พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 252

อันชินอ๋องมองอวิ๋นหลิงด้วยแววตามากความรู้สึก ผ่านไปเนิ่นนานกว่าจะปรับอารมณ์ของตัวเองได้

เขาไม่คิดเลยว่าพระชายาจิ้งอ๋องจะมีความสัมพันธ์ลับกับสกุลฟง เขาพลาดจุดนี้ไป

ส่วนจักรพรรดิจาวเหรินกำลังคิดว่าศิษย์พี่รองของนังหนูคนนี้ก็เป็นลูกศิษย์เทวดาด้วยหรือเปล่า?

คำถามคาใจเขา เขาอยากถามอวิ๋นหลิงอย่างอดรนทนไม่ไหว จึงสั่งให้คนเชิญทูตแคว้นเป่ยฉินไปพักผ่อน

“ในเมื่อรู้ความจริงแล้ว กองทัพพันธมิตรเป่ยฉินก็กำลังมุ่งหน้ามายังชายแดน ทุกท่านไม่ต้องกังวลใจแล้ว ฝูกงกง เจ้ารีบเชิญท่านทูตกับแม่ทัพน้อยทั้งสองท่านไปพักผ่อนเถิด”

“กระหม่อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ” ฝูกงกงขานรับ ยิ้มเอ่ยกับสองพี่น้องสกุลฟง “พวกใต้เท้าเดินทางลำบาก เชิญบ่าวไปพักผ่อนเถิด”

สองพี่น้องสกุลฟงพยักหน้า ประสานมือคำนับ ก่อนออกไปยังไม่ลืมส่งยิ้มให้เซียวปี้เฉิงกับอวิ๋นหลิง

“ขุนนางทั้งหลาย หากไม่มีอันใดแล้วก็เลิกประชุมเถิด”

จักรพรรดิจาวเหรินโบกมือ สื่อให้กลุ่มคนในท้องพระโรงรีบๆออกไปซะ ถกเถียงกันตลอดเช้าแล้ว ยามนี้เลยเวลาข้าวเที่ยงไปแล้ว

แต่ไม่คิดว่ามีคนไม่รู้กาลเทศะ มองอวิ๋นหลิงแล้วรวบรวมความกล้าเอ่ยว่า

ราชบัณฑิตใหญ่ประสานมือกล่าวเสียงเข้มขรึม “ฝ่าบาท พระชายาจิ้งอ๋องบุกเข้าท้องพระโรงแล้วทำร้ายอาลักษณ์กรมพิธีการ พระองค์ยังไม่ได้ตัดสินเลยพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิจาวเหรินย่นคิ้ว เตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่ากลับได้ยินอวิ๋นหลิงพูดก่อนว่า

“ข้าทำร้ายเขาเสียเมื่อไหร่ ข้าช่วยเขาต่างหาก”

ราชบัณฑิตใหญ่ขมวดคิ้วมุ่น ตำหนิเสียงเย็นเยียบ “เหลวไหล”

“ท่านลองว่ามาสิว่าข้าเหลวไหลเช่นไร?” อวิ๋นหลิงมือเท้าเอวแล้วมองเขา ถามเสียงหนักแน่นว่า “เมื่อครู่เขาร้องไห้โวยวายว่าจะชนเสาไม่ใช่หรือ?”

“ถึงจะใช่ แต่อาลักษณ์กรมพิธีการเขา...”

“ข้าเห็นอาลักษณ์กรมพิธีการร้องไห้แล้วสงสาร จึงช่วยเขาด้วยความหวังดี” อวิ๋นหลิงยิ้มเย็น พูดด้วยความปวดใจ “พวกเจ้ามันคนเย็นชา ยืนมองคนแก่อายุเลยหกสิบปีร้องไห้อย่างอนาถ แต่กลับไม่ทำสิ่งใด ช่างทำให้ผิดหวังยิ่งนัก”

“เขาอายุปูนนี้แล้ว คงอยู่ได้ไม่นาน เขาอยากทำอะไรพวกเจ้าก็ไม่คิดจะช่วยเขาเลย? ไม่ช่วยก็แล้ว แต่ยังคิดจะห้ามอีก คนหมู่มากรังแกคนแก่ตัวคนเดียว ช่างน่าเกลียด น่าอายยิ่งนัก”

