พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 255

อวิ๋นหลิงถือโอกาสตอนที่คนอื่นมองพยัคฆ์ขาวด้วยความตื่นตระหนก รีบคลี่จดหมายในมือออก ก่อนจะอ่านอย่างเร็วไว

“น้องหลิง เจ้าแมวตัวใหญ่ตัวนี้ ฉันเจอตอนที่ราชวงศ์เป่ยฉินไปล่าสัตว์ เจ้าตัวนี้ไปแย่งเมียกับตัวอื่น เลยบาดเจ็บสาหัส ฉันเลยเอามันกลับไปรักษา ตอนนั้นมันเอาแต่ร้องไห้ ท่าทางน่าสงสารมาก ฉันเลยตั้งชื่อมันว่า เจ้าเสือขี้แย”

เพราะความช่ำชองพลังจิตเฉพาะทางของหลิวฉิง นางจึงต้องคลุกคลีกับสัตว์เป็นประจำอยู่แล้ว แม้นรูปลักษณ์ของนางจะดูเหมือนมือสังหารตัวยง ทว่านางเป็นคนที่มีจิตใจเมตตาสูง

ไม่เพียงแต่ไปช่วยสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างสมัครใจ ทั้งยังบริจาคทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือสัตว์เร่ร่อนเป็นประจำด้วย

ทว่าพี่ใหญ่มักจะไม่ชอบใจที่หลิวฉิงชอบเก็บสัตว์บาดเจ็บกลับมา ถ้าช่วยแค่พวกแมวหรือสุนัขกลับมาก็ไม่เป็นไร แต่นี่คือมีการช่วยค้างคาว งูพิษ ด้วย ซึ่งก็ยังพอจะรับได้เล็กน้อย แต่ที่ร้ายแรงกว่าก็คือช่วยอึ่งอ่างกับพวกตัวหนอนกลับมาด้วยสิ

มีครั้งนี้ หนอนที่ช่วยกลับมาไต่เข้าไปในแก้วน้ำของพี่ใหญ่ อวิ๋นหลิงจำได้ว่าตอนนั้นจากที่พี่ใหญ่เป็นคนสุขุมดุจเทพธิดา แต่กลายเป็นนางมารร้ายในชั่วพริบตา

เกิดปากเสียงอันหนักหน่วงในคอนโดเล็ก ๆ ขององค์กร เมื่อหลิวฉิงเห็นใบหน้าอันดุร้ายของพี่ใหญ่ สุดท้ายก็ยอมประนีประนอม ไปเช่นห้องเลี้ยงสัตว์ผู้น่าสงสารที่นางเก็บกลับมา

แต่สำหรับอวิ๋นหลิงแล้ว นางเข้าใจและสนับสนุนการกระทำของหลิวฉิง ขอแค่ไม่เลี้ยงยุ่งกับแมลงสาบในบ้านก็พอ

‘ฉันใช้หินอุกกาบาตฟื้นฟูพลังจิตได้บ้างแล้ว ถึงแม้ยังอ่อนแอมาก แต่ก็พอจะบังคับสัตว์ได้ ฉันหาวิธีประทับรอยพลังจิตลงในสมองเจ้าเสือขี้แย รอยประทับอันนี้จะทำให้เธอบังคับมันได้’

‘พวกเราเป็นพี่น้องกันหลายปีแล้ว ฉันไม่พูดไร้สาระในจดหมายแล้ว วิธีการสื่อสารและการสั่งการยังคงเป็นวิธีที่ฉันเคยสอนพวกเธอ ผัวเธอกับลูกเธอมีพลังจิต ถึงจะไม่เคยผ่านการฝึกฝนอย่างจริงจัง แต่ถ้าทำตามที่ฉันเคยสอน พวกเขาก็ออกคำสั่งง่ายๆกับเจ้าเสือขี้แยได้’

‘แล้วก็มันกินจุและถ่ายเก่งมาก แล้วยังไร้น้ำยาอีกด้วย ถึงมันจะเป็นสัตว์มงคล แต่เธอก็อย่าหวังว่ามันจะเก่งเท่าสัตว์ที่พวกเราเคยเลี้ยงในองค์กรเลย’

‘คนโบราณเคร่งครัดกับความเชื่อและงมงายมาก พวกเขาเห็นเจ้าเสือขี้แยก็เอาแต่เรียกว่าสัตว์เทวะ เธอรู้ไหม ตอนที่คนรอบข้างเห็นเจ้าเสือขี้แยเชื่อฟังฉัน ท่าทีของพวกเขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย ได้ยินว่าชาวต้าโจวเชื่อว่าเสือขาวเป็นสัญลักษณ์ของเทพสงคราม ฉันเลยมอบเจ้าเสือขี้แยให้เธอโดยเฉพาะ ประเด็นสำคัญคือจะให้เอาไปประดับบารมีเฉยๆ’

‘ถึงมันจะสู้ไม่เก่ง แต่แสดงท่าทางดุร้ายใช้ได้เลย’

......

