เมื่อเซียวปี้เฉิงกลับจวน ก็ได้เวลารับประทานอาหารกลางวันพอดี
อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ อวิ๋นหลิงจึงปรุงอาหารหม้อไฟบ่อยขึ้นเรื่อยๆ เซียวปี้เฉิงก็หลงรักการทำอาหารและการรับประทานอาหารเช่นนี้ หลังกินไปไม่กี่คำร่างกายของเขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้น
อย่าได้เอ่ยถึงว่าในจวนยังมีผักสดฉ่ำและระดับอาหารการกินยังดีเสียยิ่งกว่าในวังอีก ในยามปกติเขาจึงปฏิเสธที่จะอยู่ร่วมรับประทานอาหารกับจักรพรรดิจาวเหรินมาตลอด
เซียวปี้เฉิงรินชาอุ่นๆบนโต๊ะมาหนึ่งถ้วย และบอกกับอวิ๋นหลิงถึงสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินในการว่าราชการยามเช้า
“วันนี้ราชทูตจากตงฉู่จะพาชาวตะวันตกผู้นั้นไปที่ตำหนักทองหลวง เขาเป็นดังเช่นข่าวลือจริงๆ มีผมสีทองและดวงตาสีฟ้า เขาดูคล้ายกับชาวทูเจวียเล็กน้อย แต่แปลกกว่ายิ่งกว่านั้นเสียอีก”
อวิ๋นหลิงพยักหน้า ชาวทูเจวียส่วนใหญ่เป็นชาวสีเหลืองและผิวขาวที่มีเชื้อชาติผสม แม้ว่าใบหน้าของพวกเขาจะดูมีรูปทรงที่ลึกล้ำ แต่รูปลักษณ์ของพวกเขาก็ยังคงแตกต่างจากชาวยุโรปมาก
ชาวต้าโจวอยู่ห่างไกลจากทะเลมากเกินไป จึงไม่เคยเห็นชาวตะวันตกด้วยตาของตนเอง ปกติล้วนแต่ได้ยินเกี่เพียงผ่านคำบอกเล่าเท่านั้น
ข้าได้ยินมาว่าคนเหล่านั้นไม่เพียงแต่มีผิวขาวราวหิมะ ผมเป็นสีทองแต่ยังมีดวงตาสีฟ้าหรือสีเขียวอีกด้วย เมื่อคนเหล่านี้ถูกกล่าวถึง ชาวต้าโจวต่างก็คิดว่าพวกเขาดูเหมือนสัตว์ประหลาด
เซียวปี้เฉิงไม่ชอบอีกฝ่ายมากนัก แน่นอนว่าเขาไม่ได้เลือกปฏิบัติต่อรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่าย แต่คนผู้นั้นมีผิวที่ขาวราวกับหิมะขาวเสียจนยากจะหาคำใดมาบรรยาย
ยามปกติที่เขายืนอยู่ท่ามกลางผู้คนยังดี ทั้งยังแลดูเข้มขึ้นนิดหน่อยเท่านั้น แต่เมื่อเทียบกับชาวตะวันตกคนนั้น เขากลับกลายเป็นถ่านหินเลยทีเดียว!
ทว่าอวิ๋นหลิงกลับรู้สึกสนใจเรื่องนี้อย่างมาก “ชาวตะวันตกผู้นั้นมีนามว่าอันใด?”
“ข้าไม่เข้าใจภาษาต่างแคว้น แต่ดูเหมือนราชทูตตงฉู่จะเรียกเขาว่าอ้ายอะไรซักอย่าง…” เซียวปี้เฉิงคิดอยู่พักหนึ่ง และเอ่ยด้วยความยากลำบาก “อ้ายเต๋อหวา?”
อวิ๋นหลิงมุมปากกระตุก ใช้ภาษาอังกฤษลองหยั่งเชิง "...อ้ายเต๋อหัว?"
