พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 24

ราวกับไม่คิดว่าเซียวปี้เฉิงจะพูดเยี่ยงนี้ ฮองเฮาเฟิงมองมาที่เขาด้วยความแปลกใจ

อวิ๋นหลิงเลิกคิ้ว ช่วงนี้เซียวปี้เฉิงปกป้องนางต่อหน้าหวงกุ้ยเฟยและฮองเฮาติดต่อกัน จึงไม่ได้ขวางหูขวางตามากเมื่อแต่ก่อนแล้ว

แต่พระเจ้าหลวงไม่พอใจกับการลงโทษนี้ พูดเสียงดังว่า “เฆี่ยนเหมือนทหารหนึ่งร้อยที เฆี่ยนหนึ่งร้อยที”

องค์หญิงหกตกใจจนสะดุ้งโหยง รีบถอยหลังไปหลายก้าว

นางเคยสัมผัสความร้ายกาจหลังพระเจ้าหลวงสติเลอะเลือนแล้ว คนทั้งวังหลวงรีบคล้อยตามคำสั่งของจักรพรรดิจ้าวเหรินทันที

หากเฆี่ยนนางจริงๆ เช่นนั้นจะต้องเจ็บตัวหนักแน่

จักรพรรดิจ้าวเหรินพูดเกลี้ยกล่อมเสด็จพ่อของตนด้วยความอดทน “เสด็จพ่อ ตำหนักฉางหนิงปลูกต้นมะปรางไว้ ตอนนี้สุกแล้ว หลิงเอ๋อร์ชอบกินสิ่งนี้ที่สุด ท่านพ่อให้แม่นมเฉินพาไปเก็บมาเถิด”

“อ่อ ใช่ หลิงเอ๋อร์ชอบกินอันนี้ที่สุด หลินเอ๋อร์รอพ่ออยู่ที่นี่ก่อนนะ ห้ามวิ่งไปเรื่อยละ”

พระเจ้าหลวงลูบหัวอวิ๋นหลิงพร้อมกับกำชับสองประโยค จากนั้นก็รีบไปเก็บมะปราง

ฮองเฮามองพระเจ้าหลวงกับอวิ๋นหลิงสลับกันด้วยความแปลกใจ จากนั้นหัวใจก็หล่นวูบ

หลังจากพระเจ้าหลวงกลายเป็นคนโง่ก็จำใครไม่ได้เลย ไยเพิ่งจะเคยเห็นฉู่อวิ๋นหลิงเพียงสองครั้งก็เอ็นดูเพียงนี้?

เกิดความคิดต่างๆนาๆในใจ นางเลิกความคิดจะเล่นงานอวิ๋นหลิง หันไปพูดกับองค์หญิงหกแทน

“เช่นนั้นพรุ่งนี้เจ้าก็ไปสำนักผิดโดยการคัดบทสวดที่วัดหานซานแต่เช้าเถิด และถือว่าช่วยขอพรให้กับลูกในท้องของพี่สะใภ้สามของเจ้าด้วย”

องค์หญิงหกทำหน้าเศร้า ใช้สายตาขอร้องฮองเฮา “เสด็จแม่...”

นางยังไม่ทันกล่าวจบ ฮองเฮาเฟิงก็ถลึงตาใส่อย่างดุร้าย จนต้องหยุดขอร้อง

“ลูกทราบแล้วเพคะ”

ขณะที่ฮองเฮาเฟิงหมุนกายไปยังจักรพรรดิจ้าวเหริน ใบหน้าก็เผยความอ่อนโยนที่เจือความเข้มงวดไว้ หาที่ติไม่ได้แล้ว

“ในเมื่อพระชายาจิ้งอ๋องต้องการพักผ่อน เช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนเจ้าแล้ว”

