พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 347

เสียนอ๋องอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วตั้งสติกลับมา รีบก้าวเท้าไปจับแขนของเสิ่นชิ่นไว้พร้อมตรวจดูอาการ เห็นรอยเลือดสีแดงบาดตานัก จนใจเขาก็พลอยเจ็บไปด้วย

“อาชิ่น เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

เสิ่นชิ่นมองหน้าเขาอย่างเฉยเมย ดึงแขนกลับคืนมาพร้อมเอ่ยปากเบา ๆ “ท่านเสียนอ๋อง ยอมกลับมาพบข้าแล้วหรือ?”

“หากไม่เพราะข้าปล่อยคนของจวนเหวินกั๋วกงไป ท่านคงยากจะกลับมาได้ แล้วยังไง? จะลงโทษข้าสถานไหนดี?”

ทั้งแววตาและสรรพนามที่นางใช้ไม่เคยได้ยินมาก่อน เสียนอ๋อนแทบจะหายใจติดขัด

“อาชิ่น เจ้าพูดเหลวไหลอะไร ข้าจะลงโทษเจ้าได้ยังไง?”

เสิ่นชิ่นยังคงจับแส้ไว้ สายตาแน่วแน่เฉียบคมจ้องมองไปที่เขา ทำให้เสียนอ๋องหวนนึกไปถึงเมื่อครั้งอดีต ตอนพบนางครั้งแรก เกิดความรู้สึกไม่กล้าสบสายตา

เหลือบไปเห็นหยาดโลหิตที่ไหลลงจากแขนของนาง เสียนอ๋องอดทนต่อความเจ็บในใจ หันไปถีบเข้าให้ที่กลางอกของซ่งเชว่อวี่

“ใครให้เจ้าบังอาจเอาแส้มาเฆี่ยนพระชายา เด็ก ๆ ลากตัวนังแพศยานี่ออกไป ข้ไม่อยากเห็นหน้านางอีก!”

ซ่งเชว่อวี่ถูกเตะจนล้มไปกับพื้น เอามือกุมอกไว้พลางจ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา รู้แต่ว่าหัวใจตนกำลังแหลกลาญเป็นชิ้น ๆ

“ท่านอ๋อง ข้าภักดีต่อท่านถึงเพียงนี้ ยอมบุกน้ำลุยไฟทำเพื่อท่านทุกอย่าง แต่วันนี้เพียงเพราะเรื่องแค่นี้ ท่านคิดจะเอาชีวิตข้าเชียวหรือ?”

“ทำไมข้าถึงใช้กำลัง ท่านยังไม่รู้อีกหรือ? ก็เพราะนางปล่อยคนของจวนเหวินกั๋วกงออกไป นั่นเป็นตัวประกันที่ท่านจะใช้ต่อรองกับพระชายาจิ้งอ๋อง นางทำให้ท่านเสียงาน แล้วข้าลงโทษนางจะผิดตรงไหน?”

“เสิ่นชิ่นไม่เคยช่วยอะไรท่านเลย ถึงยามคับขันยังก่อความวุ่นวาย ท่านจะเข้าข้างยังพอว่า แต่ข้าอยู่กับท่านมาหลายปี ไม่มีความดีก็มีความชอบ ท่านกลับทำไม่รู้ไม่เห็น ยังคิดเอาชีวิตข้าอีก?”

“ท่านอ๋อง ข้าไม่ยินยอม ข้ายอมรับไม่ได้ เพราะข้าก็เป็นคนของท่านเหมือนกัน!”

ซ่งเชว่อวี่คร่ำครวญพร้อมกับน้ำตาไหลพราก จนน้ำตากับโลหิตแทบปนเข้าด้วยกัน ทำให้รู้สึกเจ็บแสบที่บาดแผล ดูแล้วสะบักสะบอมเป็นยิ่งนัก

เสียนอ๋องจ้องมองนางอย่างรังเกียจ “ที่ข้าปล่อยเจ้าจนถึงวันนี้ก็นับว่าปรานีมากแล้ว!”

ตั้งแต่คราวก่อนที่นางวางยาเขา เขาก็แทบอยากฆ่านางซะ!

เสิ่นชิ่นจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ ราวกับเพิ่งได้รู้จักเขาอีกครั้ง พลางกล่าวเนิบ ๆ ว่า “ท่านเสียนอ๋องช่างมีความโหดร้ายทารุณนัก”

เสียนอ๋องหน้าถอดสี มองนางด้วยแววตาสั่นไหว “อาชิ่น เจ้าคิดว่าข้าโหดร้ายงั้นหรือ?”