“ถูกต้อง! เป็นชื่อนี้!” ดวงตาของเซียวปี้เฉิงเป็นประกาย “ภาษาต่างแคว้นของเจ้าดีกว่าราชทูตตงฉู่เป็นอย่างมาก”
การออกเสียงของราชทูตชัดเจนมาก เขากับอ้ายเต๋อหัวพูดคุยซุบซิบกันภายในโถงตำหนัก จนทำเอาผู้คนสับสนและไม่ไม่เข้าใจแม้แต่น้อย
แม้ว่าการออกเสียงของอวิ๋นหลิงจะแตกต่างจากของอ้ายเต๋อหัว แต่โดยทั่วไปแล้วจะคล้ายกันมากกว่า
“คนผู้นี้เป็นอย่างไรบ้าง”
เซียวปี้เฉิงวางถ้วยชาลงและเอ่ยว่า "ได้ยินราชทูตตงฉู่เอ่ยว่าชาวตะวันตกผู้นี้มาที่เก้าแคว้นแผ่นดินใหญ่สามปีแล้ว รู้ภาษาจีนไม่มากทั้งยังพูดได้ไม่ค่อยคล่อง แต่เขากลับปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างมีมรรยาทการอบรมสั่งสอน ฟังว่ามีฐานะเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์”
“นอกจากปืนดาบศิลาแล้ว เขายังทรงนำสิ่งของบางอย่างจากตะวันตกมามอบให้รางวงศ์อีกด้วย เสด็จพ่อทรงสนพระทัยมาก แต่ข้ามองดูแล้วปืนดาบศิลาที่เขานำมาด้ามนั้น อย่าได้เอ่ยถึงว่าเป็นงานฝีมือทั้งยังหยาบกระด้าง เทียบกับปืนดาบศิลาที่เรามีอยู่ในมือยามนี้ไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยว”
เมื่อได้ฟังเช่นนี้อวิ๋นหลิงก็โล่งใจ ยามนี้ตงฉู่กำลังจะเปิดฉากต่อสู้กับชาวญี่ปุ่น อย่างไรก็ต้องเลือกปืนดาบศิลาของนางอย่างแน่นอน
“จริงสิ องค์หญิงเก้าแห่งตงฉู่ชอบอะไรหรือ? ในเมื่อพวกเราต้องหารือกิจการกับนาง ก็จำต้องเตรียมของขวัญต้อนรับตามพิธีถึงจะใช้ได้”
นอกจากนี้นางยังต้องการไถ่ถามสถานการณ์ปัจจุบันของน้องเล็กผ่านทางองค์หญิงเก้าด้วย
เซียวปี้เฉิงขมวดคิ้วพลางส่ายหัว รู้สึกโกรธเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้
“ข้าไม่พบสิ่งใดเลยด้วยซ้ำ ราชทูตตงฉู่มักจะทำตัวสูงส่งและชอบมองผู่อื่นอย่างหยิ่งยะโส ยามที่ข้าให้คนในวังไปสืบข่าว เขาก็บอกว่าไม่ต้องให้พวกเรามาเป็นกังวลด้วย ความหมายที่แฝงในน้ำเสียงก็คือองค์หญิงเก้าเติบโตขึ้นมากับความเป็นอยู่และอาหารการกินที่เพียบพร้อมในตงฉู่ อาหารและเสื้อผ้าของนางจะต้องดีที่สุด ดังนั้นสิ่งของธรรมดาๆที่ต้าโจวเลือกสรรให้จึงไม่อาจเข้าตานางได้”
อวิ๋นหลิงพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
“ภรรยา เจ้าอย่าได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าไม่เห็นหรือว่าคขบวนผู้แทนตงฉู่ที่มาในครานี้ มีคนจำนวนมากและหีบจำนวนนับไม่ถ้วนถูกย้ายเข้าไปในห้องในพระราชวังถึงสองห้องจนเต็มเปี่ยม!"
