พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 362

หลิวฉิงอึ้งเล็กน้อย สีหน้ามีความสับสน แววตาเปล่งประกายเลือนรางอยู่วูบหนึ่ง

คำพูดน้องหลิงคงไม่ผิดแน่นอน ข้อนี้ไม่ต้องสงสัยเลย แต่นางก็นึกไม่ออกว่ากู้ฉางเซินจะมีความสำคัญต่อนางอย่างไรบ้าง

"อาจเพราะเขาหน้าตาดีกระมัง แน่นอนว่าคงจะสู้เจ้าไม่ได้"

หลิวฉิงนึกตรองดู ก็น่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ เจ้าปีศาจน้อยหลงเย่ก็เคยพูด มนุษย์เป็นประเภทหลงในรูปตัวเอง ไม่เคยคิดว่าตนอัปลักษณ์ นั่นเพราะยังไม่เจอคนที่สวยงามกว่าตนต่างหาก

"ก่อนนี้เขาเคยอยู่วังเป่ยฉินช่วยข้ามาหลายครั้ง ทุกครั้งที่ข้าทำเรื่องผิดพลาด เขามักจะคอยแก้ปัญหาให้ ตอนนี้มาถูกพิษจนอาจจะอยู่ได้ไม่นาน ยังไงก็ต้องเป็นห่วงเขาบ้าง"

เซียวปี้เฉิงริมฝีปากสั่นเบา ๆ แสดงความเป็นห่วงเล็กน้อยจริง ๆ

อวิ๋นหลิงพยักหน้า ทำท่าครุ่นคิดพลางยิ้มแล้วตอบว่า "งั้นเราก็ขอกลับจวนก่อน"

ขณะที่รถม้าออกจากประตูเมือง อวิ๋นหลิงแหงนมองไปยังร่างคนสามคนที่ถูกห้อยต่อยแต่งอยู่ ซึ่งก็คือเกอซูปู้และอาสื่อน่าสองพี่น้อง

อ๋องทูเจวียผู้เฒ่าเนื่องจากเคยมีมิตรภาพอันดีกับพระเจ้าหลวง จึงไม่ได้ถูกแขวนอยู่นี่ด้วย

พี่น้องอาสื่อน่าเหลือแต่ร่างอันไร้วิญญาณไปนานแล้ว ส่วนเกอซูปู้ก็้บาดเจ็บสาหัสหายใจรวยรินเต็มที

หน้าประตูเมืองยังคงคึกคักอยู่ ราษฎรต่างมาชุมนุมอยู่สองฟากฝั่ง บ้างก็ตะโกนด่าว่า บ้างก็ขว้างปาข้าวของใส่เกอซูปู้ ส่วนใหญ่จะเป็นก้อนหินหรือไม่ก็ไข่เน่า

"พวกโจรถ่อยทูเจวีย สมแล้วที่มีจุดจบเช่นนี้!"

"แขวนอยู่นี่ให้ต้องลมจนเป็นเนื้อตากแห้งซะ แล้วไปป้อนให้สุนัขกิน"

อวิ๋นหลิงรู้สึกไม่สู้สบายใจนัก เห็นชัดว่าผู้คนเกลียดชังเกอซูปู้ จนยอมเสียสละเอาไข่มาขว้างปา

แม้ว่าจะเป็นไข่เน่าก็เถอะ อย่างไรก็ถือว่าเป็นไข่อยู่ดี

เมื่อกลับมาถึงจวนจิ้งอ๋อง นางจึงสั่งให้สาวใช้ทำความสะอาดห้องหับต่าง ๆ ให้เรียบร้อย

พอรู้ว่าพระชายาเสียนอ๋องได้รับบาดเจ็บ นางก็รีบเอายาไปเยี่ยมที่เรือนหลันชิงทันที

เสิ่นชิ่นเห็นพวกนางก็รู้สึกตื้นตัน รีบคุกเข่าลงเบื้องหน้าหลิวฉิงทันที

"จอมยุทธหญิงท่านนี้ เมื่อวานขอบคุณที่ให้ความช่วยเหลือ ข้ายังไม่ทราบชื่อของผู้มีพระคุณเลย..."

หลิวฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย รีบไปพยุงเสิ่นชิ่นก่อนที่นางจะคุกเข่าลง "อย่าได้เกรงใจ ข้ามีชื่อว่าฟงหลิวฉิง เป็นศิษย์พี่รองของน้องหลิง"

ผาดโผนอยู่ข้างนอก ส่วนใหญ่นางจะอ้างชื่อฟงเสี่ยวเม่ยไว้ก่อน

เสิ่นชิ่นแอบสะดุ้งในใจ แต่ไม่นานก็ตั้งสติกลับคืน นางคือธิดาของแม่ทัพฟงแห่งเป่ยฉิน พระสนมของจักรพรรดิฉิน และเป็นคนมอบเสือขาวให้แก่อวิ๋นหลิงด้วย

"เสิ่นชิ่นขอบคุณพระสนมที่ช่วยชีวิต"

"พี่สะใภ้..." ราวกับฉุกคิดอะไรได้ อวิ๋นหลิงรีบเปลี่ยนคำพูด "อาชิ่นไม่ต้องเกรงใจ เราต่างเป็นคนกันเอง ไม่ต้องขอบคุณไปมาหรอก ไหนขอดูบาดแผลหน่อยซิว่าเป็นอย่างไรบ้าง"

เห็นแผลที่แขนของพระชายาเสียนอ๋องได้ผ่านการทำแผลอย่างลวก ๆ นางจึงใส่ยาและพันผ้าให้ใหม่อีกครั้ง

