อวิ๋นหลิงปฏิเสธเขาทันควัน “เสด็จพ่อไม่ต้องคิดแล้ว นางไม่อยากเป็นอนุหรอก”
“นางไม่อยากเป็นอนุ?” จักรพรรดิจาวเหรินทำหน้าตกตะลึง เลิกคิ้วถาม “หรือจะให้นางเป็นพระชายาเอกกัน?”
อาการของเจ้าห้าร้ายแรงมาก ไม่ง่ายเลยกว่าจะเจอสตรีที่เข้าใกล้ได้ เขาจึงอยากจับคู่ให้
แต่ด้วยชาติกำเนิดของจื่อเถาจะให้เป็นพระชายาเอกได้อย่างไร?
จักรพรรดิจาวเหรินลังเล ชั่งใจระหว่างชาติกำเนิดอันต่ำต้อยของจื่อเถากับความอยากให้เจ้าห้ามีลูกไว ๆ ...
“พระองค์ไม่ต้องเลิกคิ้วเพคะ นางยังไม่คิดจะแต่งกับน้องห้าเลยเพคะ”
จักรพรรดิจาวเหรินได้ยินคำนี้ก็แสดงความไม่พอใจบนสีหน้า “หมายความว่าเช่นไร กระทั่งเจ้าห้า นางก็ไม่ชอบงั้นหรือ?”
เขาทำเรื่องบังคับให้แต่งงานไม่ลง แต่ก็ไม่พอใจในพฤติกรรมไม่รู้จักไหลไปตามสถานการณ์ของจื่อเถา
อวิ๋นหลิงกล่าวอย่งไม่เห็นด้วย “น้องห้าไม่ใช่ทองคำ เหตุใดต้องให้ทุกคนชอบเขาด้วย? เสด็จพ่ออย่าเฉไฉพูดเรื่องอื่นเลย ยังคุยเรื่องเหลียงเฟยไม่จบเลย แค่ด่าแล้วกักบริเวณสามวันง่าย ๆแบบนี้จะได้หรือ?”
จักรพรรดิจาวเหรินคิดว่าตัวเองถอยเยอะแล้ว แต่อวิ๋นหลิงก็ไม่คิดจะเลิกราวาศอก กอปรกับท่าทีของจื่อเถาด้วยแล้ว ยามนี้จักรพรรดิจาวเหรินก็ทำหน้าบึ้งขึ้นมา
เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “แล้วเจ้าอยากทำอย่างไรอีก? หรือจะให้สังหารนางกำนัลผู้นั้น หรือจะให้ส่งเหลียงเฟยไปสำนึกผิดที่ศาลบรรพชนห้าปี? วังหลังของข้าโดนเจ้าเล่นงานเกือบทุกรายแล้ว เจ้าหยุดทีเถิด”
นึกถึงเรื่องรุ่ยอ๋องทีไร จักรพรรดิจาวเหรินก็หงุดหงิดทุกครั้ง ขณะที่ข่าวหย่าร้างลือกระฉ่อนอยู่นั้น อวิ๋นหลิงยังจะให้เขาลงโทษรุ่ยอ๋องอีก ส่งผลให้ฮองเฮาเฟิงร้องห่มร้องไห้กับเขาหลายวัน ทำลายชีวิตสงบสุขหมด
“เสด็จพ่อพูดอะไรกัน อย่ามาระบายอารมณ์ใส่หม่อมฉันเพราะไปทะเลาะกับฮองเฮามานะเพคะ”
อวิ๋นหลิงก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมา “ทุก ๆ ครั้งคนอื่นหาเรื่องหม่อมฉันก่อนเสมอ หาไม่แล้วหม่อมฉันจะเสียเวลากับพวกนางทำไม ว่างมากนักหรือ? พระองค์ให้หม่อมฉันหยุดไม่สู้บอกให้พวกนางหยุดจะดีกว่า ข้าโดนรังแก เสียเปรียบแล้วต้องปิดปากเงียยอย่างนั้นหรือ?”
จักรพรรดิจาวเหรินหาเหตุผลมาโต้ตอบนางไม่ได้ จึงได้แต่พูดหน้าด้าน ๆ “การเสียเปรียบคือวาสนา เจ้ารู้ไหม? นิสัยเจ้าร้าย ปลิ้นปล้อนของเจ้า ระวังจะนำภัยมาโดยไม่รู้ตัว ถึงเวลานั้นเจ้าจะทำเช่นไร?”
เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ มานั่งถกเถียงกับเด็กสาวอยู่ได้
“การเสียเปรียบคือวาสนา งั้นพระองค์ก็เสียเปรียบเยอะ ๆ แล้วกัน” อวิ๋นหลิงแสยะยิ้มแล้วกล่าวเสียงเข้มขรึม “คนไร้ค่าถึงจะยอมเสียเปรียบ คนเก่งมักจะทำให้ผู้อื่นเสียเปรียบเสมอ”
จักรพรรดิจาวเหรินตกเป็นฝ่ายรองทันที แต่ยังคงไม่ยอม “ให้เกียรติกันเข้าไว้ วันหน้าจะได้มองหน้ากันติด ควรเหลือทางรอดให้อีกฝ่ายบ้าง หาไม่แล้วหากบีบให้ผู้อื่นจนตรอก ก็จะเหมือนกระต่ายที่กัดคนเป็น”
“เสด็จพ่อคิดมากไปแล้ว คนประเภทนี้หม่อมฉันจะไม่บีบให้ถึงทางตันหรอก แต่หม่อมฉันจะส่งไปนรกเลย ไม่ให้เขามีโอกาสโจมตีกลับแน่”
จักรพรรดิจาวเหรินถกเถียงด้วยวิธีสุดท้าย “...ข้ากำลังสอนหลักการใช้ชีวิตให้เจ้า ไยเจ้าถึงฟังไม่เข้าหูเลย?”
