พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 301

ตำหนักชุ่ยเหวย เปลวเทียนสว่างบ้างริบหรี่บ้าง

นี่เป็นที่พำนักของเหล่านางกำนัลขั้นหนึ่งแห่งวังหลวง และเวลานี้งานเลี้ยงยังไม่เลิกรา เหล่านางในยังต้องไปรับใช้ตามจุดต่าง ๆ ตำหนักชุ่ยเหวยจึงถือว่าปลอดคน

“ทำดีมาก นี่คือรางวัล”

ในขณะที่กำลังสะลึมสะลือ องค์ชายห้าแว่วยินเสียงหวานของหญิงผู้หนึ่ง ซึ่งฟังแล้วเหมือนจะคุ้นหู

เขารู้สึกว่าตัวเองถูกวางลง แผ่นหลังสัมผัสถูกที่นอนอันอ่อนนุ่ม และร่างกายเกิดความร้อนที่ผิดปกติ

เฟิงจิ่งเหวยหรี่ตาเล็กน้อย นิ้วเรียวงามลูบไล้ใบหน้าคมสันของชายหนุ่มเบา ๆ น้ำเสียงอ่อนหวาน

“ปากคอคิ้วคางนี้ ดูไปก็คล้ายกับจิ้งอ๋องอยู่ไม่น้อย...”

เอ่ยถึงชายผู้นี้ แววตาของเฟิ่งจิ่งเหวยก็กลายเป็นว้าวุ่น ประกายตามีแววแห่งความลุ่มหลง แต่ไม่นานก็ถูกความโกรธแค้นมาแทนที่

เสียงอื้ออึงของหญิงสาวทำให้สติขององค์ชายห้ากลับคืนมา หนังตาหนักจนแทบลืมไม่ขึ้น แต่กลับมีส่วนอื่นที่อ่อนไหวยิ่งกว่า!

มีกลิ่นหอมจาง ๆ และกลิ่นเครื่องประทินโฉมลอยมาแตะจมูก นี่มันเป็นกลิ่นของ...ห้องนอนผู้หญิงนี่นา!

ทันทีที่เกิดความคิดนี้ องค์ชายห้าก็รู้สึกตกใจ สีหน้าซีดเผือดและลืมตาขึ้น

“เจ้าเองหรอกหรือ?”

หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้ารู้สึกคุ้นตายิ่งนัก นางคือหลานสาวของเสนาบดีเฟิงชื่อว่าเฟิงจิ่งเหวย

เมื่อครู่ในงานเลี้ยงหยวนเซียว นางยังได้ร่ายรำอยู่เพลงหนึ่ง จนทำให้ชายหนุ่มผู้มีชาติตระกูลในงานหลายคนชื่นชมเป็นอย่างมาก แต่สายตาและรอยยิ้มของนางกลับทำให้เขาไม่สบายใจ

“องค์ชายห้าตื่นแล้วหรือเพคะ?” เฟิงจิ่งเหวยยิ้มอย่างเย้ายวน น้ำเสียงแฝงด้วยความหมาย “ในเมื่อตื่นมา เราก็เริ่มทำงานกันเถอะ”

ไม่ทันรอให้องค์ชายห้าได้ตอบ ฝ่ายหญิงก็รีบขึ้นมาคร่อมร่างทันที ทำให้เขารู้ว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นเป็นเพราะอะไร

เขาเป็นคนดื่มเหล้าน้อยมาก และไม่ชอบการดื่มด้วย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะดื่มเพียงเล็กน้อยก็เมามาย

องค์ชายห้าทั้งตกใจและโกรธ ทนฝืนความไม่สบายใจเอาไว้ รีบตะครุบมือที่อีกฝ่ายกำลังจะถอดเสื้อนอกของตนออก

“บังอาจ! เจ้ากล้าใช้คนอื่นมาวางยาข้าเชียวหรือ!”

เฟิงจิ่งเหวยแย้มยิ้มเล็กน้อย กล่าวเสียงออดอ้อนว่า “องค์ชายห้าอย่าเพิ่งกริ้วนัก เพราะข้าชื่นชมท่านมานาน ได้ยินว่าแต่ก่อนท่านก็นิยมไปยังหอคณิกาบ่อย แล้วทำไมเดี๋ยวนี้กลับเปลี่ยนใจ แม้แต่ข้าก็ไม่เข้าตาท่านอย่างงั้นหรือ?”

นับแต่พี่ชายเสียชีวิตไป เสนาบดีเฟิงก็แทบไม่เหลียวแลนางอีก ดีที่ได้ผูกสัมพันธ์กับซ่งเชว่อวี่ไว้ เสนาเฟิงเห็นนางยังพอมีประโยชน์บ้าง จึงค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนท่าทีใหม่

กว่าจะได้โอกาสนี้มาก็แสนยาก นางต้องรีบฟื้นตัวโดยเร็ว

รุ่ยอ๋องเป็นญาติผู้พี่ของนาง ส่วนเสียนอ๋องก็น้ำนิ่งไหลลึก จิ้งอ๋องคิดจะฆ่านางให้ได้ เยี่ยนอ๋องจะไปเป็นราชบุตรเขยของแคว้นตงฉู่...

