พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 409

ลู่ฉีไม่เข้าใจ ทำไมหลิวฉิงจึงสามารถกินน่องไก่ทอดตั้งมากมายลงไปโดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสี

“พระชายา การรับรู้รสชาติของศิษย์พี่ท่านมีปัญหาใช่หรือไม่ ทุกครั้งที่อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนทอดน่องไก่จานใหญ่ นางสามารถกินได้โดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสีเลย ท่านต้องหาเวลาว่างตรวจดูนางบ้างแล้ว”

สำหรับหลิวฉิงแล้ว แม้ว่าน่องไก่ทอดที่กู้ฉางเซินทำจะมีรสชาติเทียบไม่ได้กับฝีมือของอวิ๋นหลิง แต่ก็อร่อยกว่าแมลงตัวเป็นๆมาก ดังนั้นจึงไว้หน้าด้วยการกินหมดจานทุกครั้ง

แต่ในมุมของกู้ฉางเซิน แม้ว่าหลิวฉิงจะไม่เคยชมว่าน่องไก่ทอดที่เขาทำอร่อย แต่การกระทำได้ยืนยันทุกสิ่งแล้ว สิ่งนี้ทำให้เขามั่นใจมากอย่างไม่ต้องสงสัย

อวิ๋นหลิงก็รู้สึกหิวมาก โบกมือพลางพูดว่า “พอแล้วไม่ต้องพูดมากแล้ว รีบเอาอาหารสัตว์จานนี้ลงไป ให้ทางห้องครัวทำบะหมี่ราดหน้าไข่มาสองที่ ทำให้มันเงียบๆหน่อย”

ลู่ฉีทำหน้ามุ่ย “ในห้องครัวเหลือไข่ไก่แค่หนึ่งฟอง ใต้เท้าเฉียวยังไม่ทันให้คนไปซื้อมา แม่นมบอกว่าต้องเก็บไว้ทำไข่ตุ๋นให้กับคุณชายน้อยทั้งสองพรุ่งนี้เช้าพ่ะย่ะค่ะ”

อ๋องผู้สำเร็จราชการรู้สึกว่าฝีมือการทอดไก่ของตนเองไม่เลว ก็มีความคิดที่จะเรียนการทำเค้กครีมขึ้นมา แค่ไม่กี่วันก็ใช้ไข่ไก่ในจวนจนหมดแล้ว

อวิ๋นหลิง “......ช่างเถอะ เช่นนั้นก็ทำบะหมี่ธรรมดามาสองถ้วยเถอะ”

บ้านของผู้ที่มีอำนาจบารมีจะไม่เก็บกับข้าวเหลือของแต่ละวันเอาไว้ หากมีเหลือก็จะแบ่งให้พวกบ่าวรับใช้กิน ทั้งสองคนจึงได้แต่กินบะหมี่ต้มน้ำเกลือ แกล้มกับผักใบเขียวนิดหน่อยและผัดดองเค็มให้พอถูไถไปได้หนึ่งมื้อ

หลังจากกินข้าวล้างหน้าบ้วนปากแล้ว เซียวปี้เฉิงก็นั่งลงตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งของอวิ๋นหลิง จากนั้นก็หยิบ”น้ำเซียน” ของนางขึ้นมาทาไปที่ใบหน้าของตนเอง

ก่อนหน้านี้เขาเคยถูกลู่ฉีเปิดโปง ตอนนี้จึงไม่แอบทำลับๆล่อๆเพื่อให้ผิวขาวอีกต่อไป ทำทุกอย่างอย่างเปิดเผยมาก

เขาทาหน้าไปด้วย บ่นเรื่องความฟุ่มเฟือยของหลิวฉิงกับกู้ฉางเซินไปด้วย

อวิ๋นหลิงนอนอยู่บนเตียงสั่งสอนเขา “ท่านเป็นผู้ชายอย่าได้ขี้งกนักเลย ก็แค่ใช้ไข่ไก่ของท่านไปไม่กี่ฟอง เขาก็ใช่ว่าจะไม่ให้เงิน”

