พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 426

มะเขือเทศกิ่งนั้นเป็นพันธุ์ที่อวิ๋นหลิงเพาะพันธุ์ปรับปรุงมานาน

ถึงแม้ว่าสมุนไพรจะล้ำค่ามาก แต่ว่านางได้มาแค่เมล็ดเดียว แค่อาศัยพลังจิตเร่งการเจริญเติบโตเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำให้อุดมสมบูรณ์มาก

แต่มะเขือเทศไม่เหมือนกัน มะเขือเทศของแคว้นต้าโจวทั่วไปจะเปรี้ยวมาก อวิ๋นหลิงท้อมานานมากแล้วแต่ว่าพระเจ้าหลวงนั้นชอบมาก

นับตั้งแต่ที่ทอดมันฝรั่งจนกลายเป็นขนมที่จวนจิ้งอ๋องเตรียมไว้เป็นประจำแล้ว นางก็เฝ้าปรารถนาอยากทําซอสมะเขือเทศที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นในเวลาท่ามกลางความยุ่งก็จะหาเวลาทําการทดลองเพื่อเพาะพันธุ์มะเขือเทศที่ปรับปรุงใหม่

หลังจากที่อวิ๋นหลิงทําการทดลองและทดลองผสมพันธุ์แล้ว ในที่สุดก็เพาะพันธุ์พันธุ์มะเขือเทศที่แสนอร่อยและถูกปาก ซึ่งสามารถนำมาเป็นผลไม้ทานได้ อีกทั้งยังเป็นพันธุ์ที่เหมาะกับซอสมะเขือเทศอีก

ผลไม้สิบลูกที่ได้มาอย่างยากลําบากนี้ ล้วนเป็นผลไม้ที่นางเตรียมที่จะอยู่ต่อเพื่อปลูก แต่ตอนนี้ถูกเจ้าหัวขโมยเอาไปกินลูกหนึ่ง

สิ่งที่กินนั้นไม่ใช่มะเขือเทศ แต่เป็นเวลาและหัวใจที่รวบรวมพลังจิตที่นางใช้เลยหนา!

เมื่อเซียวปี้เฉิงมองดูสภาพที่น่าสังเวชของแปลงผัก จึงถามนางว่า “สมุนไพรหายไปจะส่งผลต่อการแก้พิษของสหายกู้ไหม?”

อวิ๋นหลิงส่ายหัวด้วยสีหน้าหมองคล้ำ “สมุนไพรที่พี่ใหญ่ต้องการใช้ข้าได้เก็บไว้ตอหนึ่งแล้ว ของในไร่เป็นตอที่สอง ไม่มีส่งผลต่อการทำยาให้เขา”

จากนั้นนางก็นับความเสียหายด้วยความโกรธ พร้อมกับพบว่ามีหลุมขนาดใหญ่และขนาดเล็กมากกว่าสิบหลุม สมุนไพรที่ถูกขุดไปข้างในไม่เหลือแม้แต่ราก

ทั้งหมดนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่หายากมีราคา ประจวบกับพืชที่ถูกทับหักเหล่านั้น คิดคำนวณเป็นเงินจำนวนไม่น้อยต้องมีประมาณหนึ่งแสนชั่งเห็นจะได้

หนึ่งแสนชั่ง!

สีหน้าของเซียวปี้เฉิงเองก็ไม่ดีนัก เรื่องไปเกิดขึ้นกับใครก็หัวเราะไม่ออกทั้งนั้น พูดง่าย ๆ ว่าทำให้คนถึงระดับเป็นซึมเศร้าได้

เยี่ยเจ๋อเฟิงสีหน้ารู้สึกผิด กล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “หัวขโมยคนนั้นมีสหายผู้หญิง ข้าคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นใช้วิชามอมเมาของแคว้นเหมียวเจียงเป็นด้วย ความประมาทชั่วขณะนั้นจึงปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้”

ถ้าหากตั้งแต่รู้แต่เนิ่น ๆ ว่าสิ่งที่ถูกขโมยเป็นสมุนไพรที่ล้ำค่าขนาดนี้ ไม่ว่าพูดอะไรเขาก็จะต้องจับสองคนนั้นไว้

อีกฝ่ายรีบวิ่งหนีไป ทิ้งไว้แค่เพียงกางเกงสีเขียวไม้ไผ่ที่ถูกกระชากเป็นผ้าขี้ริ้วเช่นนี้

“ลวดลายบนผ้าแบบนี้เป็นสไตล์ของแคว้นถังใต้พวกนั้น” เซียวปี้เฉิงมองอย่างพิถีพิถัน จากนั้นขมวดคิ้วขึ้น “บวกกับวิชามอมเมานั่น...ดูเหมือนว่าไอ้หัวขโมยจะมาจากแคว้นถังใต้”

วิชามอมเมาเองก็ถูกทำยันต์สะกด ต้นกำเนิดของพวกนี้มาจากแคว้นเหมียวเจียง เคยแพร่หลายมากในแถบแคว้นถังใต้ อีกทั้งยังก่อความไม่สงบในบ้านเมืองมาไม่น้อย

ช่วงสองปีมานี้ จึงเป็นสาเหตุที่แคว้นถังใต้ปิดประเทศตัดสื่อสารกับโลกภายนอก ดูเหมือนจะเป็นเพราะมนต์สะกดก่อความวุ่นวาย

ทันทีที่ได้ยินเซียวปี้เฉิงพูดถึงแคว้นถังใต้ วินาทีนั้นอวิ๋นหลิงก็นึกถึงกงจื่อโยว

ใบหน้าที่บึ้งตึงของนางได้นึกทบทวนสมุนไพรหลายชนิดที่ถูกขโมยไปอย่างละเอียด จากนั้นก็พบสิ่งที่น่าประหลาดอย่างหนึ่ง สมุนไพรเหล่านั้นเป็นสมุนไพรที่นางตั้งใจจะใช้เพื่อบรรเทาพิษเย็นในร่างกายของสนมลี่ผิน!

