พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 397

ความรักเป็นแรงขับเคลื่อนอันวิเศษ เซียวปี้เฉิงรั้งองค์ชายห้าไม่ทัน อีกฝ่ายก็มุ่งหน้าไปยังห้องตำราแล้ว

จักรพรรดิจาวเหรินให้เขาไปหลังอาหารเย็น ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานัดหมาย

ความคิดหนึ่งลอยมาในหัวองค์ชายห้า ถึงตอนนี้จะไม่ใช่เวลาประชุมราชการกับพวกขุนนาง แต่อาลักษณ์กรมขุนนางก็กำลังเข้าเฝ้าจักรพรรดิอยู่ จึงเป็นโอกาสดี

เขานึกถึงคำพูดของเซียวปี้เฉิง จากนั้นก็สาวเท้าไปด้านหน้าประตูห้องตำราแล้วทิ้งตัวลงนอนบนพื้น

ส่งผลให้ขันทีเฝ้าหน้าประตูถึงกับสะดุ้งโหยง

“องค์ชายห้าเป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ?”

“องค์ชายห้า...”

“ช่วยด้วย องค์ชายห้าเป็นลมไปแล้ว”

องค์ชายห้าเพิ่งจะทำครั้งแรก จึงรู้สึกอายเล็กน้อย ตัดสินใจหลับตาแน่นไปเลย

ขันทีอื่นรีบเข้ามาดูสถานการณ์ เห็นใบหน้าเขาแดงปลั่ง สีหน้าตึงเครียด จึงเข้าใจว่าไม่สบายจริงๆ รีบลุกลนเข้าไปรายงานจักรพรรดิจาวเหริน

จักรพรรดิจาวเหรินกำลังคุยกับอาลักษณ์กรมขุนนางอย่างสนุกสนาน เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านนอก สีหน้าก็เปลี่ยนไป รีบออกไปดู

อาลักษณ์กรมขุนนางตกใจ “ต๊ายแล้ว เหตุใดองค์ชายห้าถึงมาเป็นลมที่นี่ได้? ป่วยเป็นโรคอันใดกัน?”

ฝูกงกงก็รีบโบกมือเรียกขันทีอื่น “มาเร็ว ๆ มาแบกองค์ชายห้าไปนอนบนตั่ง แล้วไปเรียกหมอหลวงมาด้วย”

“ไม่ต้องหรอกฝูกงกง ข้าไม่ได้ป่วย”

องค์ชายห้าพูดในขณะที่หลับตาแน่น ร่างกายแข็งทื่อจากความอับอาย

อาลักษณ์กรมขุนนางฉงนสนเท่ห์ “องค์ชายห้าเป็นอะไรไปหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

จักรพรรดิจาวเหรินเห็นภาพนี้แล้วก็รู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก ทันใดนั้นเหมือนเขาจะฉุกคิดอะไรได้ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เขาจะเรียกเจ้าห้ามาคุยเรื่องจื่อเถา แต่ลูกคนนี้ดันมาไม้นี้ มันคือ...

ไม่รอให้องค์ชายห้าเปิดปากพูด จักรพรรดิจาวเหรินก็ชิงพูดก่อนว่า “ขุนนางอันเป็นที่รัก สิ่งที่เจ้ากล่าวเมื่อครู่มีเหตุผล ชักช้าไม่ได้ เจ้ารีบออกจากวังแล้วไปปฏิบัติเถอะ”

อาลักษณ์กรมขุนนางมึนงง “ห้ะ? แต่ว่า...”

เมื่อครู่ยังไม่ได้บทสรุปเลยไม่ใช่หรือ?

“อย่ามัวแต่แต่ว่าอยู่เลย ไปจัดการตามที่ข้าสั่งการ จากนั้นก็ค่อยว่ากันอีกที”

“แล้วองค์ชายห้า...”

“ไม่ต้องสนใจเขา เขาแค่เดินสะดุดขา ไม่ตายหรอก”

เสียงร้อนใจของจักรพรรดิจาวเหรินเจือความเกรี้ยวกราด อาลักษณ์กรมขุนนางงงไปหมด แต่ก็ไม่กล้าถาม ได้แต่จากไปอย่างใจหายใจคว่ำ

หลังจากที่เขาเดินไปได้สิบกว่าก้าวก็อดพึมพำไม่ได้

“เหตุใดอยู่ ๆ ก็มักจะนอนบนพื้นกะทันหันเยี่ยงนี้ เมื่อก่อนเป็นท่านอ๋องจิ้ง ยามนี้เป็นองค์ชายห้า หรือพวกเขาสองพี่น้องเป็นโรคที่บอกใครไม่ได้?”

เมื่อจักรพรรดิจาวเหรินสั่งให้อาลักษณ์กรมขุนนางกลับไปอย่างรวดเร็ว ก็ให้ขันทีแบกองค์ชายห้าเข้าในห้องตำราเร็วที่สุด

“เสด็จพ่อ...”

จักพรรดิจาวเหรินแสยะยิ้มอย่างไม่สบอารมณ์ พูดแทรกเขาว่า “เจ้าสามสอนเจ้าใช่ไหม? จะทำให้ข้าตรอมใจตายหรือไร?”

ไฉนเขาจึงมีบุตรชายเพี้ยนๆ เยี่ยงนี้?

