พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 25

เมื่อตกลงกันได้แล้ว จักรพรรดิจ้าวเหรินก็ประทานของรางวัลอย่างอื่นให้เล็กน้อย เพื่อเป็นรางวัลที่รักษาพระเจ้าหลวงกับเรื่องตั้งครรภ์

อวิ๋นหลิงกลับมาถึงตำหนักฉางหนิงก็เปิดรายการบันทึกของรางวัลมาอ่าน หลังจากที่อ่านโดยละเอียดแล้วก็ต้องกระตุกมุมปาก

“รางวัลที่ราชวงศ์พวกเจ้ามอบกัน...ไม่มีความหรูหราเลยหรือ?”

เซียวปี้เฉิงจิบน้ำชา “เสด็จพ่อมอบอะไรให้เจ้าบ้าง?”

“ห้าพันตำลึงเงิน ผ้าเนื้อดีต่างๆอย่างละหนึ่งร้อยผืน ปลิงทะเลกับรังนกมากมาย และยังมีโสมร้อยปีสองอัน...”

ของรางวัลด้านหน้าก็ปกติอยู่ แต่ด้านหลังก็เริ่มพิกลแล้ว

“หมูแฮมสิบชิ้น เนื้อรมควันห้าสิบกิโลกรัม ปลาตากแห้งยี่สิบห้ากิโลกรัม ไก่กับเป็ดตัวเป็นๆอย่างละสิบคู่ ลูกหมูสองตัว และต้นหอมที่ฝูกงกงปลูกอีกสิบมัด”

เซียวปี้เฉิงพยักหน้า “มอบรางวัลอย่างใจกว้างจริงๆ ดูเหมือนเสด็จพ่อจะชอบเจ้ามากนะ”

“ท่านพูดจริงหรือ?”

เซียวปี้เฉิงเลิกคิ้ว “ทำไม หรือเจ้าคิดว่ายังไม่พอ? คนเราไม่ควรละโมบ ของรางวัลพวกนี้มากมายแล้ว”

ใจกว้าง...

ถ้าแววตาของเซียวปี้เฉิงไม่ได้จริงจัง ทั้งยังเจือความอิจฉาไว้ด้วยแล้ว อวิ๋นหลิงก็จะสงสัยว่าจักรพรรดิจ้าวเหรินกำลังล้อนางเล่นอยู่แน่เลย

แม่นมเฉินเป็นคนอ่านแววตาอวิ๋นหลิงออกเป็นคนแรก อธิบายเสียงอ่อนนุ่มว่า “พระชายาคงไม่เคยดูแลเรื่องภายในจวนกระมัง เช่นนั้นก็ปกติที่ไม่รู้ว่าของใช้ในชีวิตประจำวันก็แพงเหมือนกัน”

“ท่านอ๋องพวกเรา ปีหนึ่งได้เงินหนึ่งพันห้าร้อยตำลึง ข้าวสารสามร้อยต้าน หมี่เส้นบางสองร้อยห้ายี่กิโลกรัม ดังนั้นสิ่งที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ถือว่าไม่น้อยแล้วเพคะ”

แสดงว่าเดือนหนึ่งเซียวปี้เฉิงได้หนึ่งร้อยยี่สิบห้าตำลึง เงินพวกนี้ต้องเลี้ยงข้ารับใช้ในจวนจิ้งอ๋องสามสิบกว่าคน ทั้งยังต้องจ่ายเงินเดือนให้ข้ารับใช้อีก

เซียวปี้เฉิงกล่าว “ตอนงานเลี้ยงวันเกิดของไทเฮา ไทเฮาก็ได้เพียงสองพันตำลึงเงินเท่านั้น”

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เงินห้าพันตำลึงที่จักรพรรดิจ้าวเหรินมอบให้อวิ๋นหลิงนั้นเท่ากับเงินเดือนสามปีของเซียวปี้เฉิงเลย

หลังจากที่ได้ยินเซียวปี้เฉิงกับแม่นมเฉินเปรยแล้ว อวิ๋นหลิงจึงจะรู้ว่าพระคลังของต้าแคว้นไม่ได้มีมากมายก่ายกอง

ปัจจัยแรกเป็นเพราะอยู่ทิศเหนือ ระยะเวลาการทำนาจำกัด ทั้งยังทำสงครามกับเผ่าทูเจวียหลายปี จึงต้องใช้จ่ายในจำนวนมหาศาล ทำให้การค้าหยุดชะงัก เท่ากับเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเลยทีเดียว

ตั้งแต่รุ่นพระเจ้าหลวงมาจนถึงจักรพรรดิจ้าวเหริน ล้วนสนับสุนนให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างประหยัดอดออม

ต้นไม้ที่ปลูกในสวนหลวงหรือในตำหนัก ส่วนใหญ่จะเป็นต้นผลไม้ ส่วนไทเฮายิ่งเป็นแกนนำปลูกผัก โดยตัดใจปลูกดอกไม้มาชื่นชม

“ปกติเงินในจวนพอใช้ไหม?”

เซียวปี้เฉิงตอบ “พอใช้อยู่ แต่ละเดือนจะเหลือสามสิบกว่าตำลึง”

อวิ๋นหลิงนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะอดถามไม่ได้ “ท่านมีเงินเก็บเท่าไหร่?”

