ก่อนหน้านี้อวิ๋นหลิงเพิ่งจะหกล้มไป และนอนสลบเป็นเวลานาน เซียวปี้เฉิงไม่กล้าจะละเลยจุดนี้ รีบให้คนไปตามหลินซินมาทันที
“อาจารย์หญิง ร่างกายนางได้รับบาดเจ็บหนักหรือไม่”
หลินซินเหลือบตาไปมองอวิ๋นหลิงที่ดูเหมือนอ่อนแอแวบหนึ่งด้วยสีหน้าซับซ้อน แต่กลับส่งสายตาให้นางไม่ขาด
“ตอนนี้ตรวจดูแล้วไม่เป็นอะไร แต่เพื่อความปลอดภัย อย่างไรเสียนอนนิ่งๆพักผ่อนสักระยะจะดีที่สุด”
เซียวปี้เฉิงที่จิตใจกระวนกระวายก็รู้สึกผ่อนคลายลง ไฟโทสะที่ไม่ได้ระบายออกมาเมื่อครู่พุ่งขึ้นมาอีกครั้งทันที
“จะเป็นแม่คนอยู่แล้ว ยังจะทำตัวประมาทเหมือนเคย ไม่รู้จักระวังซะบ้าง”
ยากมากที่อวิ๋นหลิงจะไม่ต่อปากต่อคำกับเขา “แต่ไม่ว่าจะอย่างไร......พวกเราก็ควรจะอาบน้ำกันก่อน แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ด้วยดีหรือไม่”
ไปเดินเล่นที่คอกหมูเล้าไก่มารอบหนึ่ง กลิ่นที่ติดมากับเสื้อผ้าช่างปลิดวิญญาณจริงๆ
มุมปากของเซียวปี้เฉิงกระตุก แทบอยากจะทำตามพระเจ้าหลวงโดยการเอาไม้เท้ามาเคาะหัวของอวิ๋นหลิงที่ไม่รู้จักสำนึกผิดเลย แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายมีแต่บาดแผลจากแส้ที่ยังไม่หายดี ก็กล้ำกลืนโทสะนั้นลงไป
“รบกวนอาจารย์หญิงกับแม่นมเฉินดูแลนางให้ดี รีบให้ห้องครัวเตรียมน้ำร้อนมา”
สั่งการเสร็จ เซียวปี้เฉิงก็เรียกลู่ฉีให้ประคองตนเองกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
หลังจากเซียวปี้เฉิงกลับไปแล้ว หลินซินก็ทำหน้าเคร่งทันที อาศัยที่ตนเป็นอาจารย์หญิงของจิ้งอ๋อง นางพูดอย่างไม่พอใจขึ้นมาทันที
“พระชายา วันนี้ท่านทำเกินไปแล้ว เป็นถึงนายหญิงของจวนจิ้งอ๋อง ไม่เพียงแต่จะไม่มีกิริยาท่าทีที่เรียบร้อย กลับทำเรื่องเช่นนี้ให้บ่าวรับใช้หัวเราะเยาะ นี่มันใช้ได้ที่ไหนกัน”
ในใจของหลินซิน ตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบของการเป็นพระชายาจิ้งอ๋องคือฉู่อวิ๋นหานมาตลอด
เดิมทีนางก็ไม่ชอบอวิ๋นหลิงอยู่แล้ว ตอนนี้นางเป็นถึงลูกสาวเมียเอกของจวนเหวินกั๋วกง กลับไม่มีมารยาทอย่างหญิงสาวชั้นสูงที่ได้รับการอบรมมาเลยสักนิด ก็ยิ่งทำให้รู้สึกไม่พอใจ
“เมื่อครู่ต้องขอบคุณอาจารย์หลินที่ช่วยตรวจชีพจรให้ข้า แต่ไม่ว่าข้าจะเป็นอย่างไรก็คงไม่ต้องให้ท่านมาสั่งสอน หากไม่มีอะไรแล้ว ก็เชิญกลับไปเถอะ”
อวิ๋นหลิงไม่แสร้งปวดท้องอีกต่อไป นางค่อยๆลุกขึ้นด้วยท่าทีเกียจคร้าน ไม่มองหลินซินแม้แต่แวบเดียว ออกคำสั่งไล่แขกทันที
หลินซินอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าตกใจเล็กน้อย “เจ้า......”
แม้จะเป็นหมอหญิงที่มาจากยุทธภพ แต่สามีก็เป็นถึงลูกบุญธรรมของอู๋อันกง และยังเป็นอาจารย์หญิงของเซียวปี้เฉิงด้วย ด้วยเหตุนี้แม้ว่าจะเป็นคนในราชวงศ์ เมื่อเจอกันยังต้องให้เกียรติกันบ้าง
ใช้ท่าทีเช่นนี้พูดกับนาง อวิ๋นหลิงเป็นคนแรกเลย
“หรือว่าอาจารย์หลินจะทำเกินหน้าที่ของพ่อแม่ข้ามาสั่งสอนข้า”
เยี่ยนอ๋องที่อยู่บนเก้าอี้รถเข็นไม้ทนไม่ไหวจนต้องพูดขึ้นมาว่า “แต่ไม่ว่าอย่างไรอาจารย์หลินซินก็อาวุโสกว่า พูดจาควรจะมีมารยาทจึงจะถูกต้อง......”
