พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 35

อวิ๋นหลิงกำลังหยิบตะเกียบขึ้นมาจะกินข้าว ก็ได้ยินเสียงดังตะคอกด้วยความโกรธของเซียวปี้เฉิง

ไม่ได้การแล้วไม่ได้การแล้ว เห็นทีครั้งนี้คงจะแหย่จนเจ้าบอดโมโหแล้ว

นางรีบโยนตะเกียบทิ้งไป “ตงชิง พระเจ้าหลวงอยู่ที่ไหน”

ตงชิงตอบว่า “เหมือนว่าพระเจ้าหลวงไปให้อาหารหมูอยู่ที่เรือนเกษตรทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจวนอ๋องเพคะ”

เรือนเกษตรอยู่ใกล้กับคอกม้า ปกติแล้วจะเลี้ยงสัตว์ปีกเอาไว้บางส่วน สัตว์ปีมีชีวิตและลูกหมูหนึ่งคู่ที่จักรพรรดิจาวเหรินมอบให้อวิ๋นหลิงก่อนหน้านี้ก็ถูกเอาไปเลี้ยงไว้ที่นั่น

ตอนที่พระเจ้าหลวงยังหนุ่มเคยเป็นเกษตรกร เป็นมือดีในการเลี้ยงหมู ปกติแล้วชอบเอาใจใส่ดูแลเรื่องพวกนี้มาก

“ข้าต้องหลบไปก่อน เจ้าจับตาดูเจ้าเด็กนี่ไว้ให้ดี อย่าให้เขากินข้าวจนหมด เหลือไว้ให้ข้าบ้าง”

เยี่ยนอ๋องสีหน้าตื่นเต้น “เจ้าทำเรื่องอะไรถึงทำให้พี่สามโกรธขนาดนี้”

เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเซียวปี้เฉิงเสียกิริยาขนาดนี้ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเชียว

“ไม่ทันอธิบายแล้ว เจ้าถามเขาเอาเองเถอะ”

อวิ๋นหลิงทิ้งคำพูดเอาไว้ ก่อนที่เซียวปี้เฉิงจะมาถึง ก็เผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว

รอจนกระทั่งเซียวปี้เฉิงที่จูงลู่ฉีมาด้วยท่าทีเดือดดาลจนถึงบริเวณลานบ้าน ทันใดนั้นเยี่ยนอ๋องก็อ้าปากตาค้าง มุมปากสั่นเทาอย่างรุนแรง

“พี่......”

เซียวปี้เฉิงมีผมถักเปียสามเส้น กัดฟันกรอด “อวี้จือ หญิงอัปลักษณ์คนนั้นหลบไปที่ไหนแล้ว”

เยี่ยนอ๋องถูกสีหน้าเต็มไปด้วยไอสังหารของเขาทำให้ตัวสั่นอย่างหวาดกลัว ไม่กล้าจะหัวเราะออกมา “นางนางนาง......หลบไปที่เรือนเกษตรแล้ว พระเจ้าหลวงก็ทรงอยู่ที่นั่นด้วย”

ให้ตายเถอะ ฉู่อวิ๋นหลิงถึงกับกล้าทำเรื่องเช่นนี้กับพี่สามของเขา ช่างบังอาจเกินไปแล้ว

“ลู่ฉี”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ไปเรียกเจ๋อเฟิง และพาองครักษ์มาอีกสองสามคน ตามข้าไปจับคน”

เยี่ยนอ๋องหดคอลง เตือนเขาเสียงอ่อนว่า “พี่สาม......ผมของท่าน......”