เซียวปี้เฉิงถูกพระเจ้าหลวงเลี้ยงดูสั่งสอนด้วยตนเองมาตั้งแต่เด็ก เลี่ยงไม่ที่จะได้รับการอบรมให้มีนิสัยประหยัดเหมือนอีกฝ่าย

ยิ่งไปกว่านั้นแคว้นต้าโจวก็เคยชินกับความยากจน เขาเองก็ไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร เมื่อคิดถึงเรื่องที่ต้องสิ้นเปลืองน่องไก่กับไข่ไก่ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ

“แต่การสิ้นเปลืองย่อมไม่ถูกต้อง ครั้งนี้สหายกู้ทำได้ไม่ถูกต้อง”

“ท่านจะไปรู้อะไร แม้จะสิ้นเปลืองน่องไก่ไปสองสามชิ้น แต่ว่าพี่ฉิงกับเจ้าหวังได้รับโอกาสที่จะบ่มเพาะความรู้สึกร่วมกัน นี่เป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง”

เซียวปี้เฉิงพึมพำเบาๆ “ตอนนี้เห็นทีเขาทั้งสองคนเกิดมาเพื่อคู่กันจริงๆ รีบรับเอาอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของกันและกันเถอะ จะได้ไม่เป็นหายนะต่อคนผู้อื่น รสชาตินั้นให้ข้าได้ชิมอีกครั้ง คงต้องอาเจียนอาหารที่กินเข้าก่อนหน้านี้ออกมาแน่”

“ถ้าขืนยังพูดมากอีก ท่านก็ไม่ต้องใช้น้ำเซียนของข้าอีก”

อวิ๋นหลิงคิดว่าสิ้นเปลืองเป็นแค่ข้ออ้าง เขาก็แค่อิจฉาริษยาที่คนอื่นมีเงิน รู้สึกไม่พอใจ

เซียวปี้เฉิงรีบหุบปากทันที ไม่พูดก็ไม่พูด

ก็แค่ไข่ไก่ไม่กี่ฟอง ย่อมสำคัญเทียบไม่ได้กับเรื่องผิวขาวของเขา

แม้จะไม่ได้มีความเห็นต่อเรื่องน่องไก่ทอดของกู้ฉางเซินอีก แต่เซียวปี้เฉิงยังคงหาข้ออ้าง ช่วยชีวิตคนในจวนทั้งบนล่างจากความยากลำบาก

“สหายกู้ หลิงเอ๋อร์บอกว่าอาหารทอดกินมากไปจะไม่ดีต่อร่างกาย กินทุกวันจะทำให้อ้วนง่าย อ้วนแล้วจะทำให้เกิดโรคสามสูง......”

กู้ฉางเซินสีหน้าแข็งค้าง เขาไม่รู้ว่าอะไรคือโรคสามสูง แต่เขาไม่อยากอ้วน

ดังคำที่ว่า “สตรีตั้งใจแต่งหน้าเพื่อคนรัก” สำหรับผู้ชายแล้วก็มีเหตุผลเช่นเดียวกัน

“ขอบคุณที่เตือน หลายวันนี้นี้กินของมันเลี่ยนมากไปหน่อย ควรจะเข้าครัวทำอาหารรสจืดบ้างแล้ว”

หลังจากนั้น ในที่สุดเขาก็ไม่เข้าครัวทำไก่ทอดอีก เซียวปี้เฉิงรู้สึกโล่งใจมาก

แม้ว่าจักรพรรดิจาวเหรินจะให้เขาหยุดพักผ่อนเป็นเวลาครึ่งเดือน แต่คาดว่าช่วงเวลาหยุดพักก็คงไม่ได้อยู่อย่างสงบและสบายมากมัก เมื่อมีฎีกาคำสั่งแต่งตั้งองค์รัชทายาทลงมา ไม่ช้าก็ได้รับเทียบเยี่ยมเยือนและเทียบเชิญมากมาย

เมื่อก่อนอวิ๋นหลิงเห็นของพวกนี้ทีไรก็รู้สึกปวดหัวทุกที ตอนนี้ได้แต่ยืดอกยอมรับ จัดเตรียมลำดับขั้นตอนให้ดี