“แต่อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้ขอร้องแทนซ่งเชว่อวี่ เพียงแต่รู้สึกอนาถใจเท่านั้น ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งทำเพื่อท่านถึงเพียงนี้ ท่านยังคิดจะฆ่านาง โดยไม่กระพริบตาซักนิดได้ลง”

นางไม่ได้เห็นใจซ่งเชว่อวี่เลย กระทั่งนึกเกลียดชังเสียด้วยซ้ำ

เพียงแต่เศร้าใจต่อการกระทำของเสียนอ๋องมากกว่า ชายผู้นี้เคยอ่อนโยนต่อนางแค่ไหน แต่ความโหดร้ายในเวลานี้ก็น่าขนพองสยองเกล้าเช่นกัน

เสิ่นชิ่นไม่เข้าใจ โลกนี้ทำไมมีคนเช่นนี้ได้ ที่สามารถสวมบทบาททั้งแสนรักและโหดอำมหิตได้ในคราวเดียวกัน

ฮ่องเต้จาวเหรินเป็นจักรพรรดิที่มีเมตตาธรรม ไม่รู้ว่าความแล้งน้ำใจของเสียนอ๋องสืบทอดมาจากใครกัน

วันนี้เขาสามารถเข่นฆ่าซ่งเชว่อวี่โดยไม่ลังเล ไม่แน่วันหน้าอาจมีเหตุอื่นมาเล่นงานชายาอย่างนางก็เป็นได้

ท่าทีของนางทำให้เสียนอ๋องแทบหายใจไม่ออก มือที่อยู่ในแขนเสื้อกำแน่นจนเห็นเส้นเอ็นรำไร

สูดลมหายใจเข้าลึก เขากล่าวเสียงทุ่มต่ำ “ทหาร เอาตัวซ่งเชว่อวี่ออกไป โบยตีห้าสิบทีแล้วไปขังไว้ในห้องเก็บฟืน!”

เขาต้องหักห้ามความคิดที่จะเข่นฆ่าไว้ เพราะไม่อยากเห็นเสิ่นชิ่นจ้องมองด้วยแววตาอันห่างเหิน

เมื่อเสียนอ๋องสั่งการ ทหารในจวนก็ไม่กล้ารอช้า รีบคุมตัวซ่งเชว่อวี่ซึ่งหมดอาลัยตายอยากออกไป แล้วไม่นานก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนขึ้นที่เรือนด้านหลัง ฟังแล้วชวนสยองยิ่งนัก

“ไม่ต้องรบกวนหรอก” เสิ่นชิ่นสูดลมหายใจเข้าลึก สายตาจับจ้องที่เสียนอ๋องแน่นิ่ง “ทำไมถึงได้วางแผนทุกอย่างงี้? ทำไมต้องให้ตระกูลเสิ่นกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับโจรกบฏ?”

นางไม่รู้ว่าเสียนอ๋องไปเกลี้ยกล่อมพ่อของนางด้วยวิธีไหน

ท่านพ่อเป็นทหารกล้า ตั้งแต่เด็กมาก็มักสอนลูก ๆ ว่าต้องภักดีต่อบ้านเมือง พี่ชายคนโตของนางสมัยก่อนก็ตายในสนามรบเพื่อปกป้องดินแดน

แต่บัดนี้ เขากลับกลายเป็นขุนนางกบฏเสียเอง เอาแผ่นดินที่ลูกชายปกป้องไว้ไปยกให้คนอื่นง่าย ๆ

เสียนอ๋องสูดลมหายใจเข้าลึก “อาชิ่น เรื่องนี้พูดแล้วยาวนัก ข้าก็มีความจำเป็นของข้า ไว้อีกหน่อยค่อยอธิบายให้ฟังเถอะนะ”

เสิ่นชิ่นหาได้หวั่นไหวไม่ “งั้นข้าขอถามอีกเรื่อง หวังว่าท่านอ๋องจะยอมพูดความจริง คราวก่อนในงานเลี้ยงลูกของปี้เฉิงครบเดือน นั่วเอ๋อร์ถูกพิษเป็นฝีมือของซ่งเชว่อวี่ใช่หรือไม่?”

เสียนอ๋องใบหน้าซีดเผือด อ้าปากค้างแต่ไม่มีคำพูดออกมา

เสิ่นชิ่นจ้องดูสีหน้าเขาอยู่ตลอดเวลา หัวใจของนางค่อย ๆ ดิ่งลงสู่เหวลึกที่เย็นเยือก ใบหน้าหมองเศร้ากลับมีเสียงหัวเราะเบา ๆ ประกายในดวงตาหม่นหมองเป็นที่สุด

เสียนอ๋องหวาดหวั่นในใจเป็นอย่างมาก “อาชิ่น เรื่องนั่วเอ๋อร์เป็นเหตุสุดวิสัย เพราะพวกนางเจ้ากี้เจ้าการลงมือแล้วผิดพลาด เจ้าเป็นชายาของข้า นั่วเอ๋อร์ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเรา เป็นตายร้ายดีข้าก็ไม่มีวันคิดร้ายต่อพวกเจ้า”

เขาอดไม่ได้ที่จะเดินหน้าไปอีก แต่เสิ่นชิ่นกลับยิ่งเดินถอยหลัง พลางส่ายหน้าเบา ๆ น้ำเสียงแหบแห้งเจือเสียงสะอื้นเล็กน้อยที่ยากจะจับสังเกตได้

“ไม่...คนที่ข้ารักและแต่งงานด้วยคือเซียวฉางซวี่ ซึ่งเขาตายไปพร้อมกับเหตุการณ์กบฏในครั้งนี้แล้ว ข้าไม่ใช่ภรรยาของท่านอีก...”

สิ้นเสียงลง นางก็อุ้มลูกที่ยังร้องไห้อยู่เดินหายไปในทางเดินยาว

เสียนอ๋องมองดูนางจากไปโดยแทบไม่เหลียวหลัง เกิดอาการเหม่อลอยจนรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางหิมะที่หนาวจัด

เกิดความหวาดหวั่นในใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