พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 256

ด้านหน้าสุดของท้องพระโรง จักรพรรดิจาวเหรินกับพระเจ้าหลวงสบตากันอย่างรู้ใจ

“ดูเหมือนสถานะนังหนูอวิ๋นคงปิดไม่อยู่แล้ว ช่างเถิด ยังไงก็ต้องแจ้งใต้หล้าไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้ว”

ทุกแคว้นล้วนเก็บคำทำนายของดาวสี่ดวงที่ตกลงมายังโลกมนุษย์เป็นความลับ ไม่ให้ประชาชนรู้ หรือไม่ก็พยายามให้รู้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

เหตุผลก็ไม่มีอย่างอื่น เพราะประชาชนมักจะโดนหลอกง่าย กลัวว่าจะมีคนปลอมตัวเป็นเทพธิดาแล้วสร้างอำนาจให้ตัวเอง ซึ่งจะทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวได้

ในราชวงศ์ต้าโจว โอรสเช่นรุ่ยอ๋องก็รู้เพียงว่าหวู๋ซินไต้ซือเคยทำนายว่า เมื่อดวงดาวตก จะมีเทพธิดาจุติลงมาชี้แนะและเปลี่ยนแปลงชะตาของราชวงศ์

มีเพียงผู้ที่นั่งบัลลังก์มังกรถึงมีสิทธิ์รู้คำทำนายทั้งแปดประโยค แม้แต่เซียวปี้เฉิงก็รู้ทีหลังจากปากจักรพรรดิจาวเหริน เพราะอวิ๋นหลิง

พระเจ้าหลวงมองจักรพรรดิจาวเหริน พยักหน้าด้วยสายตามืดมน “เรื่องที่เจ้าสามเคยมาคุยเป็นการส่วนตัว ตอนนี้ได้โอกาสที่หายากแล้ว เจ้าถือโอกาสนี้ออกพระราชโองการสิ”

จักรพรรดิจาวเหรินชะงักงัน เข้าใจความหมายของพระเจ้าหลวงอย่างเร็วไว กระแอมเสียงแล้วเอ่ยปากพูดว่า

“วันนี้สัตว์เทวะเจอเจ้านายแล้ว จึงรู้ว่าสถานะอวิ๋นหลิงไม่ธรรมดา เช่นนั้น...ข้าของข้ามกฎแต่งตั้งเป็นชิงอี้ นับจากนี้เป็นต้นไป คนตระกูลฉู่นามว่าอวิ๋นหลิงคือ พระชายาชิงอี้”

ถึงแม้ยังคงไม่ได้พูดถึงคำทำนาย แต่จักรพรรดิจาวเหรินกลับประกาศสถานะว่าอวิ๋นหลิงเป็นเทพธิดาอย่างเป็นทางการ

เมื่อสิ้นประโยคนี้เสียงอึกทึกก็เงียบไปชั่วอึดใจ จากนั้นก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังระงมกว่าเดิม

“อะไรน่ะ? แต่งตั้งฐานันดรเฉพาะบุคคลให้เช่นนั้นหรือ?”

“หลายร้อยปีมานี้ไม่เคยมีเยี่ยงนี้มาก่อน”

ราชบัณฑิตใหญ่ตกใจ ส่ายหน้าพึมพำ “ไม่เหมาะสม ขัดต่อธรรมเนียมปฏิบัติ”

อย่าว่าแต่พวกขุนนางตกตะลึงเลย แม้แต่อวิ๋นหลิงเองก็มึนไปหมด

เพราะสังคมศักดินาให้ค่าผู้ชาย ฐานะผู้หญิงจะเป็นรอง โดยเฉพาะผู้หญิงที่แต่งงานออกเรือนแล้ว ชื่อเสียงของพวกนางจะขึ้นอยู่กับสามีและบุตรชาย

อย่างตำแหน่งพระชายา ปกติจะได้เป็นเพราะยศของสามี ไม่เคยได้ยินว่ามาก่อนว่าสตรีที่แต่งงานกับชินอ๋องแล้วจะยังถูกแต่งตั้งเป็นยศอื่นที่เป็นของตัวเองอีก

พระเจ้าหลวงวางแก้วสุราในมือลง พูดเนิบ ๆ ว่า “พวกเจ้าสองคนแต่งงานกันแล้ว ข้าจะไม่มอบจวนใหม่ให้แล้ว นังหนูหลิงยังคงพักที่เดียวกับปี้เฉิงเหมือนเดิม นอกจากจะรับเงินตอบแทนแล้ว จะได้รับเงินเดือนตอบแทนเพิ่มอีกหนึ่งส่วน”

เมื่อคนในท้องพระโรงได้ยินประโยคนี้ก็อ้าปากพะงาบ ๆ

หวงกุ้ยเฟยยังไม่ทันหายตะลึงที่เห็นสถานะของอวิ๋นหลิงกลายเป็นเทพธิดาเลย เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็อดผ่อนลมหายใจไม่ได้ “พระเจ้าหลวง พระองค์พูดล้อเล่นอยู่หรือเพคะ?”