จะไม่จัดการก่อนจริงหรือ

สีหน้าของเซียวปี้เฉิงแข็งค้าง แล้วยื่นมือออกไปดึงเปียผมทั้งสามเส้นให้คลายออกด้วยสีหน้าหงุดหงิด จากนั้นยังไม่ทันหวีผมด้วยซ้ำ ก็พาเหล่าองครักษ์ตรงไปยังเรือนเกษตร ด้วยศีรษะที่มีผมยุ่งเหยิง

“ตงชิง มาเข็นรถเข็นให้ข้า รีบไปที่เรือนเกษตรเร็วเข้า”

เยี่ยนอ๋องก็ไม่สนใจเรื่องกินข้าวแล้ว พี่สามจะสั่งสอนหญิงเลวคนนั้น แม้แต่เสด็จปู่ก็ไม่กลัว นี่มันเป็นสัญญาณของการจะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว

อวิ๋นหลิงวิ่งเข้าไปที่เรือนเกษตรราวกับถูกไฟลนก้น มองหาเงาร่างของพระเจ้าหลวงไปทั่ว

ตอนนี้พระเจ้าหลวงเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดของนาง ถ้าหากเซียวปี้เฉิงแตะต้องนางแม้แต่เส้นขนเดียว ต้องถูกพระเจ้าหลวงตีจนหัวโนแน่

“พระเจ้าหลวง พระเจ้าหลวง”

อวิ๋นหลิงร้องเรียกไปรอบๆลานบ้านหลายรอบ ไม่พบเงาร่างของพระเจ้าหลวง

เรือนเกษตรว่างเปล่าไม่มีคน ลานบ้านที่โล่งโปร่ง มีเพียงเป็ดไก่ห่านที่ร้องไม่หยุดเต็มไปหมด

“ฉู่อวิ๋นหลิง เจ้าหยุดเลยนะ”

ขณะนี้เอง เฉียวปี้เฉิงได้พาลู่ฉีและองครักษ์อีกสองสามคนมาถึงหน้าประตูแล้ว

อวิ๋นหลิงกระแอมในลำคอ ทำเสียงให้สูงขึ้น “เจ้าบอด ท่านคิดจะทำอะไร ระวังข้าจะบอกฟ้องพระเจ้าหลวงให้เขกกบาลท่าน”

เดิมทีถ้าหากอวิ๋นหลิงยอมรับผิดแต่โดยดี ใช่ว่าเขาจะไม่สามารถปล่อยอีกฝ่ายไปได้

เมื่อได้ยินอวิ๋นหลิงไม่เพียงแต่พูดอย่างไม่หวาดกลัวเพราะมีคนหนุนหลัง แต่ยังไม่มีท่าทีรู้สึกผิดสักนิด ทำให้เซียวปี้เฉิงมีแต่ความรู้สึกโมโหอยู่ในใจ

หญิงอัปลักษณ์ที่น่าโมโหคนนี้

เขาหัวเราะเสียงเย็น “ทำอะไร ข้าก็แค่จะใช้เรื่องที่เจ้าเคยทำกับข้า เอาคืนเจ้าบ้างก็เท่านั้น”

“ลู่ฉี เจ๋อเฟิง ไปจับตัวนางเอาไว้”

เยี่ยเจ๋อเฟิงก้าวเข้าไปข้างหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “พระชายา ต้องล่วงเกินแล้ว”

“ให้ตาย ไหนว่าเป็นองครักษ์ใกล้ชิดไงเล่า แต่จู่ๆจะมาทรยศกัน ข้าจะไล่เจ้าออก”

อวิ๋นหลิงถลึงตาให้เยี่ยเจ๋อเฟิง นางรู้อยู่แล้วว่าต้องพึ่งเขาไม่ได้แน่

“พระชายาทรงยอมให้จับแต่โดยดีเถอะพ่ะย่ะค่ะ อย่าทำให้พวกกระหม่อมลำบากใจเลย”

อวิ๋นหลิงย่อมไม่มีทางให้จับแต่โดยดี นางกวาดตามองไปยังกระท่อมหลายหลังที่มีรั้วล้อมทำมาจากไม้ไผ่ที่อยู่ทางด้านหลัง รีบวิ่งเข้าไปหลบยังคอกเลี้ยงสัตว์ทันที

ดาบของเยี่ยเจ๋อเฟิงตามไปอย่างติดๆ ฟันรัวไม้ไผ่จนขาดทันที ทำให้อวิ๋นหลิงไม่มีที่ให้หลบ