เมื่ออวิ๋นหลิงอ่านเนื้อหาในจดหมายจบก็เพ่งสายตาไปยังเจ้าเสือขี้แย

เจ้าเสือขี้แยมาต่างถิ่น ยังไม่คุ้นชิน จึงแสดงท่าทางระแวดระวังและดุร้ายยิ่ง ร่างกายอันใหญ่โตและขนอันสวยงาม แลดูสง่างามยิ่ง ไม่เหมือนตัวไร้น้ำยาอย่างที่หลิวฉิงบอกในจดหมายเลย

“โฮกๆ”

อาจเป็นเพราะเจ้าเสือขี้แยตกใจกับการตื่นเต้นของคนในท้องพระโรง จึงแสดงท่าทางเชิงศัตรูและท่าทางจู่โจมโดยการคำรามและยกกรงเล็บขึ้น

“โอ๊ย”

หรงฉานตกใจกลัวแล้วไปหลบอยู่ด้านหลัง เอามือลูบหัวอกด้วยความหวาดกลัว สีหน้าตึงเครียดยิ่ง

“ไยพระสนมฟงต้องมอบสัตว์เทวะตัวนี้ให้พี่อวิ๋นหลิงด้วยน่ะ?”

ถึงแม้ไม่ค่อยมีโอกาสเห็นสัตว์เทวะ แต่เอาสัตว์ดุร้ายเป็นของขวัญครบรอบวันเกิดหนึ่งร้อยวันของเด็ก ๆ ถือว่าแปลกมาก

สายตาของทุกคน นอกเสียจากจะมีความตื่นเต้นและเลื่อมใสแล้ว ยังมีความตึงเครียดและหวาดกลัวตามสัญชาตญาณอีกด้วย กลัวว่าพยัคฆ์ร้ายจะหลุดออกมาจากกรง

อวิ๋นหลิงวางจดหมายลง ตามเหมือนชาติที่แล้ว ใช้พลังจิตสัมผัสรอยประทับบนกายเจ้าเสือขี้แย

วินาทีต่อมา เมื่อเจ้าเสือขี้แยสัมผัสพลังอันคุ้นชินก็ชะงักงัน จากนั้นก็ยิ่งจับเขย่ากรงเหล็กด้วยความตื่นเต้นกว่าเดิม

“โฮกๆๆ”

เด็กทารกไม่รู้จักควบคุมน้ำหนักมือ เห็นได้ชัดว่าเจ้าเสือขี้แยถูกดึงใบหูจนรู้สึกเจ็บ แต่มันก็ไม่ได้โกรธ ส่งเสียงเบา ๆ แล้วใช้จมูกแตะรองเท้าสีแดงลายเสือของต้าเป่ากับเอ้อร์เป่า

เจ้าเสือขี้แยนั่งบนพื้นอย่างเชื่อฟัง มองอวิ๋นหลิงด้วยดวงตาไร้พิษภัย และกวัดแกว่งหางไม่หยุด เหมือนแมวน้อยตัวใหญ่ ๆ มาก

ทูตแคว้นเป่ยฉินแสดงท่าทางตื่นเต้นอย่างโจ่งแจ้ง “สัตว์เทวะยอมรับว่าเป็นเจ้านายแล้ว สัตว์เทวะหาเจ้านายเจอแล้ว พระสนมฟงเคยรับสั่งว่า หลังจากที่พระองค์ช่วยพยัคฆ์ขาวแล้ว มันแปลงร่างเป็นมนุษย์มาเข้าฝัน บอกพระองค์ว่ามันเป็นสัตว์ประจำตัวของเทพธิดา ยามนี้ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อผ่านด่านเคราะห์กับเจ้านาย และเจ้านายที่มันตามหาก็คือพระชายาจิ้งอ๋อง”

อวิ๋นหลิง “...”

ดีงาม พี่ฉิงปูทางให้นางด้วย สมกับที่เป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายจริง ๆ คิดว่าพี่ฉิงคงอ่านนวนิยายมาไม่น้อย

คนในท้องพระโรงมองด้วยความตะลึง หลังได้ยินคำพูดของทูตเป่ยฉินก็แตกตื่นกันเป็นแถว

“อะไรน่ะ เทพธิดา?”

“หรือว่าพระชายาจิ้งอ๋องเป็นเทพธิดาจุติมาเกิด?”

“ต้องใช่แน่...ต้องใช่แน่ มิน่าล่ะ อาจารย์ลี้ลับของพระชายาจึงเป็นทุกอย่าง คิดว่าต้องเป็นเทวดาแน่”

หลังจากพูดคุยหารือกันแล้ว สายตาที่คนในท้องพระโรงมองอวิ๋นหลิงก็เปลี่ยนไป ท่ามกลางสายตาอันตกตะลึงที่นับไม่ถ้วน ยังเจือความนับถืออย่างเข้มข้นด้วย

แม้แต่ราชบัณฑิตใหญ่กับอาลักษณ์กรมพิธีการที่ก่อนหน้านี้ผิดใจกับอวิ๋นหลง ล้วนทำหน้าตกตะลึง

ถึงแม้อวิ๋นหลิงจะเป็นคนหน้าด้าน แต่ตอนนี้ก็รู้สึกอึดอัดไม่น้อย โชคดีที่ความสามารถในการเผชิญหน้าสูง ผ่านไปหนึ่งวินาทีก็ปรับตัวได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ต้องยอมรับว่าบัดนี้นางรู้สึกรื่นรมย์ใจยิ่ง ต้องขอบคุณพี่ฉิงมาก ๆ แล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