ฝูกงกงคิดยิ่งก็ยิ่งรู้สึกมีเหตุผล “บางทีลูกในครรภ์ของพระชายาอาจเป็นองค์หญิงน้อยพ่ะย่ะค่ะ หนังสือประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่าองค์หญิงแต่งงานกับต่างแคว้นจะสร้างสันติสุข ความปรองดองของทั้งสองแคว้นได้พ่ะย่ะค่ะ เช่นนี้ก็มีความเป็นไปได้พ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิจ้าวเหรินเลิกคิ้ว พร้อมกับยิ้มเอ่ย “หรือเจ้าไม่เชื่อมั่นในความสามารถของต้าโจว ยังต้องให้ข้าส่งองค์หญิงไปแต่งงานเพื่อความสันติสุขอีก?”
ฝูกงกงรีบอธิบาย “บ่าวไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่สรรหาคำอธิบายที่ดีกว่านี้ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
เห็นจักรพรรดิจ้าวเหรินมีความรู้และเมตตาเช่นนี้ แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นบุตรชายของพระเจ้าหลวง
เทพสงครามแห่งต้าโจวในวันวานอย่างพระเจ้าหลวง ต่อต้านระบบสืบทอดบัลลังก์ให้เฉพาะโอรสคนโต เป็นคนเลือกคนสืบทอดเอง เขาย่อมเป็นผู้สืบสกุลพระเจ้าหลวงและมีอุดมการณ์เดียวกับพระเจ้าหลวงอยู่แล้ว
“ข้าว่าเรื่องเทพธิดาจุติน่าจะเกี่ยวกับเมียเจ้าสามมากกว่า”
ฝูกงกงคำนับ “ฝ่าบาทโปรดอธิบายให้บ่าวเข้าใจด้วยเถิด”
จักรพรรดิจ้าวเหรินแย้มยิ้ม นัยน์ตามีประกายแสงชาญฉลาดแวบผ่าน
“เมียเจ้าสามออกรบไม่ได้ แต่ถ้านางรักษาดวงตาของเจ้าสามได้ เจ้าสามก็สามารถปกครองบ้านเมืองให้สงบได้”
“ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถยิ่งนัก” ฝูกงกงเข้าใจทันที “หากพระชายาจิ้งสามารถรักษาท่านอ๋องได้ เช่นนั้นต้องเป็นเทพธิดาอย่างไม่ต้องสงสัยแน่พ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิจ้าวเหรินหันไปมองหินอุกกาบาตด้วยแววตากลุ้มใจ
มีเผ่าทูเจวียก็จ้องจะประชิดพรมแดนอยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็ไม่มีคนเก่งไปรับมือเรื่องนี้ได้เลย
หากฉู่อวิ๋นหลิงสามารถรักษาดวงตาของเซียวปี้เฉิงได้ เช่นนั้นก็จะคลายความกลุ้มใจของเขาได้
……
ภายในตำหนักฉางหมิง อวิ๋นหลิงที่สลบไปนานก็ตื่นขึ้นมา
“น้ำ...หิว...”
ครั้งนี้นางใช้พลังจิตหมดและสมองได้รับกระทบกระเทือนด้วย จึงหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ก่อนจะค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นมา
เพิ่งรู้สึกตัวก็รู้สึกท้องว่างเปล่า ความหิวจู่โจมอวิ๋นหลิงจนรู้สึกตาลายไปหมด
เซียวปี้เฉิงได้ยินนางเสียงนางฟื้นแล้ว รีบสั่งนางกำนัลไปส่งข่าว จากนั้นก็หยิบแก้วน้ำชาไปให้
ไหนเลยจะคิดว่าอีกฝ่ายไม่รับแก้วน้ำชา ทั้งยังกัดข้อมือเขาอีก
“เจ้าเป็นสุนัขหรือไร?”