เมื่อเหลือเพียงองค์ชายห้ากับองค์ชายหก นางย่อมจะเลือกองค์ชายห้า ที่งามสง่ามากกว่าอีกทั้งยังมีอนาคตไกลกว่าด้วย

องค์ชายห้าแววตาดูเครียด แต่เนื้อตัวกลับร้อนผ่าวจนแก้มแดงและมีเหงื่อผุด ได้แต่พูดอย่างกัดฟันกรอด

“ถ้ากล้าทำส่งเดช เชื่อมั้ยว่าข้าจะฆ่าเจ้าซะ”

เฟิงจิ่งเหวยเริ่มถอดเสื้อของตัวเองบ้าง พลางทอดสายตาให้เขาอย่างเย้ายวน

“คิดจะฆ่าข้าจริง ก็ต้องดูว่าอีกซักพักท่านจะมีแรงแค่ไหน”

ลำคอขาวผ่องและทรวดทรงองค์เอวของหญิงสาวปะทะเข้าสู่สายตา องค์ชายห้าแทบจะหลับตาลง ขณะที่ในใจเกิดความรู้สึกหวาดกลัวและคลื่นเหียนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

เนื้อตัวร้อนรุ่มดังไฟสุม แต่ใบหน้ากลับถอดสี สมองที่มึนงงเกิดความเจ็บแปลบ ความทรงจำที่ถูกเก็บไว้นาน ไม่อยากไปคิดถึงอีก กลับท่วมทะลักราวกับเขื่อนแตก

ตอนนั้นอายุสิบสามปี...และเช่นเดียวกับวันนี้ที่มีงานเลี้ยงในวัง

เขาดื่มมากไปหน่อย ถูกนางกำนัลหลอกให้ไปเปลี่ยนชุดใหม่ จากนั้นด้วยความที่ขาดสติ เขาถูกพาไปตำหนักที่ใดก็ไม่รู้

ท่ามกลางแสงเทียนริบหรี่ กลิ่นเครื่องหอมที่ฉุนแรง เรือนร่างอันขาวโพลน เสียงออดอ้อนใส่จริตของหญิงสาว และมือที่สัมผัสมายังร่างกายของเขา...

“ท่าน...ท่านไม่สู้หรือนี่?”

ลือกันว่าองค์ชายห้านั้นได้สูญเสียพรหมจรรย์ตั้งแต่วัยเพียงสิบสามปี

ในสายตาของทุกคน เขาคือองค์ชายที่ชอบเที่ยวเตร่หาความสำราญเป็นที่สุด

แต่พอเจอฤทธิ์ยาเข้า เหตุไฉนจึงไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เลย?

สีหน้าองค์ชายห้าแดงบ้างคล้ำบ้าง จนแทบอยากมุดดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด

จริง ๆ เขาไม่ได้ป่วยอะไรเลย แต่เพราะเหตุการณ์ในอดีต กลับทำให้หมดความรู้สึกต่อผู้หญิงโดยสิ้นเชิง เข้าใกล้ทีไรเป็นต้องรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว หนักกว่านั้นก็จะคลื่นเหียนอาเจียน

และในระหว่างที่เฟิงจิ่งเหวยมึนงงอยู่นั้น ข้างนอกก็มีเสียงเตะประตูจนถูกเปิดออก

เมื่อมองเห็นเหตุการณ์ในห้อง จื่อเถาก็ต้องสูดลมหายใจเข้าลึก อวิ๋นหลิงกลับด่าลั่นเสียงดังไปทั่ว

“นังตัวดีเฟิงจิ่งเหวย นิสัยเลวร้ายเหมือนพี่ชายไม่มีผิด ถึงกับกล้าลามปามมาถึงหยวนโม่เชียวเรอะ ยังไม่รีบเอามือสกปรกของเจ้าออกอีก!”

จื่อเถารีบเอามือปิดตา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเปิดช่องนิ้วเล็ก ๆ เอาไว้แอบดู

องค์ชายห้าซึ่งปกติดูหล่อเหลาสำอาง บัดนี้กลับเป็นเหมือนสาวน้อยที่เสียขวัญ เสื้อผ้าหลุดลุ่ย แววตาอับอายเป็นอย่างยิ่ง

ทำให้นางเกิดความเห็นใจเป็นอย่างมาก พร้อมกับด่าว่าในใจ

พี่น้องตระกูลเฟิงช่างเลวร้ายทั้งคู่!

เฟิงจิ่งเหวยยังคงจมอยู่กับความลับอันน่าตกใจเมื่อครู่นี้ ไม่ทันได้ตั้งสติ ก็ถูกอวิ๋นหลิงจิกผมราวกับหิ้วลูกไก่แล้วเหวี่ยงไปกับพื้น

“โอ๊ย!”

นางร้องอย่างเจ็บปวด รู้สึกเหมือนหนังหัวแทบจะหลุดออกมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