พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 251

ภายในตำหนักทองหลวง บรรดาขุนนางใหญ่ตะลึงพรึงเพริดกับการกระทำของอวิ๋นหลิง ยังไม่ได้ดึงสติกลับคืนมา ก็ได้ยินรายงานนี้กะทันหัน จึงทำให้ยิ่งตกตะลึงมากขึ้น

“เมื่อครู่เขาพูดอะไรน่ะ ทูตแคว้นเป่ยฉิน...กองทัพสกุลฟง?”

“เกิดอะไรขึ้น ข้าไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม?”

“ตามแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ บอกว่าตระกูลฟงถูกเนรเทศเพราะทรยศต่อแว่นแคว้นหรือ?”

พวกขุนนางในท้องพระโรงสบตากัน รู้สึกแตกตื่นกันระนาว แต่จักรพรรดิจาวเหรินกลับโล่งออก เอ่ยปากพูดด้วยความดีใจ

“ยังไม่รีบเชิญเข้ามาอีก”

อันชินอ๋องเห็นเหตุการณ์ตาลปัตรกะทันหันก็หน้าถอดสี จ้องประตูตำหนักด้วยแววตาเคร่งขรึม และขมวดคิ้วมุ่นโดยไม่รู้ตัว

เกิดอะไรขึ้น? ข่าวที่เขาได้รับผิดพลาดหรือ? กองทัพสกุลฟงโดนจักรพรรดิของแคว้นเป่ยฉินเนรเทศออกไปแล้วมิใช่รึ?

ช่วงครึ่งปีแรก เขาอยู่แถวชายแดนตลอด รู้สถานการณ์ตรงนั้นดีกว่าคนในเมืองหลวงเสียอีก

อวิ๋นหลิงกวาดสายตามองอาลักษณ์กรมพิธีการ “เสด็จพ่อเพคะ ก่อนที่พระองค์จะเข้าพบทูตของแคว้นเป่ยฉิน ควรสั่งคนยกอาลักษณ์กรมพิธีการออกไปก่อนเพคะ”

“ใช่ ใช่ ทหาร รีบแบกอาลักษณ์กรมพิธีการออกไป นอนอยู่ตรงนี้ดูไม่ดีเลย”

เดี๋ยวคนอื่นจะหัวเราะเยาะเอา

เมื่อจักรพรรดิจาวเหรินสั่งการ ทหารเฝ้าหน้าประตูก็รีบแบกอาลักษณ์กรมพิธีการเหมือนกับแบกสุกรออกไปอย่างเร็วที่สุด

ไม่นาน ฝูกงกงก็เชิญทูตแคว้นเป่ยฉินกับสองพี่น้องสกุลฟงเข้ามายังตำหนักทองหลวง

“ถวายบังคับฝ่าบาท ทรงมีพระชนมายุหมื่น ๆ ปี”

ทูตของแคว้นเป่ยฉินคือบุรุษอายุประมาณสี่สิบปี ยามบุคคลนี้ยังหนุ่มก็รับผิดชอบเป็นทูตไปยังซีโจว ยามนี้ทำมายี่สิบกว่าปีแล้ว

ภายในท้องพระโรงเงียบกริบ เมื่อพวกขุนนางเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยเล็กน้อยก็ได้สติกลับคืนมา

“รีบลุกขึ้นเถิด”

จักรพรรดิจาวเหรินนั่งบนบัลลังก์แล้วโบกมือตามพิธี จากนั้นก็มองผู้มาเยือน พร้อมทั้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว

“ขุนนางทั้งสามเอย ปกติพวกเจ้าจะมาร่วมงานเลี้ยงที่เมืองหลวงช่วงตรุษจีน เหตุใดปีนี้จึงมาก่อนหนึ่งเดือนเล่า?”

วันตรุษจีนของทุกปี คณะทูตกับพ่อลูกสกุลฟงจะผลักกันเข้าวังมาร่วมงานเลี้ยง คือความจริงที่เหล่าขุนนางของแคว้นต้าโจวรู้ดี

เดิมทีอวิ๋นหลิงคิดว่าสามารถปิดเรื่องกองทัพสกุลฟงจนถึงหลังตรุษจีน แต่ไม่คิดว่าฮูหยินเหลียนจะรู้เสียก่อน

ทูตทำความเคารพอีกครั้ง ยิ้มเอ่ยอย่างมีสัมมาคารวะ “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมรับคำสั่งจากจักรพรรดิของกระหม่อมและท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการ มาแสดงความยินดีเนื่องในวันครบกำเนิดเกิดหนึ่งร้อยวันของโอรสของจิ้งอ๋อง ดังนั้นปีนี้จึงมาเร็วกว่าปกติพ่ะย่ะค่ะ”

ขุนนางที่รู้สึกข้องใจทนไม่ไหวถามว่า “ท่านแม่ทัพน้อยฟง ช่วงก่อนราชสำนักข้าได้ข่าวมาว่าจักรพรรดิฉินสั่งเนรเทศกองทัพสกุลฟง ตกลงเรื่องเป็นเช่นไรกันแน่?”