“ข้าได้ยินมาว่ามันเต็มไปด้วยอาหารทะเล เสื้อผ้า และเครื่องประดับ เสด็จพ่อยังคงสงสัยว่าเหตุใดครานี้ตงฉู่ถึงมือเติบถึงเพียงนี้ ปรากฎว่าของทั้งหมดเหล่านั้นต่างก็เตรียมไว้สำหรับองค์หญิงเก้าโดยเฉพาะ”
สายตาที่ราชทูตตงฉู่มองดูพวกเขามักจะทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูผู้ลี้ภัย ด้วยเกรงว่าองค์หญิงเก้าจะต้องทนทุกข์ทรมานในถื่นทุรกันดาร
จะว่าขุ่นเคืองก็ขุ่นเคือง ในใจเซียวปี้เฉิงอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้
อวิ๋นหลิงส่ายหัวอย่างขบขัน "เช่นนั้นพวกเราก้มอบน้ำเซียนสวรรค์ไปให้นางสักสองขวดเสียเลย อย่างไรก็ต้องนำของพวกนี้ไปทำกิจการกับนางอยู่แล้ว"
"อะไรนะ?"
วาจาของจักรพรรดิจาวเหรินทำให้สองสามีภรรยาตกตะลึงทันที
“เสด็จพ่อท่านพูดว่าอะไรนะ?” เซียวปี้เฉิงชี้ไปยังตัวเอง แววตาเต็มไปด้วยเหลือเชื่อ“องค์หญิงเก้าผู่นั้นต้องการแต่งกับข้า?”
เขาสงสัยว่าหูของตนจะหนวกแล้ว
พระเจ้าหลวงสั่นคันยาสูบ และเอ่ยอย่างตามตรง "ยิ่งกว่านั้น ความหมายที่หญิงสาวผู้นั้นอยากจะสื่อคือหากเรื่องนี้ล้มเหลว เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องหารือเรื่องอื่นๆเช่นกัน"
ใบหน้าของอวิ๋นหลิงมืดมนทันที เหตุใดองค์หญิงเก้าหลงใหลบุรุษของนางอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้?
จักรพรรดิจาวเหรินก็คลึงผากาและเอ่ยอย่างลำบากใจ "องค์หญิงเก้ายังกล่าวด้วยว่า หากเรื่องนี้สำเร็จได้ นางก็ยินดีที่จะมอบทองคำหนึ่งล้านตำลึงเป็นของขวัญเพื่อการแต่งงานระหว่างทั้งสองแคว้น"
นั่นคือทองคำหนึ่งล้านตำลึงเชียว...คลังสมบัติต้าโจวห้าคลังยังไม่แน่ว่าจะมีมากเท่านี้...
อวิ๋นหลิงมองไปที่จักรพรรดิจาวเหรินอย่างเย็นชา "ท่านพึงพอใจเข้าแล้วหรือ? อย่างไรเล่า คราวนี้จะมอบอนุภรรยาที่โง่เง่าให้แต่งเข้ามา หรือต้องการให้ข้าสละตำแหน่งเพื่อองค์หญิงเก้าผู้นั้นหรือ?"
“แค่ก แค่ก!” จักรพรรดิจาวเหรินร่างพลันสั่นสะท้านขึ้นมา และดื่มชาลงไปเพื่อซ่อนความรู้สึกผิดของตนเอาไว้ “เจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้า ข้าไม่เคยพูดคำเหล่านี้ด้วยซ้ำ!”
“ทองคำหนึ่งล้านตำลึง ก็ยากที่จะห้ามคนให้ใจสั่นไหวได้” อวิ๋นหลิงยิ้มเยาะ “เช่นนั้นองค์หญิงเก้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่ พวกเขามาที่นี่เพื่อขึ้นราคาเนื้อหมูใช่หรือไม่?”
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหวยหยูก่อนหน้านี้ หวงกุ้ยเฟยนำเงินออกมาได้เพียงสองแสนตำลึง แต่ยามนี้มันเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งล้านตำลึงแล้ว เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น เนื้อหมูก็ขึ้นราคาจนสูงเสียดฟ้าแล้ว!"
เมื่อได้ยินสิ่วาจานี้ จักรพรรดิจาวเหรินก็แทบจะพ่นชาออกมา
ใบหน้าของเซียวปี้เฉิงทั้งดำทั้งเขียว "..."
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...