เซียวปี้เฉิงกระแอมเสียง “ประมาณสามร้อยตำลึง”

อวิ๋นหลิงเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข นางเบิกตากว้าง พูดเสียงดังว่า “มีเพียงสามร้อยตำลึง?”

โอ้โห!จนเกินไปแล้ว!

ในนิยายหรือในซีรีส์เวลาจะมอบรางวัลขึ้นมาก็จะได้เป็นตำลึงทองเลย ดังนั้นที่บอกว่าได้เงินหลายหมื่นตำลึง พวกท่านอ๋องและพระชายาใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายก็ไม่ใช่ความจริง ถ้าจะบอกว่ากินดินก็ยังพอเชื่อได้

แม่นมเฉินอธิบาย “ในแต่ละปีท่านอ๋องชนะสงครามก็ได้รางวัลไม่น้อยเหมือนกันเพคะ แต่เอาเงินไปใช้จ่ายในค่ายหมด แล้วต่อมาก็รักษาตัวอยู่ในจวนอย่างเดียว ส่วนเงินที่เหลือก็เอาไปแจกจ่ายให้กับทหารชราที่ป่วยเป็นโรคต่างๆเพคะ”

พอเล่ามาถึงจุดนี้ สีหน้าของเซียวปี้เฉิงก็ย่ำแย่เล็กน้อย

“เดิมทีเก็บได้สามพันตำลึงเงิน แต่ทำพิธีสู่ขอเจ้าเข้าจวนจิ้งอ๋อง จึงใช้จ่ายไปเยอะ”

เงินส่วนนี้เขาเก็บไว้เยียวยาทหารชรา ใครจะไปรู้ว่าฟ้าสวรรค์จะส่งฉู่อวิ๋นหลิงมาให้ ทำให้เขาเสียเงินจนเกือบไม่เหลือแล้วยังคิดจะรังเกียจในความจนของเขาอีก

“ตอนที่ท่านเอาเงินสองพันห้าร้อยตำลึงมาสู่ขอข้า ไม่ใช่จะเหยียดหยามข้า แต่เพราะท่านไม่มีเงินจริงๆหรือ?”

“ช่างเถอะ ถ้าหวังพึ่งเขา ข้าก็อดตายแน่”

อวิ๋นหลิงโบกมือ ไม่ไว้หน้าเซียวปี้เฉิงสักนิด

“ข้ามีเงินรางวัลมีสินเจ้าสาว ไม่ต้องพึ่งคนอื่นหรอก”

ถึงแม้จวนเหวินกั๋วกงจะไม่ได้ร่ำรวย แต่เป็นเพราะลูกชายตระกูลฉู่ไม่ค่อยมีอนุภรรยา จึงมีสมาชิกในจวนน้อย ค่าใช้จ่ายจึงน้อยตาม เงินเก็บจึงเยอะตามไปด้วย

ตอนที่ฉู่อวิ๋นหลิงแต่งงานกับเซียวปี้เฉิง พวกท่านปู่ก็มอบสินเจ้าสาวให้ประมาณหนึ่งแสนตำลึง

เดิมทีนางคิดว่าลูกเป็ดขี้เหร่แต่งเข้าเชื้อพระองค์ผู้มั่งคั่ง ไหนเลยจะคิดว่าเศรษฐีนีมาแต่งกับคนยากจนได้

ทั้งยังเป็นคนจนที่ตาบอดเสียอีก

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ อวิ๋นหลิงก็ตบบ่าเซียวปี้เฉิงด้วยความเห็นใจ “เห็นแก่ที่ท่านเป็นพ่อของลูก ข้าจะไม่คิดค่ารักษาท่าน ถ้าเงินไม่พอใช้ ท่านมายืมกับข้าก็ได้”

เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ใช่พวกผลาญเงิน ถึงจะจน แต่ก็เอาเงินไปช่วยเหลือคนอื่น

“ข้าไม่ใช้เงินของเจ้าหรอก”

เซียวปี้เฉิงปัดมือของอวิ๋นหลิงออกอย่างไม่สบอารมณ์ สีหน้ามืดครึ้มที่เจือสีแดงไว้เล็กน้อย

ลูกผู้ชายอกสามศอกจะไปใช้เงินที่เป็นสินเจ้าสาวได้อย่างไร

อวิ๋นหลิงส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ “อุตส่าห์หวังดีแล้วยังไม่คิดจะรับไว้อีก”

ถ้าไม่เห็นเซี้ยวปี้เฉิงเอาเงินไปช่วยทหาร นางจะไม่สนใจคนจนตาบอดนี้เลย

ในขณะที่พวกเขาสองคนกำลังทำหน้าบูดเบี้ยว ก็ได้ยินนางกำนัลรายงานว่าหวงกุ้ยเฟยมาเยี่ยมอวิ๋นหลิง

เซียวปี้เฉิงขมวดคิ้วแน่นเป็นปม รีบปรับอารมณ์ของตัวเอง ทำหน้าราวกับเป็นท่อนไม้เหมือนปกติ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