อวิ๋นหลิงแสยะยิ้ม กล่าวเสียงเย็นเยียบ “น้อย ๆ หน่อยเพคะ พระองค์แค่อยากทะเลาะกับหม่อมฉันเพื่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเฉย ๆ”
จักรพรรดิจาวเหริน “...”
เขารู้สึกหม่นหมองที่เถียงไม่ชนะ
เซียวปี้เฉิงยืนด้านข้างโดยที่ไม่พูดสิ่งใด รู้สึกสุขใจยิ่งนักที่เห็นจักรพรรดิจาวเหรินตกเป็นรอง ตอนนี้เหลือเพียงไม่เอาน้ำชาและเมล็ดทานตะวันมาแทะระหว่างดูสีสันแล้ว
คดีประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะใช้เงินจัดการกันเอง ทว่าหากอยากยุติเรื่องของจื่เถา เกรงว่าเหลียงเฟยต้องลดตัวไปขอขมาด้วยตัวเองแล้วละ
อวิ๋นหลิงพยักหน้าเห็นด้วย “ปี้เฉิงพูดถูกเพคะ พวกเราไม่ใช่คนไร้เหตุผล หากเหลียงเฟยยอมรับผิดก็ไม่ต้องจ่ายค่าทำขวัญ พระองค์เขียนหนังสือตักเตือนพฤติกรรมนางก็เพียงพอเพคะ”
จักรพรรดิจาวเหรินปวดหัว อดพูดไม่ได้ว่า “ออกหนังสือตักเตือนพฤติกรรม? ข้าจะแต่งตั้งเจ้าห้าเป็นอ๋องแล้ว แต่เจ้าดันเล่นแบบนี้ คนอื่นจะมองเขาเช่นไร?”
“ปกติเจ้าห้ามักจะออกโรงปกป้องพวกเจ้า ไยพวกเจ้าไม่คิดแทนเขาบ้าง? อย่าโทษที่ข้าลำเอียงเลย ข้าก็คิดแทนพวกเจ้าเช่นกัน ทำเยี่ยงนี้จะทำให้เขาเกลียดพวกเจ้าได้”
แม้จักรพรรดิจาวเหรินจะรู้สึกโกรธขึ้งและอนาทรร้อนใจ แต่เมื่อเห็นอวิ๋นหลิงไม่ยอมง่าย ๆ ก็ ไร้แผนจะรับมือ
อวิ๋นหลิงย่นคิ้ว พูดปรับความคิดของเขา “เสด็จพ่อพูดเยี่ยงนี้ไม่ได้ เรื่องนี้เกิดจากเหลียงเฟย เพราะนางฝ่าฝืนกฎหมายโดยไม่เห็นหัวใครก่อน และหม่อมฉันก็ร้องเรียนตามเหตุและผล เหตุใดพระองค์จึงปล่อยปละละเลยคนผิด แล้วย้อนกลับมาตำหนิพวกหม่อมฉันว่าใจกว้างไม่พอกัน?”
จักรพรรดิจาวเหรินใบ้กินทันควัน ต้องยอมรับว่าอวิ๋นหลิงพูดมีเหตุผล ตอนนี้เขาเริ่มจะเห็นด้วยล้ว แต่ก็ยังระแวงชื่อเสียงขององค์ชายห้าอยู่
ก่อนหน้านี้เพราะความสะเพร่าและเข้าใจผิดของเขา ส่งผลให้เจ้าห้ายังไม่มีจวนเป็นของตัวเอง เดิมทีเจ้าห้าก็โดนตำหนิมาเอยะแล้ว จักรพรรดิจาวเหรินรู้สึกผิด จึงไม่อยากผิดซ้ำสองในเรื่องนี้อีก
“ข้ารู้ว่าเจ้าพูดมีเหตุผล แต่ก่อนหน้านี้เจ้าห้าเจอความไม่เป็นธรรมมาเยอะ...”
เซียวปีเฉิงพูดอย่างประจวบเหมาะ “เสด็จพ่อ พระองค์เป็นฮ่องเต้ผู้ปรีชาสามารถ ย่อมแยกแยะส่วนรวมกับส่วนตัวได้ แล้วครั้งนี้ก็เป็นบททดสอบน้องห้าด้วย หากเขาไม่พอใจอวิ๋นหลิง แสดงว่าเขาไม่รู้จักแยกแยะผิดถูก ควรสั่งสอนเพิ่มเติม ยามนี้เสด็จพ่อตั้งความหวังกับน้องห้าไว้สูง คิดว่าคงไม่อยากให้เขาทำผิดเหมือนพี่ใหญ่อีก?”
อวิ๋นหลิงพยักหน้าเห็นด้วย “หากเสด็จพ่อเอาแต่ปกป้องเหลียงเฟย อนาคตนางอาจกลายเป็นฮองเฮาเฟิงคนที่สองก็เป็นได้ หากเสด็จพ่อสงสารและหวังดีต่อน้องห้าจริงก็ไม่ควรปล่อยเลยตามเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...