คิดไม่ถึงว่าวินาทีต่อมา สัตว์ที่ถูกเลี้ยงอยู่ในคอกจะกรูกันออกมา วิ่งกระเจิดกระเจิงอย่างตื่นตระหนก

เยี่ยนอ๋องอดไม่ได้ที่จะจ้องมองพลางกุมขมับ รู้สึกเศร้าในใจ

เขาเห็นสภาพน่าอนาถของพี่สามด้วยตาตนเอง วันหน้าจะถูกฆ่าปิดปากหรือไม่

อวิ๋นหลิงมุมปากกระตุก “ท่าน ท่านอ๋อง......”

จบเห่ สามีคนนี้เอาไม่ได้แล้ว

เซียวปี้เฉิงลุกขึ้นมาจากพื้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เวลานี้เขาอยากจะอยู่อย่างเงียบสงบจริงๆ

แม้ว่าดวงตาของเขาจะมองไม่เห็น อวิ๋นหลิงกลับรู้สึกว่าไฟโทสะในดวงตาของเซียวปี้เฉิงนั้นสามารถแผดเผานางจนพรุนได้

“นี่ นี่ท่านจะโทษข้าไม่ได้นะ ท่านล้มของท่านเอง”

เมื่อเห็นท่าทีของเซียวปี้เฉิง เป็นครั้งแรกที่อวิ๋นหลิงผู้ไม่กลัวอะไรเลยรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอยู่บ้าง

“ข้าเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องสำคัญต้องทำ คงต้องขอตัวไปก่อน......อ๊ะ”

อวิ๋นหลิงดวงตาไหววูบ แอบก้าวขาออกไปเตรียมจะหนีเป็นครั้งที่สอง

คาดว่าคงเป็นเพราะสวรรค์คงจะทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว นางก้าวขาไปเหยียบเข้ากับขี้ไก่ก้อนหนึ่ง และลื่นล้มลงไปในชั่วพริบตา

“ว้าย”

อวิ๋นหลิงอยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก หรือว่านี่จะเป็นกรรมสนองทันตาตามที่ตำนานได้กล่าวไว้

ตงชิงตกใจจนเกือบจะผลักรถเข็นของเยี่ยนอ๋องออกไป “พระชายา เป็นอะไรไหมเพคะ”

เซียวปี้เฉิงได้ยินเสียงก็รู้แล้วว่าอวิ๋นหลิงหกล้ม เขาขมวดคิ้วขึ้นมา หันไปพูดตามทิศทางของเสียงที่ได้ยิน อาศัยการมองเห็นที่เลือนรางหาเงาร่างของอวิ๋นหลิงจนเจอ ยื่นมือไปโอบเอวของนางเอาไว้

“รู้สึกเจ็บตรงไหนหรือไม่ ปวดท้องหรือเปล่า”

น้ำเสียงของเซียวปี้เฉิงมีแววตื่นเต้นอยู่บ้าง อวิ๋นหลิงมองดูใบหน้าที่ยื่นเข้ามาใกล้ นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย

จากนั้น นางก็กุมท้องพลางร้องอย่างเจ็บปวด แสร้งทำเป็นน่าสงสารก่อนจะพูดว่า “เจ็บนิดหน่อย......”

เซียวปี้เฉิงสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที เอ่ยด้วยเสียงไม่พอใจว่า “ใครใช้ให้เจ้าก่อเรื่องทั้งวี่ทั้งวัน ตอนนี้คงได้ลิ้มรสความลำบากแล้วซินะ”

ผู้หญิงที่ทั้งอัปลักษณ์ทั้งโง่คนนี้ ช่างน่าโมโหจริงๆเลย

“เด็กๆมาประคองพระชายากลับไปพักผ่อน ลู่ฉีไปเชิญท่านหมอมา”

ตัวซวยเอ๊ยตัวซวย ตั้งแต่แต่งนางเข้ามาในบ้าน เขาก็ไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