องค์ชายห้าเห็นดังนั้นก็สู้อย่างไม่กลัวชีวิต “ลูกยินดีแต่งกับจื่อเถาคนเดียว หากเสด็จพ่อไม่รับปาก ลูกก็จะนอนหน้าตำหนักทองหลวงต่อไปพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิจาวเหรินโกรธจนพูดไม่ออก อยากจะถีบเขาเพื่อระบายอารมณ์เหลือเกิน แต่สุดท้ายก็ทำไม่ลง

องค์ชายห้าเห็นเขาไม่พูด จึงขบฟันปล่อยท่าไม้ตาย “ลูกแตะต้องจื่อเถาได้เพียงคนเดียว หากต้องเข้าใกล้สตรีอื่น ลูกจะรู้สึกอยู่ไม่สู้ตาย เยี่ยงนี้ไม่สู้โกนผมออกบวชเลยจะดีกว่า ตัดขาดจากโลกภายนอก โรคนั้นจะได้ไม่เป็นปัญหากวนใจ”

จักรพรรดิจาวเหรินทั้งโกรธทั้งนึกขำ เขาตระหนักได้ว่าตัวเองพ่ายแพ้ให้กับลูกพวกนี้แล้วจริง ๆ

อาจเป็นเพราะแพ้ให้กับพวกอวิ๋นหลิงบ่อยครั้ง ความสามารถในการยอมรับจึงแกร่งขึ้น ตอนนี้เขาไม่รู้สึกปวดหน้าอกจากความเครียดแล้ว

แต่พวกลูกชายก่อเรื่องติดต่อกัน ชวนให้เขารู้สึกไร้กำลังและเหนื่อยล้าอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เขาเพิ่งสั่งการเรื่องรุ่ยอ๋องเสร็จ ตอนนี้องค์ชายห้าก็มาทำให้ปวดหัวอีกรายแล้ว

เขาไม่เข้าใจจริง ๆ เหตุใดบุรุษแคว้นต้าโจวถึงคลั่งรักเพียงนี้?

อวิ๋นหลิงได้ยินดังนั้นก็คิดว่าต้องโดนจักรพรรดิจาวเหรินด่าชุดใหญ่แน่ แต่ไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนหัวข้อการสนทนากะทันหัน

“แต่พวกเจ้าเคยใช้ลูกไม้นี้หนึ่งครั้งแล้ว อย่าคิดว่าข้าทำอะไรพวกเจ้าไม่ได้”

เซียวปี้เฉิงอดถามไม่ได้ “เสด็จพ่อตอบหยวนโม่เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ?”

“ข้าไม่ยุ่งเรื่องนี้หรอก บอกเขาว่าขอแค่เกลี้ยกล่อมเหลียงเฟยสำเร็จก็สุดแล้วแต่เขาเลย” จักรพรรดิจาวเหรินยิ้มเย็น น้ำเสียงแฝงความลำพองใจอย่างปิดไม่อยู่ “ครั้งนี้พวกเจ้าทำให้ข้าปวดหัวไม่ได้แล้ว”

ปล่อยให้เหลียงเฟยกับเจ้าห้าปวดหัวกันเอง ให้เจ้าห้าไปรบกวนคนอื่น เขาก็ไม่ได้หงุดหงิดใจแล้ว

จักรพรรดิจาวเหรินมองไปยังอวิ๋นหลิง อดพูดแบบมีความสุขบนความทุกข์คนอื่นไม่ได้ “พวกเจ้าสองคนก็อย่าดีใจเร็วเกินไป ถึงพระเจ้าหลวงยินยอมไม่ให้เจ้าสามแต่งกับสตรีอื่น แต่พวกขุนนางยังไม่อนุญาต”

หลังเจอเรื่องนี้จักรพรรดิจาวเหรินก็ตระหนักได้ว่า ไหน ๆ ก็เถียงสองผัวเมียนี้ไม่ชนะแล้ว เช่นนั้นก็ไม่สู้ให้คนอื่นมาถกเถียงกับพวกเขาแทน

เขาเริ่มฉลาดขึ้นมาแล้ว อย่างไรเสียก็มีคนคัดค้านเรื่องนี้เยอะ เหตุใดเขาต้องหาเห่าใส่หัว ทำให้ตัวเองอารมณ์เสียด้วย?

ต่อไปเขาจะไม่ยุ่งหรือควบคุมสิ่งใดแล้ว คอยดูสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ จะดีกว่า

“นังหนู เจ้าเก่งนะใช่ไหม ต่อไปก็ไปดวลฝีปากกับพวกตาเฒ่าแล้วกัน”

จักรพรรดิจาวเหรินจินตนาการภาพนั้นแล้วก็เหมือนได้แก้เผ็ด นั่งลงแล้วเริ่มกินข้าว

อวิ๋นหลิงกระตุกมุมปาก “...”

เซียวปี้เฉิงละอายใจจนเหงื่อตก เหมือนเสด็จพ่อจะเปลี่ยนไป และไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องเลวร้ายกันแน่?

จักรพรรดิจาวเหรินรู้สึกเจริญอาหารไม่เบา ไม่นานก็กินข้าวไปเกือบครึ่งถ้วย เขาเตรียมจะกินลูกชิ้นเนื้อ แต่กลับได้ยินเสียงเอะอะโวยวายและหนวกหูของสตรีส่งมาจากด้านนอก

“เกิดอะไรขึ้นด้านนอก?” หรือว่าเหลียงเฟยบุกมาอาละวาดถึงตำหนักฉางหนิง

ประเดี๋ยวต้องหาข้ออ้างโยนความผิดให้เจ้าสามกับเมีย เขาจะได้ไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องนี้

จักรพรรดิจาวเหรินนึกแผนในใจอยู่ ก็เห็นตงชิงที่ออกไปดูสถานการณ์ด้านนอก วิ่งกลับมารายงานแล้ว

“ทูลฝ่าบาท ฮองเฮาเสด็จมาเพคะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