อวิ๋นหลิงคิดเองว่าท่าทีของตนที่มีต่อหลินซินนั้นก็ไม่แย่ นางมองไปทางเยี่ยนอ๋อง เลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนกำลังสงสัย
“นี่ข้ายังมีความอดทนและดีต่ออาจารย์หลินไม่พอหรือ ถ้าเป็นคนอื่นคงด่าไปตั้งนานแล้ว ไม่เชื่อเจ้าลองไปถามท่านพ่อทึ่มทื่อของข้าดู เวลาพวกเราทะเลาะกันจะด่าไปด้วยทำลายข้าวของไปด้วยตลอด”
ฟ้าดินเป็นพยาน นางได้ให้เกียรติหลินซินมากแล้ว
เยี่ยนอ๋อง “......”
ที่แท้ฉู่อวิ๋นหลิงเป็นผู้หญิงหยาบกระด้างเช่นนี้เอง ทำไมจึงไม่เหมือนกับที่ฉู่อวิ๋นหานเล่าเลยสักนิด
หลินซินโกรธจนแทบจะกระอักเลือด กำลังจะพูดบางอย่าง แม่นมเฉินกลับทำสีหน้าบึ้งตึงตัดบทนางก่อน
“ไม่ว่าอย่างไร เจ้าของจวนจิ้งอ๋องคือท่านอ๋อง แม้ว่าอาจารย์หลินซินจะอาวุโสกว่าพระชายา แต่ในเมื่อท่านอ๋องไม่ได้พูดมาก ก็ไม่ควรจะทำเกินหน้าท่านอ๋องในการตำหนิพระชายาจริงๆ”
เมื่อพูดถึงลำดับอาวุโส แม่นมเฉินเป็นถึงแม่นมของเซียวปี้เฉิง ตำแหน่งและอำนาจในการพูดจาย่อมสูงกว่าหลินซินมาก
“อาจารย์หลินซินกระทำเกินหน้าที่แล้ว”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกไป ใบหน้าแข้งกระด้างของหลินซินเหมือนจะข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่แล้ว
แม้จะมีการฝึกฝนฝีมือการทำอาหาร ก็เป็นแค่การฝึกทำของว่างหรือไม่ก็ประเภทน้ำแกงต่างๆที่เป็นประโยชน์ในการใช้แย่งชิงความรักของคนที่อยู่หลังบ้านเท่านั้น
หญิงสูงศักดิ์ส่วนใหญ่ล้วนไม่ยินดีที่จะถูกควันและไฟในห้องครัวทำให้หน้าตามอมแมม แต่สามารถทำของว่างและต้มน้ำแกงได้ก็ถือว่าเพียบพร้อมแล้ว
“ฝีมือข้ายังไม่เลว พรุ่งนี้ฆ่าไก่หลังบ้าน นำมาทำอาหารง่ายๆสักสิบอย่างแปดอย่าง แม่นมก็มาชิมฝีมือข้าด้วยแล้วกัน”
วัตถุดิบและเครื่องปรุงในสมัยนี้มีไม่มาก บวกกับแคว้นต้าโจวที่เดิมทีก็ค่อนข้างยากจน ประชาชนจึงไม่มีกะจิตกะใจไปศึกษาเรื่องอาหารการกินสักเท่าไหร่
อวิ๋นหลิงอาศัยอยู่ในจวนจิ้งอ๋องมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว กับข้าวเหล่านั้นกินจนแทบอยากจะอาเจียนแล้ว
“ใช่แล้ว พระเจ้าหลวงกับแม่นมชอบกินรสชาติอะไร ท่านอ๋องทั้งสองด้วย”
แม่นมเฉินตอบว่า “พระเจ้าหลวงชอบรสหวาน ท่านอ๋องเคยลำบากอยู่ที่ชายแดนจนชิน กินได้ทุกอย่างไม่เลือก เยี่ยนอ๋องทรงชอบรสเค็มเผ็ด ส่วนข้าอายุมากแล้ว กินแต่รสจืดเสมอมา”
อวิ๋นหลิงพยักหน้ารับ จำรสชาติที่ทุกคนชื่นชอบเอาไว้ในใจ
แม่นมเฉินเห็นดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างรู้สึกสงสัยว่า “พระชายาจะเข้าครัวจริงหรือ”
นางคิดว่าที่อวิ๋นหลิงพูดว่าจะเข้าครัวนั้นเป็นการทำกับข้าวง่ายๆแค่สองอย่าง คิดไม่ถึงว่าจะกระทำการใหญ่เช่นนี้
ดูนางที่ร่างกายซูบผอมอ่อนแอ จะทำไหวได้อย่างไร
อวิ๋นหลิงมองความคิดของนางออก พูดยิ้มๆว่า “แม่นมวางใจเถอะ ข้าไม่มีความสามารถอื่น ไม่รอบรู้เรื่องศิลปะต่างๆ มีเพียงฝีมือการทำอาหารเท่านั้นที่พอจะเทียบกับฝีมือการแพทย์ได้”
การรักษาพิษและอาหารเป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาก นางได้ทำการศึกษาเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ
ชาติที่แล้วตอนที่อยู่ในองค์กร เพื่อนทั้งสามคนถูกนางเลี้ยงดูจนเป็นคนเลือกกิน มักจะมองข้ามร้านอาหารห้าดาวด้วยซ้ำไป
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของอวิ๋นหลิงก็ขรึมลง
พวกนางคงไม่มีโอกาสได้ชิมฝีมือการทำอาหารของนางอีกแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...