หลังจากเหตุก่อกบฏ ฮองเฮาเฟิงเองก็ได้รับอนุญาตให้พักฟื้นชั่วคราวในตำหนักเฟิ่งซีเป็นเวลาสองสามเดือน
เวลาผ่านไปเพียงครึ่งเดือน จู่ๆ จักรพรรดิจาวเหรินก็ออกคำสั่งให้ส่งฮองเฮาเฟิงกลับไปยังศาลบรรพชน สั่งห้ามทุกคนไม่ให้พบนาง
องค์หญิงหกทั้งร้อนใจทั้งสับสน ไม่รู้ว่าเสด็จแม่ทำอะไรผิดอีก จนไปยั่วโทสะจักรพรรดิจาวเหรินเช่นนี้
นางอยากจะถามให้กระจ่างมาตั้งนานแล้ว ทว่าสองวันนี้จักรพรรดิจาวเหรินทรงปฏิเสธไม่ให้นางเข้าเยี่ยมมาตลอด วันนี้เป็นวันที่สามแล้วที่นางมายังห้องตำรา แต่ไม่คาดคิดว่าจะบังเอิญได้ยินข่าวที่น่าตกใจเช่นนี้
“...มอบความตาย...เสด็จแม่?”
องค์หญิงหกรู้สึกตื่นตระหนกระคนหวาดกลัวในใจวูบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้บุ่มบ่ามพุ่งไปยังห้องตำราเหมือนเมื่อก่อน
หลังจากฮองเฮาถูกควบคุมอยู่ในศาลบรรพชน จักรพรรดิจาวเหรินก็มอบนางให้พระพันปีสั่งสอนอบรม พระพันปีโปรดกินเจและสวดมนต์ ยามปกติจะอยู่ในวังทุกๆ ครึ่งเดือน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะไปอยู่ที่วัดหานซาน
หลังจากได้รับการสั่งสอนเช่นนี้มาครึ่งปี อุปนิสัยใจคอขององค์หญิงหกก็เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก
ตระกูลเฟิงประสบกับเหตุการณ์เลวร้ายหลายครั้ง รุ่ยอ๋อง พี่ชายแท้ๆ ก็เคราะห์ซ้ำกรรมซัด จักรพรรดิจาวเหรินไม่ได้ให้ท้ายนางอย่างไม่มีเงื่อนไขอย่างเมื่อก่อนอีก องค์หญิงหกมิได้หยิ่งยโสจองหองเหมือนในอดีต ค่อยๆ เรียนรู้จะควบคุมตัวเองและประเมินสถานการณ์
แต่ข่าวนี้น่าตกใจเหลือเกิน องค์หญิงหกสูดหายใจเข้าลึกๆ ฝืนใจกัดฟันวิ่งไปที่ศาลบรรพชน
นางเดินด้วยความตื่นตระหนกระคนร้อนรน ป้ายหยกที่อยู่ตรงหว่างเอวพลัดหล่นลงพื้นบังเกิดเสียงดังกังวาน ทว่านางก็ยังสังเกตไม่เห็น
ฝูกงกงผลักเปิดประตูห้องตำราออกไป เห็นอัญมณีชิ้นหนึ่งอยู่บนพื้น สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาเรียกองครักษ์ที่เพิ่งถูกไล่ออกไปมาถาม “เมื่อครู่มีใครมาที่ห้องตำรา”
“เรียนฝูกงกง องค์หญิงหกเพิ่งมา แล้วก็เพิ่งเดินจากไปเมื่อครู่”
ฝูกงกงขมวดคิ้วแน่น รีบย่ำเท้ากลับไปยังห้องตำรา แล้วปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา
......
อีกด้านหนึ่ง องค์หญิงหกหลบเลี่ยงนางกำนัลอย่างเงียบๆ ปีนข้ามกำแพงเตี้ยๆ ลอบเข้าไปในศาลบรรพชน เห็นฮองเฮาเฟิงผ่านช่องว่างหน้าต่างกระดาษสองสามช่อง
“เสด็จแม่...เสด็จแม่!”
ฮองเฮาเฟิงนั่งบนเบาะรองด้วยสีหน้าเลื่อนลอย หลังจากได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย ก็เพ่งสายตามองไปเล็กน้อย
“หรงเอ๋อร์หรือ เจ้าแอบเข้ามาได้อย่างไร…”
องค์หญิงหกดูกังวล เบาเสียงลงเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “เสด็จแม่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดเสด็จพ่อจึงพูดกับฝูกงกงว่าจะลงโทษประหารชีวิตท่าน”
ได้ยินข่าวนี้ สีหน้าท่าทางของฮองเฮาเฟิงก็เปลี่ยนไปอย่างมาก มองนางอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าพูดอะไร ฝ่าบาทจะลงโทษประหารชีวิตข้าหรือ”
ถูกขังอยู่ในศาลบรรพชนสองวัน นางก็ค่อยๆ สูญสิ้นความหวัง รู้ตัวว่าหนีไม่พ้นชะตากรรมถูกปลดออกจากฐานันดรศักดิ์
แต่เดิมคิดว่าด้วยความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากับจักรพรรดิจาวเหรินอันยาวนานหลายปี ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายจะไว้ชีวิตนาง แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะประทานความตายให้นาง!
“หรงเอ๋อร์เพิ่งได้ยินตอนอยู่หน้าห้องตำรา เสด็จแม่ โปรดบอกข้าเร็วๆ ว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ฮองเฮาเฟิงรู้สึกเหมือนตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็ง ผ่านไปพักใหญ่กว่าจะได้สติจากอารามตกใจ ในที่สุดก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ นางสั่นเล็กน้อยไปทั้งตัว ในใจรู้สึกหวาดกลัวอย่างมิอาจควบคุม
“เร็ว...เร็วเข้า! หรงเอ๋อร์เลิกถามมากความได้แล้ว รีบไปหาพี่ใหญ่เจ้าไวๆ มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะช่วยแม่ได้! ไปเร็ว!”