คำที่พูดมาคือเงินเดือนตอบแทนนะ ไม่ใช่เงินตอบแทน

เพิ่มมาแค่ตัวหนังสือตัวเดียว แต่จะต่างกันราวฟ้ากับเหว

ปกติพระชายาของแคว้นต้าโจวไม่มีเงินเดือนตอบแทน จะได้รับเงินตอบแทนเล็กน้อยเท่านั้น เพราะคำว่าเงินเดือนตอบแทนคือได้มาจากตำแหน่งงาน แต่พระชายาไม่มีตำแหน่งงาน ตามหลักแล้วพวกนางที่แต่งงานกับท่านอ๋อง จะได้รับเงินเพราะยศของสามี

หากชินอ๋องคนใดไม่มีตำแหน่งงาน จะได้รับเพียงเงินตอบแทนเท่านั้น ก็จะกลายเป็นท่านอ๋องผู้ว่างงานในปากของชาวบ้าน ถ้าเกิดมอบเงินเดือนตอบแทนให้อวิ๋นหลิง จะเป็นการชี้ให้รู้ว่านางไม่จำเป็นต้องพึ่งอำนาจของบิดา พี่ชายน้องชาย และสามี แต่จะมีอำนาจเป็นของตัวเอง

เขาเม้มปากพูดสีหน้าจริงจัง “สัตว์เทวะยอมรับลูกสะใภ้ของราชวงศ์ต้าโจวเป็นเจ้านาย ถือเป็นสิริมงคลยิ่ง แต่หลานสะใภ้สามเป็นเพียงสตรีหลังเรือน การที่เสด็จพ่อและเสด็จน้องทำเยี่ยงนี้ จะเป็นการไม่สมควรหรือไม่? ข้าว่าเพิ่มเงินตอบแทนก็พอ เป็นถึงพระชายาแล้วจะรับเงินเดือนตอบแทนด้วย เกรงว่ายากจะอธิบายให้ใต้หล้า...”

ไม่รอให้อันชินอ๋องพูดจบ พระเจ้าหลวงก็หัวเราะเอ่ยว่า

“ไม่งั้นจะเรียกว่าแต่งตั้งโดยการแหกกฎเช่นไร? แล้วข้าก็ไม่ได้ให้นังหนูหลิงรับเงินเดือนเปล่า ๆ ในเมื่อนางได้รับเงินเดือนแล้วก็ควรทำงานให้กับประชาชนต้าโจวและราชสำนัก ข้าจะให้นางรับเงินเดือนตอบแทนเหมือนขุนนางขั้นเก้า ถ้าทำงานได้ดีจะเพิ่มให้ แต่ถ้าทำงานไม่ดี จะต้องลดแน่นอน ข้าปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน”

ใบหน้าอันชินอ๋องมืดครึ้มเล็กน้อย เขาไม่ได้หมายถึงเช่นนี้เสียหน่อย

พระเจ้าหลวงไม่ให้เขามีโอกาสอธิบาย พูดต่อไปว่า “เจ้าใหญ่ เจ้าต้องเชื่อมั่นในนังหนูหลิง เรื่องที่พวกเราและขุนนางสะสางไม่ได้ นางกลับสามารถคลี่คลายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก สมกับที่เป็นเทพธิดายิ่ง ข้าเห็นทุกอย่างกับตา และคนใต้หล้าก็ล้วนมองเห็น ทุกคนล้วนชั่งน้ำหนักเป็น ไม่มีประชาชนคนใดคัดค้านหรอก”

หากมองให้กว้างไกล จากประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยมีจักรพรรดินี ขุนนางหญิงและแม่ทัพหญิง ยามนี้ก็มีพระสนมฟงแห่งแคว้นเป่ยฉินเป็นตัวอย่างให้เห็นแล้วนี่

เพราะมารดาและท่านย่าของอีกฝ่ายเป็นแม่ทัพหญิง ตอนเขายังหนุ่ม เขาก็เคยร่วมมือกับแม่ทัพหญิงดังกล่าวเพื่อปราบปรามชาวทูเจวียมาแล้ว

พระเจ้าหลวงมองทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว นับจากโบราณกาลมาถึงตอนนี้ ประชาชนใส่ใจเพียงว่าผู้สามารถปกครองให้ชีวิตพวกเขาอยู่เย็นเป็นสุขได้เท่านั้น ไม่ค่อยใส่ใจว่าผู้ใดจะเป็นจักรพรรดิ ยกเว้นชีวิตตกระกำลำบาก ประชาชนถึงจะลุกขึ้นมาต่อต้าน ประท้วงให้แก้ไขระบบการปกครอง

อวิ๋นหลิงได้ยินประโยคนี้ก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ คุกเข่ารับราชโองการอย่างตั้งใจ

“ลูกสะใภ้ชิงอี้ ขอบพระทัยเสด็จพ่อและพระเจ้าหลวงที่พระราชทานยศให้เพคะ”

นางแทบอยากจะวิ่งไปหอมแก้มพระเจ้าหลวงเลย ตาเฒ่าผู้นี้น่ารักเหลือเกิน

เงินเดือนของขุนนางขั้นเก้าเทียบไม่ได้กับรายได้โรงหมอของนางเลย ทว่ากลับมีประโยชน์มหาศาล