อวิ๋นหลิงแอบสังเกตสีหน้าซีดเซียวของเสิ่นชิ่น พร้อมกับทอดถอนใจ

เสียนอ๋องยังไม่ได้ถูกตัดสินโทษ แต่ก็คงไม่พ้นในเร็ววันนี้

เมื่อคืนนี้เซียวปี้เฉิงบอกว่า พระเจ้าหลวงน่าจะสั่งถอดถอนให้เขาเป็นสามัญชน และจวนเสียนอ๋องก็จะถูกยึดทรัพย์ทั้งหมด

เสิ่นชิ่นกับลูกคือน่าเห็นใจที่สุด ซ้ำยังไม่ห่วงชีวิตตนเองช่วยคนตระกูลฉู่ในยามคับขันอีก ฮ่องเต้จาวเหรินคงจะไม่ทำอะไรนาง ยิ่งอย่าว่าแต่นั่วเอ๋อร์เป็นหลานแท้ ๆ ด้วยแล้ว

ส่วนตระกูลเสิ่น ในฐานะหนึ่งในเครือข่ายของเสียนอ๋อง ก็ย่อมต้องรับโทษอย่างหนัก อาจถึงขั้นประหารทั้งครอบครัว หรืออย่างเบาก็คือยึดทรัพย์สิน

ซึ่งสุดท้ายจะเอาอย่างไรแน่ ก็ขึ้นอยู่กับพระวินิจฉัยของฮ่องเต้จาวเหริน

อวิ๋นหลิงชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวเสียงเบาว่า "อาชิ่น เจ้าบาดเจ็บไม่น้อย ถ้าไงช่วงนี้อยู่รักษาตัวที่จวนข้าก่อนเถอะนะ"

เสิ่นชิ่นหยุดชะงักเล็กน้อย พลางส่ายหน้าปฏิเสธความหวังดีของนาง พร้อมหันมาตบมือของอวิ๋นหลิงเบา ๆ

"ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็ยังเป็นพระชายาเสียนอ๋องอยู่ ตอนนี้ในจวนกำลังวุ่น พ่อบ้านกับบ่าวไพร่ต่างก็เสียขวัญไม่น้อย ข้าคงต้องกลับไปดูแลพวกเขาก่อน"

"อีกอย่าง ในจวนมีบ่าวไพร่หลายคนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซ้ำยังมีผู้เสียชีวิตอีก ข้ายังต้องกลับไปปลอบขวัญญาติพี่น้องของพวกเขา"

อวิ๋นหลิงเข้าใจความหมายของเสิ่นชิ่น นางต้องรีบฉวยโอกาสที่จวนเสียนอ๋องยังไม่ถูกสั่งปิด กลับไปสะสางเรื่องบริวารที่ไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย จ่ายค่าชดเชยให้พวกเขาพร้อมกับให้ออกจากจวนไป

"ยังไงก็ตามแต่ มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่เขาควรจะก่อกบฏ อวิ๋นหลิง ข้าขอฝากนั่วเอ๋อร์ไว้ชั่วคราว ข้าไปก่อนนะ"

กล่าวจบ นางก็ย่างก้าวออกไปจากจวนอ๋อง ร่างผอมบางดูซูบผอมไปอีก

หลิวฉิงอยู่ข้าง ๆ ฟังอยู่พักใหญ่ หน้าตาบอกบุญไม่รับ แววตามีประกายแห่งความโกรธขึ้ง

"คนนี้คือชายาของเสียนอ๋องหรือ? ช่างตาบอดโดยแท้ เป็นผู้ชายที่โง่เง่านัก"

ถุย เลี้ยงเมียไม่เป็นก็มาให้นางเลี้ยงแทนดีกว่า!

อวิ๋นหลิงถอนหายใจ "ใช่ หญิงที่ดีเช่นนี้ยังไม่รู้จักรักษาไว้อีก"

กระบี่ในมือหลิวฉิงถูกกำแน่นโดยไม่รู้ตัว ถ้าพี่น้องอีกสามคนในองค์กรถูกกระทำเช่นเดียวกันนี้ นางอาจจะเหลือทนจนจับฝ่ายชายมาสับเป็นชิ้น ๆ ก็เป็นได้

"อวิ๋นหลิง ศิษย์พี่หลิงเอ๋อ มายืนทำอะไรที่หน้าประตูน่ะ"

เซียวปี้เฉิงไปรับคนกลับมา ก็เห็นศิษย์พี่น้องสองคนยืนจังก้าอยู่ที่หน้าประตู สีหน้าล้วนแต่บอกบุญไม่รับ

ยิ่งสบเข้ากับแววตาเย็นชาแค้นเคืองของหลิวฉิงด้วยแล้ว เซียวปี้เฉิงก็ยิ่งงงงวย ไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น

หลายวันนี้ศิษย์พี่น้องยังโอภาปราศรัยกับเขาดีอยู่ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้เปลี่ยนไปเช่นนี้?

เบื้องหลังเซียวปี้เฉิงยังมีรถม้าตามมาอีกหลายคัน และไม่รอให้เขาเข้าใจ กู้ฉางเซินก็ลงจากรถมาก่อน

"ปี้เฉิง หลิวฉิง" กู้ฉางเซินสังเกตเห็นอวิ๋นหลิง จึงได้ผายมือเบา ๆ "คนนี้คงเป็นพระชายาจิ้งอ๋องสินะ?"

อวิ๋นหลิงเห็นชายรูปงามซ้ำยังมีบุคลิกอันผึ่งผาย ก็รู้ทันทีว่าเขาเป็นใคร นางหัวเราะและเดินไปหาเขา

"มิกล้า ๆ ท่านก็คือเจ้าหวังที่คนร่ำลือกันหรอกหรือ..."

เดี๋ยวก่อน ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไรนะ?

กู้ฉางเซินสีหน้าชะงักงัน "..."

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