“สำนักทิงเสวี่ย จะต้องพวกเขาไม่ผิดอย่างแน่นอน”

กู้ฉางเซินที่ได้ยินก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “น้องสามเจ้าพูดกระไร?”

อันตรายกําลังใกล้เข้ามา เรื่องมาถึงบัดนี้แล้วอวิ๋นหลิงเองจึงไม่สนใจที่จะปวดใจกับต้นกล้าเล็ก ๆ ในแปลงผักแล้ว จึงรีบดึงกู้ฉางเซินเข้ามาใจห้องอย่างรวดเร็วเพื่อประชุมอย่างเร่งด่วน

ระหว่างฉากกั้น ผู้ชายทั้งสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ด้านนอกอย่างมีสติ

เซียวปี้เฉิงจึงรีบบอกเรื่องที่พบกงจื่อโยว อีกทั้งพิษเย็นสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นของสนมลี่ผินออกมา

“ส่วนยาครีมสีแดงคือดอกเบญจมาศพิฆาต ใช้พริกแดงชี้ฟ้าและพริกชนิดอื่น ๆ ตากแห้งและบดเป็นผงแล้วผสมเป็นน้ำพริก”

“ส่วนเม็ดยาสีดำคือใบ้ร่ำไห้ เพียงกินลงไปเม็ดเดียว ภายในไม่กี่วันไม่ว่าจะกินอะไรก็รู้สึกขมขื่นมาก ทนแทบไม่ไหว จึงทำได้เพียงหิวโหย”

“น้ำสีเขียวคือน้ำเซียนเซียวเหยา เพียงแค่ถูกที่ผิวก็จะรู้สึกคันประหลาดมาก รอให้จับกงจื่อโยวและโจรที่ขโมยยาได้ ข้าจะจับพวกเขามัดเอาไว้ จากนั้นจะถูกลงไปที่ฝ่าเท้าของพวกเขา...”

เซียวปี้เฉิงฟังแล้วก็ตกใจมาก นี่เมื่อเทียบไปแล้วน่ากลัวมากกว่ากินยาแล้วยิ้มไม่ออกและนกกระเรียนติงสีแดงมากกว่าหรือ?

เมื่อมอง “ยาทรมาน” พวกนั้น เขารู้สึกว่าวิธีการของเมียเขาค่อนข้างโรคจิตเล็กน้อย แต่คําพูดนี้เขาไม่กล้าพูด

อวิ๋นหลิงกรองสิ่งเหล่านั้นเสร็จสมบูรณ์ ก็สั่งด้วยความโกรธว่า “ข้ายังทำเข็มยาสลบเกิดใหม่ด้วย เจ้าบอกเยี่ยเจ๋อเฟิง นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป องครักษ์ทุกคนทั้งหมดไม่ว่านายบ่าวในจวนอ๋องจะต้องพกกระบอกหน้าไม้แขนติดตัว เห็นใครก็ตาที่ผิดปกติ วางยาสลบโดยตรงจับเป็น!”

ด้วยความกังวลเรื่องความปลอดภัยของหลิวฉิง เดิมทีนางอยากจะให้คนทั้งหมดในจวนจิ้งอ๋องพกปืนคาบศิลาติดตัว คิด ๆ ดูแล้วก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป จึงสั่งให้มีแค่คนค่ายปืนไฟเท่านั้นที่ถือปืนคาบศิลาได้เท่านั้น

นางกลัวว่าปืนคาบศิลาล้นหลามเกินไป จึงกลับเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เพราะประสบการณ์และการรับรู้ในชาติที่แล้วบอกนางว่า การถือปืนอย่างอิสระไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก

ไม่นานเยี่ยเจ๋อเฟิงก็มารับคำสั่งที่ด้านหน้า อวิ๋นหลิงนำของสิ่งนี้ให้เขา จึงกล่าวว่า “ช่วงนี้เจ้ากำลังยุ่งกระไรอยู่ เหตุใดถึงไม่เห็นเงาของเจ้า ปกติเรียกเจ้ามารวมตัวด้วยกันก็ไม่มา หรือว่านับตั้งแต่เจอแม่นางน้อยคนนั้นมัวแต่คบแฟนอยู่หรือ?”

เยี่ยเจ๋อเฟิงสีหน้าแข็งทื่อเล็กน้อย ส่ายหัวอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “...เปล่า พระชายาล้อเล่นแล้ว”

อวิ๋นหลิงรู้สึกว่าเขาแปลก ๆ จึงขมวดคิ้วขึ้นมา “เจ้าอึ้ง ๆ อึ้ง ๆ ทำอะไร มีอะไรระหว่างพวกเราที่ไม่สามารถพูดได้?หรือว่าช่วงนี้ข้าทำให้เจ้าขุ่นเคืองแล้ว เจ้าถึงได้หลบหน้าข้า?”

เยี่ยเจ๋อเฟิงเม้มริมฝีปาก สีหน้าซับซ้อนค่อย ๆ พูดอย่างช้า ๆ ว่า “ไม่มีเรื่องอะไร เพียงเพราะแม่ของข้าทําสิ่งนั้นก่อนหน้านี้ ข้าจึงไม่มีหน้าที่จะสู้หน้ากับเจ้าและปี้เฉิง...”

ขณะนี้อวิ๋นหลิงอึ้งไปครู่หนึ่ง ถ้าหากไม่ใช่เยี่ยเจ๋อเฟิงกล่าวขึ้น นางลืมหลินซินผู้หญิงคนนั้นไปตั้งนานแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