ความรักเป็นแรงขับเคลื่อนอันวิเศษ เซียวปี้เฉิงรั้งองค์ชายห้าไม่ทัน อีกฝ่ายก็มุ่งหน้าไปยังห้องตำราแล้ว
จักรพรรดิจาวเหรินให้เขาไปหลังอาหารเย็น ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานัดหมาย
ความคิดหนึ่งลอยมาในหัวองค์ชายห้า ถึงตอนนี้จะไม่ใช่เวลาประชุมราชการกับพวกขุนนาง แต่อาลักษณ์กรมขุนนางก็กำลังเข้าเฝ้าจักรพรรดิอยู่ จึงเป็นโอกาสดี
เขานึกถึงคำพูดของเซียวปี้เฉิง จากนั้นก็สาวเท้าไปด้านหน้าประตูห้องตำราแล้วทิ้งตัวลงนอนบนพื้น
ส่งผลให้ขันทีเฝ้าหน้าประตูถึงกับสะดุ้งโหยง
“องค์ชายห้าเป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ?”
“องค์ชายห้า...”
“ช่วยด้วย องค์ชายห้าเป็นลมไปแล้ว”
องค์ชายห้าเพิ่งจะทำครั้งแรก จึงรู้สึกอายเล็กน้อย ตัดสินใจหลับตาแน่นไปเลย
ขันทีอื่นรีบเข้ามาดูสถานการณ์ เห็นใบหน้าเขาแดงปลั่ง สีหน้าตึงเครียด จึงเข้าใจว่าไม่สบายจริงๆ รีบลุกลนเข้าไปรายงานจักรพรรดิจาวเหริน
จักรพรรดิจาวเหรินกำลังคุยกับอาลักษณ์กรมขุนนางอย่างสนุกสนาน เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านนอก สีหน้าก็เปลี่ยนไป รีบออกไปดู
อาลักษณ์กรมขุนนางตกใจ “ต๊ายแล้ว เหตุใดองค์ชายห้าถึงมาเป็นลมที่นี่ได้? ป่วยเป็นโรคอันใดกัน?”
ฝูกงกงก็รีบโบกมือเรียกขันทีอื่น “มาเร็ว ๆ มาแบกองค์ชายห้าไปนอนบนตั่ง แล้วไปเรียกหมอหลวงมาด้วย”
“ไม่ต้องหรอกฝูกงกง ข้าไม่ได้ป่วย”
องค์ชายห้าพูดในขณะที่หลับตาแน่น ร่างกายแข็งทื่อจากความอับอาย
อาลักษณ์กรมขุนนางฉงนสนเท่ห์ “องค์ชายห้าเป็นอะไรไปหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
จักรพรรดิจาวเหรินเห็นภาพนี้แล้วก็รู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก ทันใดนั้นเหมือนเขาจะฉุกคิดอะไรได้ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาจะเรียกเจ้าห้ามาคุยเรื่องจื่อเถา แต่ลูกคนนี้ดันมาไม้นี้ มันคือ...
ไม่รอให้องค์ชายห้าเปิดปากพูด จักรพรรดิจาวเหรินก็ชิงพูดก่อนว่า “ขุนนางอันเป็นที่รัก สิ่งที่เจ้ากล่าวเมื่อครู่มีเหตุผล ชักช้าไม่ได้ เจ้ารีบออกจากวังแล้วไปปฏิบัติเถอะ”
อาลักษณ์กรมขุนนางมึนงง “ห้ะ? แต่ว่า...”
เมื่อครู่ยังไม่ได้บทสรุปเลยไม่ใช่หรือ?
“อย่ามัวแต่แต่ว่าอยู่เลย ไปจัดการตามที่ข้าสั่งการ จากนั้นก็ค่อยว่ากันอีกที”
“แล้วองค์ชายห้า...”
“ไม่ต้องสนใจเขา เขาแค่เดินสะดุดขา ไม่ตายหรอก”
เสียงร้อนใจของจักรพรรดิจาวเหรินเจือความเกรี้ยวกราด อาลักษณ์กรมขุนนางงงไปหมด แต่ก็ไม่กล้าถาม ได้แต่จากไปอย่างใจหายใจคว่ำ
หลังจากที่เขาเดินไปได้สิบกว่าก้าวก็อดพึมพำไม่ได้
“เหตุใดอยู่ ๆ ก็มักจะนอนบนพื้นกะทันหันเยี่ยงนี้ เมื่อก่อนเป็นท่านอ๋องจิ้ง ยามนี้เป็นองค์ชายห้า หรือพวกเขาสองพี่น้องเป็นโรคที่บอกใครไม่ได้?”
เมื่อจักรพรรดิจาวเหรินสั่งให้อาลักษณ์กรมขุนนางกลับไปอย่างรวดเร็ว ก็ให้ขันทีแบกองค์ชายห้าเข้าในห้องตำราเร็วที่สุด
“เสด็จพ่อ...”
จักพรรดิจาวเหรินแสยะยิ้มอย่างไม่สบอารมณ์ พูดแทรกเขาว่า “เจ้าสามสอนเจ้าใช่ไหม? จะทำให้ข้าตรอมใจตายหรือไร?”
ไฉนเขาจึงมีบุตรชายเพี้ยนๆ เยี่ยงนี้?
