และแล้วในเวลาต่อมา จี้หลิงหวาจึงต้องอาศัยฤทธิ์สุราเข้าช่วย จึงสามารถใกล้ชิดกับฮ่องเต้จาวเหรินได้
ซึ่งนับแต่นั้น ท่าทีของฮ่องเต้จาวเหรินก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ความห่างเหินค่อย ๆ คลายลงมากขึ้น
นางเป็นคนโชคดี เพียงครั้งเดียวก็ตั้งครรภ์ ซึ่งแน่นอนว่าทำให้ฮองเฮาเฟิงริษยายิ่งนัก และไม่ว่าฮองเฮาจะทำอะไร ฮ่องเต้จาวเหรินก็มักจะลำเอียงเข้าข้างอยู่เสมอ ทำให้จี้หลิงหวาได้แต่กล้ำกลืนความขมขื่นเอาไว้
ในคืนแห่งความเหน็บหนาว นางได้คลอดพระโอรส ฮ่องเต้จาวเหรินไม่ได้อยู่ข้างกาย เขารออยู่นอกตำหนักเพียงครู่เดียวก็ถูกมหาดเล็กทูลเชิญไปที่อื่น
ลือกันว่าเพราะเศษถ่านในตำหนักของฮองเฮาเกิดประกายไฟ จนเกือบเผาไหม้ตำหนักทั้งหลัง
ฮ่องเต้จาวเหรินไปโดยไม่ลังเล จวบจนฟ้าเกือบสว่าง นางคลอดลูกราวกับผ่านความเป็นความตายเนิ่นนาน อีกฝ่ายจึงรีบลนลานมาที่ตำหนัก
“พระสนมซูเฟยเป็นอย่างไรบ้าง?”
มหาดเล็กสีหน้ายินดี “ทูลฝ่าบาท ปลอดภัยทั้งมารดาและบุตร พระสนมประสูติพระโอรส ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
เพื่อชดเชยที่ขณะคลอด ฮ่องเต้จาวเหรินไม่ได้อยู่ข้างกาย จึงมอบสิทธิ์ในการตั้งชื่อลูกให้จี้หลิงหวาเป็นคนตั้งเอง
“ที่แล้วมาเจ้ามีความรู้เป็นที่เลื่องลือ งั้นชื่อของลูกก็ให้เจ้าตั้งแล้วกัน”
จี้หลิงหวาในขณะนั้นอ่อนเปลี้ยเพลียแรง สติเลือนรางจนแทบลืมตาไม่ขึ้น ท้องฟ้าในฤดูหนาวเห็นแดดรำไรลอดผ่านต้นหลิงฮวามาทางหน้าต่าง
เหล่านางในและแม่นมต่างยกเอาบัวลอยข้าวเหนียวมาวาง บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นบาน
จู่ ๆ นางก็หวนคิดถึง ครั้งหนึ่งเคยมีคน ๆ หนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า ถ้ามีโอกาสในวันครีษมายันจะพานางไปขึ้นเขาหานซาน รอดูช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังขึ้นมา
กล่าวกันว่าในวันนั้นดวงอาทิตย์จะขึ้นเร็วเป็นพิเศษ ทั้งยังอยู่บนท้องฟ้าเนิ่นนานกว่าวันไหน ๆ ของปีอีกด้วย
หนุ่มสาวที่มีความรักต่อกัน ไปผูกด้ายแดงบนต้นไม้อธิษฐานในวัดหานซาน จะได้ครองคู่อยู่กินไปชั่วกาลนาน
จี้หลิงหวาเคลิบเคลิ้มใกล้จะหลับ พลางเอ่ยปากพูดเบา ๆ “ฉางซวี่...ให้ชื่อว่าฉางซวี่...”