เมื่อได้ยินดังนั้น ฟงจื่ออั๋งกับอวิ๋นหลิงสบตากันอย่างรู้ใจ

“ฝ่าบาท ใต้เท้าทุกท่าน ระหว่างทางที่พวกกระหม่อมเดินมาก็รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้แล้ว ทุกอย่างเป็นการเข้าใจผิดพ่ะย่ะค่ะ”

“เข้าใจผิด?”

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ เพราะแคว้นเป่ยฉินสืบได้ว่ามีไส้ศึกแฝงกายอยู่ในเมืองหลวง ทำให้ราชสำนักหวาดระแวง จักรพรรดิของกระหม่อมต้องการหาหนอนบ่อนไส้ที่ร่วมมือกับชาวทูเจวีย จึงจำต้องใช้วิธีนี้ ประกาศออกไปว่ากองทัพสกุลฟงโดนเนรเทศเพราะทรยศต่อชาติพ่ะย่ะค่ะ”

“กระหม่อมเข้าใจผิดคิดว่าท่านจิ้งอ๋องคือผู้ร้ายทำลายความสัมพันธ์ระหว่างแคว้น โปรดให้อภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวปี้เฉิงพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ใต้เท้าทุกท่านกังวลความปลอดภัยของแคว้นต้าโจว ข้าเข้าใจดี ไม่เก็บมาใส่ใจหรอก”

เหล่าขุนนางในท้องพระโรง ยกเว้นพวกที่โดนอันชินอ๋องเป่าหู ก็มีคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่จริง มีท่าทีเช่นนั้นก็ถือว่าปกติ

เมื่อเห็นภาพนี้ ทูตแคว้นเป่ยฉินก็อดยิ้มไม่ได้

“ใต้เท้าทุกท่าน ท่านอ๋องจิ้งกับท่านแม่ทัพน้อยสกุลฟงเป็นมิตรสหายกัน ส่วนพระชายาจิ้งอ๋องก็เป็นลูกศิษย์สำนักเดียวกับพระสนมฟง มิตรภาพนับร้อยปีระหว่างแคว้นเป่ยฉินกับแคว้นต้าโจวจะไม่มีวันเสื่อมคลายแน่นอน”

“ห้ะ? เมื่อครู่เจ้าพูดอะไรน่ะ?”

จักรพรรดิจาวเหรินจับใจความสำคัญจากคำพูดของทูตได้ จึงเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ

“พระชายาจิ้งกับผู้ใดเป็นลูกศิษย์สำนักเดียวกัน?”

อวิ๋นหลิงก้าวเข้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าวอย่างรู้กาลเทศะ อธิบายเสียงขึงขังจริงจัง “ทูลเสด็จพ่อ พระสนมฟงแห่งแคว้นเป่ยฉินกับหม่อมฉันเป็นลูกศิษย์สำนักเดียวกัน นางเป็นศิษย์พี่รองของหม่อมฉันเพคะ”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ทำให้บรรดาขุนนางแตกตื่นกันอีกครั้ง ทุกคนในเมืองหลวงรู้ดีว่าพระชายาจิ้งอ๋องมีอาจารย์วิเศษผู้ลึกลับ แต่ไม่คิดว่านางกับบุตรีสกุลฟงจะมีความสัมพันธ์เยี่ยงนี้ด้วย

หลิวฉิงเคยเขียนเล่าให้อวิ๋นหลิงฟังว่า หลิวฉิงก็ถูกคนรอบข้างสงสัยเพราะพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป มีความรู้มากมาย ทั้งยังเป็นวรยุทธที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนด้วย

ดังนั้นหลังจากที่หลิวฉิงได้รับจดหมายตอบกลับจากอวิ๋นหลิงแล้ว นางก็เลียนแบบตาม บอกคนอื่นว่าตัวเองมีอาจารย์วิเศษ แต่เมื่อก่อนไม่สะดวกบอก

เมื่อพี่รองฟงรับฟังคำอธิบายของหลิวฉิงแล้วก็ไม่ได้สงสัย กลับเข้าใจทันที มิน่าล่ะตอนที่อวิ๋นหลิงได้ข่าวของน้องสาวถึงได้ตื่นเต้นเพียงนั้น

เช่นนี้ก็อธิบายทุกอย่างได้ลงตัวแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