เซียวปี้เฉิงรู้สึกเจ็บจนสูดลมหายใจเข้า เกือบทำน้ำชาร้อนๆหล่นใส่เตียงเตี้ยแล้ว
“ขออภัย ข้าคิดว่าเป็นขาหมู”
นางเห็นภาพหลอนไปแล้ว
ไม่รอให้เซียวปี้เฉิงตอบสนองทัน ด้านหลังก็มีกระแสลมแวบผ่านไปหาอวิ๋นหลิง
“หลิงเอ๋อร์... เจ้าฟื้นเสียที ทำให้พ่อตกใจหมดเลย”
เซียวปี้เฉิงโดนพระเจ้าหลวงผลักออกกะทันหัน ล้มหน้าหงายไปกองกับพื้น น้ำชาร้อนๆกระเซ็นใส่ใบหน้าของเขา
จักรพรรดิจ้าวเหรินเข้ามาแล้วเห็นภาพนี้ก็อดกระตุกมุมปากไม่ได้
แม่นมฉินรีบประคองเซียวปี้เฉิงขึ้นมา จากนั้นก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าเขา
“พระเจ้าหลวงปล่อยหม่อมฉันที หาไม่แล้ว หม่อมฉันคงโดนรัดคอตายก่อนหิวตายแน่”
อวิ๋นหลิงโดนพระเจ้าหลวงกอดแน่นจนหายใจไม่สะดวก
“หลิงเอ๋อร์หิวแล้วหรือ?”
พระเจ้าหลวงได้ยินก็หยิบขนมกุ้ยฮวาที่ห่อด้วยกระดาษออกจากแขนเสื้อ
“กินอันนี้สิ อร่อยนะ”
อันนี้เป็นขนมกุ้ยฮวาสูตรชาววัง คือของว่างที่พระเจ้าหลวงชอบกินที่สุด เพราะฟันเขาไม่ดี แม่นมเฉินจึงอนุญาตให้เขากินได้วันละสามชิ้นเท่านั้น
คงเป็นเพราะเสียดายจนไม่กล้ากิน จึงได้เก็บไว้
ไม่รู้ว่าเก็บขนมกุ้ยฮวานานแค่ไหนแล้ว ถึงจะไม่เสีย แต่ก็แข็งหมดแล้ว
“ขอบคุณท่านมาก เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว”
อวิ๋นหลิงหิวจนตาลาย ไม่รังเกียจรสชาติแย่ๆของขนมตรงหน้า รีบยัดใส่ปากหมดทันที สองแก้มจึงป่องขึ้นมา
นางกลืนขนมว่างด้วยความยากเย็น รู้สึกติดคอจนกลอกตาขาว
แม่นมเฉินเห็นว่าการกินแบบนี้ไม่ดูไม่ค่อยงาม เสียมารยาทจนทำให้จักรพรรดิจ้าวเหรินเคืองพระทัย จึงเตือนอวิ๋นหลิงเสียงเบาว่า
“พระชายา ท่านกินช้าๆหน่อย ระวังติดคอเพคะ”
“ไม่ติดคอตายหรอก ถึงจะติดคอตายก็ดีกว่าหิวตาย”
แม่นมเฉินรีบเอ่ย “ท่านอย่าพูดคำแบบนั้นติดปากสิเพคะ อาหารของห้องเครื่องกำลังร้อนๆ ใกล้จะส่งมาถึงแล้ว หากกินของว่างเยอะเกินไป ประเดี๋ยวจะกินอาหารไม่ลงนะเพคะ”
จักรพรรดิจ้าวเหรินยิ้มเอ่ย “ตอนนี้ร่างเมียเจ้าสามมีสองคน ย่อมกินเยอะกว่าปกติอยู่แล้ว”
องค์หญิงหกทำหน้าบอกบุญไม่รับ หน้าผากยังคงบวมหลายจุด ไม่รู้ว่าโดนพระเจ้าหลวงใช้ไม้เท้าตีไปกี่ครั้ง
“หึ ปีศาจมารจึงออกไปให้พ้นๆ”