“แม้จะเกิดในฤดูหนาว แต่ให้ชื่อว่าฉางซวี่ ไม่เลว ๆ ความหมายดีมาก สมแล้วที่เป็นซูเฟย”
ฮ่องเต้จาวเหรินเห็นชอบในทันที ก้มหน้าไปก็เห็นจี้ซูเฟยได้นอนหลับไปแล้ว หลังจากสั่งงานอยู่ครู่หนึ่งก็รีบกลับไปตำหนักเฟิ่งซีเพื่อปลอบใจฮองเฮาที่เสียขวัญอีก
และเมื่อมีลูก จี้หลิงหวาอยู่ในวังก็ค่อยมีความสุขขึ้นบ้าง
นางรู้ว่าฮ่องเต้จาวเหรินทรงรักหญิงอื่นอยู่ จึงไม่กล้าคาดหวังให้ปฏิบัติต่อนางเหมือนอย่างเช่นเซียวเหมี่ยน แค่บางครั้งเสด็จมาเยี่ยมที่ตำหนักบ้าง นางก็พอใจมากแล้ว
ปรากฏว่าการลงทัณฑ์จากสวรรค์ยังไม่สิ้นสุด ลูกชายของนางตอนอายุเก้าขวบได้ตกจากที่สูงลงมา นับแต่นั้นก็มีอาการเรื้อรัง พูดจายังแทบเรียงเป็นประโยคไม่ได้ หมอหลวงวินิจฉัยว่าเป็นโรคทางสมองอ่อน ๆ จนแม้แต่อู่อันกงก็จนปัญญาจะรักษา
หลังเกิดเหตุหอต้าหลี่ได้ทำการไต่สวนจนพบว่าฮองเฮาเฟิงต้องสงสัยที่สุด แต่เสียดายไร้หลักฐาน ประจวบเหมาะกับตระกูลจี้มาเกิดเรื่องซ้ำ ถูกขุนนางในราชสำนักร้องเรียน
ฮ่องเต้จาวเหรินก็ทรงวุ่นอยู่กับราชกิจ จนไม่มีแก่ใจไปเหลียวแลความขัดแย้งของฝ่ายใน เรื่องนี้จึงได้จบลงเงียบ ๆ
จี้หลิงหวาไม่อาจเล่นงานคนที่ปองร้ายลูกชายตนเอง ซ้ำยังมีข่าวคนตระกูลจี้ทยอยเข้าเรือนจำ ภายในคืนเดียวเหมือนตกจากสวรรค์สู่ดินโคลน นับแต่นั้นจึงให้รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก
นางได้อยู่กับคนที่รักสมความปรารถนา แต่สิ่งที่แลกมา คือความทุกข์ทรมานที่สาหัสสากรรจ์นัก
หลังจากนั้น นางจึงไปอยู่เป็นเพื่อนไทเฮา วัน ๆ สวดมนต์ไหว้พระ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการแก่งแย่งในวังอีก
จากนั้นไม่นาน เซียวเหมี่ยนรู้ข่าวก็กลับมาเมืองหลวง พร้อมอาสาจะพาเซียวฉางซวี่ออกไปรักษาตัวข้างนอก
“ข้าไปท่องยุทธภพมาหลายปี รู้จักคนเก่งมีความสามารถไม่น้อย มีหมอเทวดาผู้หนึ่งเชี่ยวชาญโรคทางด้านนี้ ไม่แน่อาจพอรักษาฉางซวี่ได้”
เนื่องจากหมอเทวดามีคนไข้ที่ต้องดูแลเยอะ จึงไม่สะดวกจะเข้าวัง ฮ่องเต้จาวเหรินจึงต้องฝากฝังลูกชายคนรองให้แก่เซียวเหมี่ยนไป
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ทุกปีเซียวฉางซวี่จะต้องไปอยู่ข้างนอกเพื่อรักษาตัวเป็นเวลาหลายเดือน และหกปีให้หลัง อาการของเขาก็ดีขึ้นมาก แม้ว่าการพูดจายังจะช้าบ้าง แต่ไม่ตะกุกตะกักหรือขาดเป็นช่วง ๆ อีกแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ลูกชายนางจึงยิ่งใกล้ชิดสนิทกับเซียวเหมี่ยนมากขึ้น จี้ซูเฟยแม้จะรู้สึกตื้นตัน แต่ในใจก็ยังสับสนอยู่มาก
และนางก็เพิ่งมารู้หลังเกิดเหตุร้ายในวังเมื่อวันก่อน ว่าเสียนอ๋องได้หายเป็นปกติตั้งแต่ตอนอายุสิบห้าปีแล้ว
และหลังจากนั้น เขาเพียงแต่แกล้งโง่ตามคำสั่งสอนของเซียวเหมี่ยน ซ้ำยังค่อย ๆ วางแผนเพื่อจะชิงบัลลังก์ เป็นการปกปิดที่ทำมาหลายปี
จวบจนเที่ยงคืนยามสาม ร่างของเย่ซื่อก็ปรากฏขึ้นที่ตำหนักอีกครั้ง
“เรียนพระชายา ข้าน้อยมีข่าวสำคัญสองเรื่องจะมารายงาน!”
