวเข้ามา
เมื่ออวิ๋นหลิงได้ยินเช่นนี้ ในใจก็สั่นไหว
นางจำได้ว่าพระราชในสมัยโบราณมีระบบทำความร้อนเช่นกัน แต่ตอนนี้ด้วยระดับความยากจนของแคว้นต้าโจว อาจไม่มีเงินพอจะทำของที่หรูหราขนาดนี้
แต่ในระหว่างนี้ยังไม่สามารถทำห้องอุ่นหรือกำแพงไฟได้ แต่ก็มีวิธีรับความอุ่นวิธีอื่น อย่างเช่นถึงความร้อน
เป็นการใช้ประโยชน์จากปฏิกิริยาทางเคมีง่ายๆ สามารถทำถึงร้อนง่ายๆ ออกมาได้ ทำเป็นสนับเข่าก็เป็นความคิดที่ไม่เลว
องค์ชายห้าพยักหน้า โค้งคำนับเยี่ยนอ๋อง แล้วพูดด้วยความสุภาพ “พี่สี่ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง ไม่เห็นท่านเข้าวังไปเสียนาง”
“อย่าเอ่ยถึงเลย เสด็จแม่ข้าวันๆ ก็เร่งเร้าให้ข้าแต่งงาน ตอนนี้ข้าไม่แม้แต่จะกล้ากลับไปจวนเยี่ยนอ๋องแล้ว” เยี่ยนอ๋องมีสีหน้ากังวล แล้วเหลือบมองไปที่องค์ชายห้า “พูดถึงเรื่องนี้ น้องห้าเจ้าเลยวัยยี่สิบมาสองปีแล้ว เหตุใดถึงไม่เห็นเสด็จแม่เร่งเจ้าให้แต่งงานบ้าง?”
องค์ชายห้าก็ตะลึงงันไปเล็กน้อย แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ชื่อเสียงข้างนอกข้าก็เช่นนั้น แม้ว่าเสด็จแม่มีความคิดอยากเจรจางานแต่งให้ข้า แต่ก็ไม่มีตระกูลไหนเต็มใจให้ลูกสาวของพวกเขาแต่งงานกับข้า”
หลังจากพูดจบ องค์ชายห้าก็หน้าลงจิบเหล้า ในแววตาก็ซับซ้อน
เขามีความลับที่ไม่เคยบอกคนนอกมาตลอด ตั้งแต่อายุสิบสาม หลังจากถูกคนของฮองเฮาเฟิงใส่ร้ายว่ามีสัมพันธ์กับนางกำนัล เขาก็รังเกียจและกลัวการสัมผัสสตรีเป็นที่สุด
แม้ว่าในตอนนั้นไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น แต่บางครั้งเขาก็ฝันย้อนกลับไป เขาไม่สามารถลืมความรู้สึกที่นางกำนัลคนนั้นสัมผัสร่างกายเขาได้ มันทำให้เขารู้สึกอยากอ้วก
เพื่อไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็น หลายปีมานี้ เขาได้สร้างภาพลักษณ์ภายนอกว่าชอบเที่ยวหอนางโลมขึ้นมา
แต่นั่นก็เป็นแค่ละครที่สร้างขึ้นเท่านั้น เขาแทบไม่สามารถทำใจใกล้ชิดกับสตรีได้เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...