เมื่อเห็นองค์หญิงหก พระเจ้าหลวงก็ดีดตัวลุกขึ้นทันที และหมายจะยกไม้เท้าของตัวเองขึ้น
แต่พบว่าไม้เท้าไม่ได้อยู่กับตัว จึงกางแขนเหมือนแม่ไก่ด้านหน้าอวิ๋นหลิง
นัยน์ตาอวิ๋นหลิงเกิดความแปลกใจ ส่วนในใจก็รู้สึกซาบซึ้งไม่น้อย
ตาเฒ่าหัวทึบ
“พี่...พี่สะใภ้สาม ครั้งนี้ข้าผิดเอง หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสาข้า”
ต่อให้ไม่ยินดีเพียงใดก็ต้องก้มหน้าให้กับฉู่อวิ๋นหลิง ใครใช้ให้นางก่อเรื่องใหญ่กัน
“นับวันก็ยิ่งขาดมารยา พรุ่งนี้ไปคัดบทสวดในวัด หากคัดหนึ่งร้อยจบไม่เสร็จก็ไม่ต้องกลับมา”
ดูเหมือนฮองเฮาเฟิงจะทำหน้าเข้มขรึม ทว่าคำสั่งนี้ไม่ได้เป็นการลงโทษองค์หญิงหกจริงๆ
จักรพรรดิจ้าวเหรินไม่คิดจะปล่อยองค์หญิงหกไป “สมควรคัดบทสวดหนึ่งร้อยรอบ หรงเอ๋อร์ควรขัดเกลาจิตใจ คัดเสร็จแล้วเอามาให้ข้าตรวจสอบ แต่เรื่องการลงโทษครั้งนี้...”
“เจ้าสาม เจ้าเป็นพี่ชาย เจ้าคิดว่าควรลงโทษหรงเอ๋อร์เช่นไรดี?”
ไม่เพียงแต่เซียวปี้เฉิง กระทั่งแม่นมเฉินก็ชะงักด้วย
นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดฝ่าบาทจึงจงใจโยนปัญหาใหญ่ให้เซียวปี้เฉิงด้วย หากลงโทษเบาไปก็ทวงความยุติธรรมให้อวิ๋นหลิงไม่ได้ แต่ถ้าลงโทษหนักไปก็จะทำให้ฮองเฮาเคืองใจได้
ดูผิวเผินฮองเฮาจะเข้มงวดต่อองค์หญิงหก แต่แท้จริงแล้วพะเน้าพะนอลูกสาวของตัวเองเกินงามยิ่ง
เซียวปี้เฉิงนิ่งเงียบชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นเยียบ “น้องหกไม่ได้ตั้งใจ และอวิ๋นหลิงก็ปลอดภัยดี ไม่ควรลงโทษหนัก ลูกคิดว่าลงโทษโดยการใช้ไม้บรรทัดตีหนึ่งร้อยที ลงโทษเบาๆเช่นนี้ก็พอพ่ะย่ะค่ะ”
ต่อให้เขาไม่ชอบฉู่อวิ๋นหลิงเพียงใด แต่นางก็เป็นพระชายาและตั้งท้องกับเขาอยู่
ในเมื่อไม่ได้ทำผิด เช่นนั้นก็ไม่ควรกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมไว้
จักรพรรดิจ้าวเหรินพยักหน้า “เช่นนั้นก็ลงโทษตามนี้แล้วกัน”
องค์หญิงหกได้ยินก็หน้าซีดจนเกือบเป็นลม
นี่ยังเรียกว่าลงโทษเบาๆหรือ?
รู้ทั้งรู้ว่านางต้องคัดบทสวดครึ่งเดือน ยังตีมือนางหนึ่งร้อยทีอีก ไม่เท่ากับการเข่นฆ่าหรอกหรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...