ราชบัณฑิตใหญ่คงไม่เคยเห็นอวิ๋นหลิงหน้าด้านเพียงนี้ จึงโดนด่าจนมึนไปหมด และหน้าแดงด้วยความเดือดดาล

“เหลวไหล เจ้า...เจ้าแค้นที่อาลักษณ์กรมพิธีการบีบบังคับท่านจิ้งอ๋องถึงลงมือต่างหาก”

“แค้นหรือ? ใต้เท้า ท่านเย็นชาก็ไม่เป็นไร แต่อย่าใส่ร้ายความหวังดีของผู้อื่นสิ” อวิ๋นหลิงมองราชบัณฑิตใหญ่ราวกับได้รับความไม่เป็นธรรมอันใหญ่หลวง “ใช่ เมื่อครู่ข้าเห็นอาลักษณ์กรมพิธีการบังคับท่านอ๋อง ข้าไม่พอใจจริง แต่ข้าเห็นเขาร้องไห้จะเอาหัวชนเสาท่าเดียว จึงเกิดความเห็นใจ ตัดสินใจช่วยเขา”

อวิ๋นหลิงถอนหายใจยาว ๆ “ตอนแรกข้าว่าจะไม่ถือสาแล้ว การยื่นมือช่วยเหลือผู้อื่นควรได้รับคำชื่นชม แต่ไม่คิดว่าราชบัณฑิตใหญ่จะบิดเบือนความดีความชอบของข้า...เห้อ! ตำหนิคนทำความดี ไหนเลยจะมีทำดีได้ดี...”

ราชบัณฑิตใหญ่ได้วาทศิลป์อันไร้ยางอายก็หน้าเขียวแดงสลับกัน

“บิดเบือนความจริง พูดจาเลอะเทอะ”

จักรพรรดิจาวเหรินทำหน้าถมึงทึง ไม่อยากฟังอีก

“จะให้หม่อมฉันเปลี่ยนนิสัย ไม่สู้พระองค์เปลี่ยนกฎจะดีกว่าไหมเพคะ?”

ในเมื่อจักรพรรดิจาวเหรินตัดสินใจจะมอบบัลลังก์ให้เซียวปี้เฉิง เช่นนั้นอนาคตนางต้องถกเถียงกันพวกขุนนางจนเลือดขึ้นหน้าแน่

เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้ว ให้พวกเขาชินล่วงหน้าก็ใช่ว่าจะไม่ดี

พระเจ้าหลวงก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ตาเฒ่าพวกนั้น สิบคนรวมกันยังเก่งสูงนังหนูหลิงไม่ได้เลย ถ้ายังมีครั้งต่อไปก็โยนพวกเขาออกไปเลย คนไร้ประโยชน์ ไม่มีก็ช่างปะไร”

จักรพรรดิจาวเหรินกระตุกมุมปาก เฉไฉไปพูดเรื่องอื่น “ใช่แล้ว เจ้ากับพระสนมฟงของแคว้นเป่ยฉินเป็นยังไงกันแน่?”

“นางก็เป็นลูกศิษย์อาจารย์หม่อมฉัน ถึงแม้พวกเราไม่เคยเจอหน้ากัน แต่ท่านอาจารย์ก็จะถ่ายทอดวิชาให้พวกเราในความฝันพร้อมกันเพคะ”

“เหตุใดก่อนหน้านี้เจ้าไม่เคยพูดถึงเลย?”

อวิ๋นหลิงเม้มปาก พูดอย่างหน้าไม่เปลี่ยนสี “พวกเราเคยเจอกันในความฝันเท่านั้น และไม่รู้จักชื่อของอีกฝ่าย ท่านอาจารย์บอกว่าถึงเวลาพวกเราก็จะรู้จักกันเอง”

เซียวปี้เฉิงแอบยกนิ้วโป้งให้อวิ๋นหลิง พอพูดปดมดเท็จจนชิน ทุกถ้อยคำจึงสมจริงมาก

“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเป็นศิษย์พี่รองของเจ้า แสดงว่าท่านเทพยังมีลูกศิษย์คนอื่นอีกใช่ไหม?”

“แค่ก...ใช่เพคะ หม่อมฉันยังมีศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์น้องอีกหนึ่งคนเพคะ”

สีหน้าจักรพรรดิจาวเหรินหนักอึ้งขึ้นมา สบตากับพระเจ้าหลวงด้วยแววตาลุ่มลึก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