“ว่ามา”
“เย่อีได้รับจดหมายจากคุณชายเยี่ยเจ๋อเฟิง จิ้งอ๋องได้ไปถึงหมู่บ้านน้ำพุร้อนอย่างราบรื่นแล้ว ผู้ร่วมทางยังมีผู้สำเร็จราชการแคว้นเป่ยฉินและศิษย์พี่รองของท่าน”
อวิ๋นหลิงได้ยินดังนี้ แม้จะครึ่งค่อนคืนก็ยังดีใจจนแทบตกจากเตียง พยายามหักห้ามหัวใจที่เต้นรัวเข้าไว้
“เจ้าว่าไงนะ? พี่ฉิงก็มาด้วยหรือ? เป็นไปได้ยังไง? ทำไมพวกเขาถึงไปเจอกันได้?”
พี่ฉิงกับท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการต้องรอถึงต้นเดือนสาม จึงจะออกจากเป่ยฉินได้ไม่ใช่หรือ?
เย่ซื่อคุกเข่าอยู่ที่พื้น พยายามเล่าเรื่องอย่างรวบรัดตัดความที่สุด คร่าว ๆ ก็คือเซียวปี้เฉิงอยู่ระหว่างทางถูกชาวทูเจวียซุ่มทำร้ายา เคราะห์ดีเจอเข้ากับพวกหลิวฉิงที่จะมาหานางที่เมืองหลวง
ส่วนรายละเอียดมากกว่านั้น เย่ซื่อก็ไม่รู้อะไรแล้ว
อวิ๋นหลิงถามอย่างเป็นกังวล “เขาบาดเจ็บมากหรือเปล่า?”
เย่ซื่อส่ายหน้า “พระชายาวางใจได้ จิ้งอ๋องมีแผลที่หัวไหล่เล็กน้อยเท่านั้น ใต้เท้าเฉียวเจ็บหนักกว่า แต่ก็แค่ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ชั่วคราว ไม่มีอันตรายถึงชีวิต เพียงแต่ฝ่ายเราเสียทหารไปหลายคน”
“รอถึงคืนพรุ่งนี้ กองหนุนของรัฐทายาทเจิ้นกั๋วกงมาถึง จิ้งอ๋องก็จะรีบเข้าเมืองทันที!”
อวิ๋นหลิงพยักหน้าเบา ๆ ค่อยรู้สึกโล่งอกบ้าง
“แล้วอีกข่าวหนึ่งคืออะไร?”
เย่ซื่อรายงานต่อ “เรียนพระชายา เย่อีไปหาข่าวที่จวนเสียนอ๋อง ได้ยินว่าพระชายาฉวยตอนเขาไม่อยู่ ป้ายขโมยป้ายคำสั่งของเขา แล้วส่งตัวเหวินกั๋วกงผู้เฒ่ากับครอบครัวออกนอกเมืองไป”
“ถูกซ่งเชว่อวี่รู้เข้า จึงใช้แส้เฆี่ยนตีพระชายาเสียนอ๋อง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...