ก่อนออกไป ฮองเฮามองเซียวปี้เฉิงด้วยแววตายากแท้หยั่งถึง

องค์หญิงหกรีบตามหลังฮองเฮาไป ต้องเผ่นหนีก่อนพระเจ้าหลวงจะกลับมา

เมื่อจักรพรรดิจ้าวเหรินตกปากรับคำว่าจะมอบจี้ที่ทำจากหินอุกกาบาตให้อวิ๋นหลิงแล้วก็กลับไปยังพระที่นั่งบำรุงฤทัย

หลังจากที่จักรพรรดิจ้าวเหรินกับฮองเฮาออกไป ตำหนักฉางหนิงก็เหลือเพียงอวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิง บรรยากาศเงียบขรึมผิดปกติ

“นี่ พระเจ้าหลวงจำใครไม่ได้ไม่ใช่หรือ? ไยจึงเอ็นดูข้าจัง?”

เซียวปี้เฉิงทำหน้าบึ้ง “ข้าก็อยากถามเจ้าเหมือนกัน ตอนที่เจ้ารักษาเสด็จปู่ เจ้าทำอะไรตุกติกหรือเปล่า?”

เขาสงสัยว่าสาเหตุที่พระเจ้าหลวงดีต่ออวิ่นหลิง ต้องเกี่ยวข้องกับแสงสีขาวอันประหลาดในตอนนั้นแน่

ในนิยายเขียนไว้ว่าปีศาจสามารถสะกดจิตและควบคุมผู้อื่นได้

ไม่รู้ว่าฉู่อวิ๋นหลิงเป็นอะไรก่อนกลายร่างเป็นคน

“ไอ้คนตาบอด ถ้าพูดดีๆไม่เป็นก็หุบปากซะ”

อวิ๋นหลิงทำหน้าบึ้งตึง ง้างฝ่ามือตบด้วยความหงุดหงิด

“ข้าอุตส่าห์รักษาให้ แต่ท่านกลับสงสัยว่าข้ามีเจตนาร้าย”

ร่างกายนางยังไม่ฟื้นฟู เมื่อเซียวปี้เฉิงได้ยินเสียงฝ่ามือแหวกลมก็คว้าหมับไปยังข้อมือนางอย่างง่ายดาย

“เจ้าทำให้พระเจ้าหลวงฟื้นขึ้นมาได้ ข้ารู้สึกซาบใจยิ่ง แต่ทางดีที่เจ้าอย่าทำอะไรไม่ดีไม่งามเลย”

ไม่ใช่เขาอยากคิดว่าฉู่อวิ๋นหลิงมีเจตนาร้าย แต่แสงสีขาวอันประหลาดนั้นไร้คำอธิบาย ยากนักที่จะไม่เกิดความระแวงระวัดและป้องกันตัว

อวิ๋นหลิงเสียความรู้สึก แววตาเย็นเยียบในชั่วพริบตา กล่าวเสียงเรียบว่า

“นอกจากทำการรักษาแล้ว ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่”

เมื่อครู่เกิดความรู้สึกดีๆต่อเซียวปี้เฉิงเล็กน้อย ยามนี้มลายหายไปหมดสิ้น

อวิ๋นหลิงรู้สึกตลก จากนั้นก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย

คงเป็นเพราะนางดูไม่เหมือนคนดีกระมัง

เพราะพิษที่นางคิดค้นเยอะกว่ายารักษาโรค ถึงแม้จะแอบเรียนวิชาแพทย์จนมีความรู้มากมาย แต่ก็เคยช่วยคนเพียงไม่กี่คน

“เช่นนั้นก็จะดีที่สุด”

เซียวปี้เฉิงได้ยินเสียงเย็นชาของนางก็ปล่อยข้อมือนาง จากนั้นก็เริ่มรู้สึกเสียใจที่พูดตรงเกินไป

เพราะในนิยายก็บอกแล้วว่าปีศาจมีทั้งคนดี คนไม่ดี ไม่ได้ร้ายไปหมดทุกตน

“ใช่ ร่างกายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

จักรพรรดิจ้าวเหรินรู้สึกมีความหวังขึ้นมา รีบถามว่า “แล้วเจ้ามั่นใจแค่ไหน?”