เซียวปี้เฉิงยิ้มพลางพยักหน้า “จวนเหวินกั๋วกงเพิ่งจะส่งข่าวมา ยังไม่ครบสองเดือน พวกเราเตรียมของขวัญ คืนนี้ไปเยี่ยมพวกอวิ๋นเจ๋อกัน”

เขาพูดจบ ก็สั่งการเฉียวเย่ให้ทางห้องเก็บของจัดเตรียมสิ่งของ

ใบหน้าของอวิ๋นหลิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หลายวันมานี้มีเรื่องให้กังวลใจไม่หยุดหย่อน ในที่สุดก็นับว่าได้ยินข่าวดีแล้ว

จะว่าไปนางก็ยุ่งจนหัวหมุนไปหมด ไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านมารดานานแล้ว

หลังจากที่เตรียมของขวัญเสร็จ คืนนั้นสองสามีภรรยาก็นั่งรถม้ากลับไปยังจวนเหวินกั๋วกง

เพราะจิ้งอ๋องกำลังจะถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาทแล้ว สองวันมานี้มีคนเดินเข้าออกจวนเพื่อมาประจบสอพลอก็ไม่น้อย รัฐทายาทผู้เฒ่าที่เคยถูกเหล่าขุนนางหัวเราะเยาะเย้ยและเมินเฉยสถานการณ์พลิกกลับทันที กลายเป็นบุคคลที่ถูกผู้คนสรรเสริญในชั่วพริบตา

ใครจะไปคาดคิด รัฐทายาทแห่งจวนเหวินกั๋วกงที่ใช้ชีวิตธรรมดาไม่ทำอะไรเลยมาครึ่งค่อนชีวิต นึกไม่ถึงว่าจะโชคดีได้เป็นว่าที่พระสัสสุระในวันหนึ่ง

อวิ๋นหลิงเพิ่งจะลงมาจากรถม้า ก็พบรัฐทายาทผู้เฒ่ายิ้มแย้มอย่างภาคภูมิใจ สีหน้าสบายอกสบายใจ

มีขุนนางคนหนึ่งเอ่ยลากับเขาด้วยท่าทีจริงจังกระตือรือร้น “พี่ฉู่ วันนี้ได้รับเทียบเชิญของข้าแล้ว พรุ่งนี้ท่านต้องไปตามนัดให้ได้นะขอรับ”

รัฐทายาทผู้เฒ่าลูบหนวดเครา ยิ้มได้เบิกบานใจยิ่งกว่าสุนัขข้างบ้านเสียอีก “โธ่เอ๊ย ต้องไปแน่นอน”

พอขุนนางคนนั้นจากไปแล้ว ท่านแม่ของอวิ๋นหลิงนางเฉินก็รีบเดินออกมาที่ประตู มองรัฐทายาทผู้เฒ่าด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“ท่านจะไปตามนัดอะไรกัน วันนี้คนนี้มาขอร้องท่าน พรุ่งนี้คนนั้นมาขอร้องท่าน ท่านอย่าได้รับปากทุกเรื่องเชียวนะ พอทำไม่ได้ก็เอาชื่อเสียงของสองสามีภรรยาหลิงเอ๋อร์ไปอ้าง สุดท้ายแล้วก็เป็นการเพิ่มปัญหาให้พวกเขา”

รัฐทายาทผู้เฒ่าไม่มีทีท่าเหมือนแต่ก่อน มองนางเฉินด้วยท่ามีขลาดกลัว ยิ้มอย่างใจดีสู้เสือพลางพูดว่า “ฮูหยินคิดมากไปแล้ว ข้าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้อย่างไร ก็แค่พูดไปตามมารยาทเท่านั้น เจ้าวางใจได้ ในใจข้านั้นเข้าใจทุกอย่างดี”

อวิ๋นหลิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำในใจ เห็นทีตำแหน่งในครอบครัวของรัฐทายาทผู้เฒ่ากับนางเฉินจะมีการสลับขั้วซะแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