องค์หญิงหกตกใจจนใบหน้าขาวซีด จึงไม่สนใจซักถามสาเหตุ พอเห็นฮองเฮาเฟิงตื่นตระหนกอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ก็ได้แต่รีบขึ้นรถม้าออกจากพระราชวังไป
ภายในจวนรุ่ยอ๋องเงียบสงัดวังเวง รุ่ยอ๋องนั่งอยู่คนเดียวหน้าโต๊ะหินในลานบ้าน จ้องมองบทละครบนโต๊ะอย่างงุนงง
เมื่อก่อนสามารถอ่านหนังสือซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้โดยไม่รู้สึกเบื่อ แต่บัดนี้อ่านไม่ได้เลยแม้แต่บรรทัดเดียว
ขาดคนข้างกายที่จะมาหัวร่อต่อกระซิกด้วยกัน ชิงช้าใต้ต้นไม้เก่าแก่เลยดูโดดเดี่ยวเงียบเหงา
อากาศอันเงียบสงบถูกองค์หญิงหกที่มาเยือนทำลายลงอย่างรวดเร็ว “พี่ใหญ่ แย่แล้วๆ! ท่านรีบเข้าวังไปช่วยเสด็จแม่เถอะ ข้าได้ยินเสด็จพ่อพูดกับฝูกงกงว่าจะมอบโทษประหารให้เสด็จแม่!”
จำเสียงตื่นตระหนกขององค์หญิงหกในลานบ้านได้ รุ่ยอ๋องพลันตกตะลึง
“น้องสะใภ้สาม...โปรดบอกข้าที ตกลงเสด็จแม่ทำอะไรผิดกันแน่ จึงทำให้เสด็จพ่อต้องลงโทษประหาร?”
อวิ๋นหลิงเห็นท่าทางอดทนของเขา ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สีหน้าพลอยผ่อนคลายลงไปด้วย
นางมองรุ่ยอ๋องด้วยสายตาซับซ้อน เอ่ยเนิบช้า “ฮองเฮาเฟิงปองร้ายรัชทายาทกับนางสนมในวังหลัง นางยอมรับเองกับปาก ประกอบกับหลักฐานแน่นหนา ด้วยเหตุนี้เสด็จพ่อจึงลงโทษประหารชีวิตนาง”
อวิ๋นหลิงไม่ได้ปิดบังอะไร บอกความจริงที่ฮองเฮาเฟิงทำทุกอย่างตลอดหลายปีที่ผ่านมา
องค์หญิงหกฟังเรื่องราวทั้งหมดนี้จบลง ก็รู้สึกหน้ามืดตาลาย เข่าอ่อนทรุดล้มลงกับพื้น
“โอ้สวรรค์...โอ้สวรรค์...!”
รุ่ยอ๋องรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ร่างกายพลันแข็งทื่อ ผ่านไปครู่ใหญ่ก็เอ่ยถามตะกุกตะกัก “...มารดา...มารดาบังเกิดเกล้าของเจ้าสามคือ...ถูกเสด็จแม่ฆ่าหรือ”
“วันที่จวิ้นกุ้ยเหรินคลอดบุตรนั้น ฮองเฮาปิดข่าวที่นางคลอดบุตรยากไว้ ไม่อนุญาตให้หมอตำแยทำคลอดนาง หมายจะให้เด็กที่ยังไม่ลืมตาดูโลกหายใจไม่ออก ฆ่านางสองแม่ลูกให้ตายทั้งกลม”
อวิ๋นหลิงมองเขานิ่งๆ สายตาเย็นชาและไม่สั่นไหว “ดังนั้นฮองเฮาจะต้องตาย นางสมควรได้รับโทษ พวกท่านไม่ต้องพยายามคิดเพ้อฝันอ้อนวอนแทนนาง”
รุ่ยอ๋องยืนอยู่ตรงนั่นด้วยอารามอกสั่นขวัญแขวน น้ำตาร้อนผ่าวไหลร่วงเผาะลงมา
เหตุใด...เหตุใดเสด็จแม่ทำเช่นนี้เล่า
คนที่สอนให้เขามีมารยาท ยุติธรรม ซื่อสัตย์ ละอายใจมาตั้งแต่เด็ก บอกให้เขามีน้ำใจต่อผู้คน รักประชาชนและเมตตาต่อทุกสรรพสิ่งนั้น มิใช่นางหรอกหรือ
รุ่ยอ๋องรู้สึกว่าในใจมีบางอย่างแตกสลายและพังภินท์ลง วิงเวียนศีรษะเบื้องหน้ามืดมน เขาบังคับตัวเองให้มีสติ สะอึกสะอื้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างยากลำบาก
“...ลิขิตฟ้าแจ่มชัดเหลือขัดขืน อย่าได้ฝืนวางอุบายให้ร้ายเขา”
เขาเคยอ่านประโยคนี้ในหนังสือมาก่อน แต่จนกระทั่งผ่านเหตุการณ์ในคุกใต้ดินครานั้น ทำให้เขาเข้าใจความหมายของมันอย่างแท้จริง
รุ่ยอ๋องตาแดงก่ำ มองไปทางอวิ๋นหลิงอย่างลึกล้ำ “น้องสะใภ้สาม...ข้าจะไม่วิงวอนแทนนาง แค่ขอให้เจ้าอะลุ่มอล่วยสักครั้งจะได้หรือไม่...ให้ข้าได้พบนางเป็นครั้งสุดท้าย?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...