เมื่อได้ยินคำตอบของอวิ๋นหลิง ถึงเซียวปี้เฉิงจะมองไม่เห็น แต่ก็ยังคงหันหน้าไปทางอวิ๋นหลิง

“มั่นใจเต็มร้อยเพคะ แต่...”

จักรพรรดิจ้าวเหรินกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา รีบถามว่า “แล้วเจ้าต้องใช้เวลารักษาพวกเขานานเท่าใด?”

“ดวงตาของจิ้งอ๋องรักษาแค่สองเดือนก็พอ แต่ขาของเยียนอ๋องอาการหนักกว่า ทั้งยังเคยถูกพิษเย็นมาก่อน ดังนั้นก็ต้องเวลาอย่างน้อยครึ่งปี แต่...”

จักรพรรดิจ้าวเหรินทำหน้าระรื่น ส่วนฝูกงกงกับเซียวปี้เฉิงนั้นตกตะลึงกับคำตอบนี้ยิ่ง

อาการของพวกเขาหนักจนหมอทั่วใต้หล้าปวดหัว แต่ฉู่อวิ๋นหลิงกลับรักษาง่ายเพียงนั้นเชียว?

“ดี เช่นนั้นข้าจะออกพระราชโองการให้เจ้ารักษาเจ้าสามกับเจ้าสี่ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”

อวิ๋นหลิงกระตุกมุมปาก “เสด็จพ่อ แล้วรางวัล...”

“ข้ารู้ว่าเจ้าอยากได้อะไร เจ้าอยากได้เศษดวงดาวใช่ไหม?”

ดวงตาอวิ๋นหลิงเปล่งประกายแสงเจิดจ้า พยักหน้าเหมือนไก่จิบข้าวสารกิน “หากลูกสะใภ้รักษาพวกเขาสองคนหาย เสด็จพ่อก็จะมอบก้อนหินอันนั้นให้หม่อมฉันใช่หรือไม่?”

“จี้ชิ้นหนึ่งยังไม่พอหรือ เจ้าอยากได้ทั้งก้อนเลยหรือ?”

จักรพรรดิจ้าวเหรินยิ้มอย่างเมตตา “แต่ไม่ใช่จะไม่ได้ ขอแค่เจ้ารักษาเจ้าสามกับเจ้าสี่หาย และมีหลานให้ข้าเยอะๆ ข้าก็จะมอบให้เจ้าทั้งก้อนเลย”

อวิ๋นหลิงทำหน้าบึ้ง ต้องคลอดลูกชายด้วยหรือ?

“รับของรางวัลล่วงหน้าได้หรือไม่เพคะ?”

จักรพรรดิจ้าวเหรินเลิกคิ้ว “ข้าพูดขนาดนี้แล้ว เจ้ายังมีอะไรไม่พอใจอีก?”

อวิ๋นหลิงรู้จักยับยั้งช่างใจในเวลาที่เหมาะสม “ลูกสะใภ้รับพระบัญชา อีกอย่างลูกสะใภ้อยากเอาสมุนไพรในสำนักหมอหลวงด้วยเพคะ”

“ข้าอนุญาต”

อวิ๋นหลิงรู้สึกโล่งอก เมื่อจักรพรรดิจ้าวเหรินอนุญาตให้เอาสมุนไพรล้ำค่ามาใช้ได้ เช่นนั้นนางก็ถือโอกาสขจัดพิษที่กลายเป็นกระบนหน้าเสียเลย

อาจเป็นเพราะไม่คิดว่าฉู่อวิ๋นหลิงจะไม่ถือสาต่อเรื่องที่ผ่านมา ทั้งยังยอมรักษาโดยไม่คิดจะปฏิเสธสักนิด แววตาเซียวปี้เฉิงก็ซับซ้อนขึ้นมา

เขานั่งบนเก้าอี้เงียบๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