องค์ชายห้าเห็นดังนั้นก็สู้อย่างไม่กลัวชีวิต “ลูกยินดีแต่งกับจื่อเถาคนเดียว หากเสด็จพ่อไม่รับปาก ลูกก็จะนอนหน้าตำหนักทองหลวงต่อไปพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิจาวเหรินโกรธจนพูดไม่ออก อยากจะถีบเขาเพื่อระบายอารมณ์เหลือเกิน แต่สุดท้ายก็ทำไม่ลง
องค์ชายห้าเห็นเขาไม่พูด จึงขบฟันปล่อยท่าไม้ตาย “ลูกแตะต้องจื่อเถาได้เพียงคนเดียว หากต้องเข้าใกล้สตรีอื่น ลูกจะรู้สึกอยู่ไม่สู้ตาย เยี่ยงนี้ไม่สู้โกนผมออกบวชเลยจะดีกว่า ตัดขาดจากโลกภายนอก โรคนั้นจะได้ไม่เป็นปัญหากวนใจ”
จักรพรรดิจาวเหรินทั้งโกรธทั้งนึกขำ เขาตระหนักได้ว่าตัวเองพ่ายแพ้ให้กับลูกพวกนี้แล้วจริง ๆ
อาจเป็นเพราะแพ้ให้กับพวกอวิ๋นหลิงบ่อยครั้ง ความสามารถในการยอมรับจึงแกร่งขึ้น ตอนนี้เขาไม่รู้สึกปวดหน้าอกจากความเครียดแล้ว
แต่พวกลูกชายก่อเรื่องติดต่อกัน ชวนให้เขารู้สึกไร้กำลังและเหนื่อยล้าอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เขาเพิ่งสั่งการเรื่องรุ่ยอ๋องเสร็จ ตอนนี้องค์ชายห้าก็มาทำให้ปวดหัวอีกรายแล้ว
เขาไม่เข้าใจจริง ๆ เหตุใดบุรุษแคว้นต้าโจวถึงคลั่งรักเพียงนี้?
อวิ๋นหลิงได้ยินดังนั้นก็คิดว่าต้องโดนจักรพรรดิจาวเหรินด่าชุดใหญ่แน่ แต่ไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนหัวข้อการสนทนากะทันหัน
“แต่พวกเจ้าเคยใช้ลูกไม้นี้หนึ่งครั้งแล้ว อย่าคิดว่าข้าทำอะไรพวกเจ้าไม่ได้”
เซียวปี้เฉิงอดถามไม่ได้ “เสด็จพ่อตอบหยวนโม่เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ?”
“ข้าไม่ยุ่งเรื่องนี้หรอก บอกเขาว่าขอแค่เกลี้ยกล่อมเหลียงเฟยสำเร็จก็สุดแล้วแต่เขาเลย” จักรพรรดิจาวเหรินยิ้มเย็น น้ำเสียงแฝงความลำพองใจอย่างปิดไม่อยู่ “ครั้งนี้พวกเจ้าทำให้ข้าปวดหัวไม่ได้แล้ว”
ปล่อยให้เหลียงเฟยกับเจ้าห้าปวดหัวกันเอง ให้เจ้าห้าไปรบกวนคนอื่น เขาก็ไม่ได้หงุดหงิดใจแล้ว
จักรพรรดิจาวเหรินมองไปยังอวิ๋นหลิง อดพูดแบบมีความสุขบนความทุกข์คนอื่นไม่ได้ “พวกเจ้าสองคนก็อย่าดีใจเร็วเกินไป ถึงพระเจ้าหลวงยินยอมไม่ให้เจ้าสามแต่งกับสตรีอื่น แต่พวกขุนนางยังไม่อนุญาต”
หลังเจอเรื่องนี้จักรพรรดิจาวเหรินก็ตระหนักได้ว่า ไหน ๆ ก็เถียงสองผัวเมียนี้ไม่ชนะแล้ว เช่นนั้นก็ไม่สู้ให้คนอื่นมาถกเถียงกับพวกเขาแทน
เขาเริ่มฉลาดขึ้นมาแล้ว อย่างไรเสียก็มีคนคัดค้านเรื่องนี้เยอะ เหตุใดเขาต้องหาเห่าใส่หัว ทำให้ตัวเองอารมณ์เสียด้วย?
ต่อไปเขาจะไม่ยุ่งหรือควบคุมสิ่งใดแล้ว คอยดูสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ จะดีกว่า
“นังหนู เจ้าเก่งนะใช่ไหม ต่อไปก็ไปดวลฝีปากกับพวกตาเฒ่าแล้วกัน”
จักรพรรดิจาวเหรินจินตนาการภาพนั้นแล้วก็เหมือนได้แก้เผ็ด นั่งลงแล้วเริ่มกินข้าว
อวิ๋นหลิงกระตุกมุมปาก “...”
เซียวปี้เฉิงละอายใจจนเหงื่อตก เหมือนเสด็จพ่อจะเปลี่ยนไป และไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องเลวร้ายกันแน่?
จักรพรรดิจาวเหรินรู้สึกเจริญอาหารไม่เบา ไม่นานก็กินข้าวไปเกือบครึ่งถ้วย เขาเตรียมจะกินลูกชิ้นเนื้อ แต่กลับได้ยินเสียงเอะอะโวยวายและหนวกหูของสตรีส่งมาจากด้านนอก
“เกิดอะไรขึ้นด้านนอก?” หรือว่าเหลียงเฟยบุกมาอาละวาดถึงตำหนักฉางหนิง
ประเดี๋ยวต้องหาข้ออ้างโยนความผิดให้เจ้าสามกับเมีย เขาจะได้ไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องนี้
จักรพรรดิจาวเหรินนึกแผนในใจอยู่ ก็เห็นตงชิงที่ออกไปดูสถานการณ์ด้านนอก วิ่งกลับมารายงานแล้ว
“ทูลฝ่าบาท ฮองเฮาเสด็จมาเพคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...