พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 425

เฉียงเวยมองดูสภาพอันน่าอับอายของหลิงซู เหลือบตามมองบนแล้วมองบนอีก

หลิงซูกล่าวอย่างเหนื่อยหอบ “เจ้าอย่ามัวแต่เหลือบตาอีกเลย น่องข้าถูกเสือตัวนั้นตะปบเข้า ทั้งยังหอบสมุนไพรจะเดินก็ไม่สะดวก รีบหาวิธีหนีจากเขาโดยเร็วเถอะ”

ผู้ชายที่ไล่หลังมาฝีเท้าว่องไวนัก ไม่นึกว่าแค่องครักษ์เล็ก ๆ ฝีมือจะเทียบเคียงกับคนของสำนักทิงเสวี่ยได้ด้วยซ้ำ

“สมน้ำหน้า ใครให้เจ้าทำงานโดยพลการเอง”

เฉียงเวยเหลือบตามองบนอีกครั้ง หากไม่เพราะว่าสมุนไพรในมือหลิงซูมีประโยชน์ต่อเจ้าสำนักน้อย นางก็ไม่อยากสนใจเจ้าหน้าโง่ผู้นี้หรอก

“ข้าไปสกัดผู้ชายคนนั้นเอง เจ้าไปทางขวา”

ทั้งคู่แลกเปลี่ยนสายตาที่เข้าใจกัน พร้อมกับแยกย้ายทำงาน

เมื่อเห็นว่าเจ้าหัวขโมยกำลังจะเปลี่ยนทิศทาง เยี่ยเจ๋อเฟิงก็เร่งความเร็วขึ้นอีก แล้วจู่ ๆ ก็ถูกหญิงสาวในชุดสีแดงคล้ำผู้หนึ่งมาขวางทางเอาไว้

สีหน้าเขาขรึมลง กล่าวเสียงเย็นว่า “ยังมีพรรคพวกอีกหรือ?”

ภายใต้แสงจันทร์ ใบหน้าครึ่งเสี้ยวของเฉียงเวยถูกปิดอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีแดง หลังจากเห็นหน้าตาของเยี่ยเจ๋อเฟิงชัดเจนแล้ว ริมฝีปากนางก็ปรากฏรอยยิ้มอันยวนยั่ว

“แหม...ช่างเป็นองครักษ์ที่หน้าตาหล่อเหลาเสียจริง ข้าชอบนัก”

อากัปกิริยาของนางเปี่ยมด้วยเสน่ห์ยวนใจที่เกิดโดยธรรมชาติ น้ำเสียงก็อ่อนหวานจับใจคนฟัง

แต่เยี่ยเจ๋อเฟิงกลับไม่หวั่นไหว สายตายังคงจับจ้องไปที่เงาของหัวขโมยที่จวนจะลับหาย พร้อมอ้อมผ่านเฉียงเวยและตามล่าต่อไป

ไม่รู้ว่าจวนจิ้งอ๋องมีอะไรสูญหายบ้าง แต่เขาก็ต้องตามคืนมาให้จงได้

เฉียงเวยเห็นเยี่ยเจ๋อเฟิงไม่สนใจตนเอง แววตามีแววขุ่นเคือง พร้อมเหาะตามเขาไปและถลาไปชบอยู่กลางหว่างอกของเยี่ยเจ๋อเฟิง

“องครักษ์น้อยจะรีบไปไหนกัน”

เยี่ยเจ๋อเฟิงรีบประคองนางตามสัญชาตญาณ แต่ทันใดนั้นสองมือของเฉียงเวยก็ตวัดเข้าที่รอบคอของเขาราวกับงูเลื้อย

สีหน้าเขาเปลี่ยนทันที ขู่ตะคอกเสียงดัง “ปล่อยมือนะ!”

ลำคอคือส่วนที่อ่อนแอที่สุดของมนุษย์ เยี่ยเจ๋อเฟิงรีบเตรียมการป้องกันตัว พร้อมยื่นมือจะตอบโต้เฉียงเวย

แต่ฉับพลันข้างหูก็ได้ยินเสียงหัวเราะร่วนอันอ่อนหวาน พาให้เขาสะดุดเข้ากับแววตาเป็นประกายดึงดูดคู่หนึ่ง จนสมองจู่ ๆ เกิดความว่างเปล่า สติสัมปชัญญะหยุดชะงักไปชั่วคราว

“ทำไมต้องปล่อยมือ? เจ้าไม่ชอบพี่สาวอย่างข้าหรือ? แต่พี่กลับชอบเจ้านัก...”

เฉียงเวยลูบคลำใบหน้าของเยี่ยเจ๋อเฟิง จนอดคิดไม่ได้ว่าหนุ่มรูปงามผู้นี้ช่างตรงกับรสนิยมของนางเสียจริง

นิ้วมือที่ไต่อยู่ข้างแก้มทำให้เยี่ยเจ๋อเฟิงสั่นระริกไปทั่วร่าง และรีบตั้งสติกลับมา พร้อมกับความตกใจอย่างแรง

ที่แท้หญิงผู้นี้รู้วิชาสะกดจิต

เป็นวิชามารที่รู้เฉพาะในชนเผ่าเหมียวเท่านั้น ปฏิกิริยาเบื้องต้นของเยี่ยเจ๋อเฟิงก็คือเดาว่าหญิงผู้นี้น่าจะเป็นคนร้ายหรือไม่ก็ไส้ศึกมาจากต่างเผ่า จึงได้ระวังเป็นอย่างมาก

“เป็นคนถ่อยจากที่ใด กล้ามาล่วงล้ำจวนจิ้งอ๋อง!”

ชายผู้นี้มีจิตที่แข็งแกร่งมากกว่าที่คิดไว้

เฉียงเวยกระพริบตาเล็กน้อย พอแค่นี้ดีกว่า อย่าได้ตอแยต่อไปอีกเลย

“ตายจริง น้องชายผู้นี้ช่างดุนัก ข้าเองไม่ตั้งใจจะล่วงเกิน อย่างไรเสียก็ขออภัยด้วย”

จากนั้นนางก็ผละจากอกเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนไปยังไม่ลืมจะฝากรอยจุมพิตที่ริมฝีปากเขาเบา ๆ โดยผ่านผ้าที่ปิดบังใบหน้าไว้

“ไว้โอกาสหน้าค่อยพบกันใหม่”

สมองของเยี่ยเจ๋อเฟิงมีแต่เสียงอื้ออึง พร้อมกับยืนตัวแข็งอยู่กับที่ สองข้างแก้มร้องระอุจนแทบนึ่งไข่ให้สุกได้

นี่เขาถูกไส้ศึกผู้หญิงที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าลวนลามหรือนี่?

กว่าเขาจะตั้งสติกลับมา แผ่นฟ้าที่กว้างไกลก็แทบไม่เห็นเงาของเฉียงเวยกับหลิงซูแล้ว หน้าตาจึงยิ่งบึ้งตึงไปอีก

“อย่าให้ข้าเจอพวกเจ้าอีก!”

มีแต่พวกมนุษย์ประหลาดทั้งสิ้น คนหนึ่งเป็นหัวขโมยที่ไม่ใส่กางเกงวิ่งพล่านไปทั่วถนน อีกคนก็เป็นไส้ศึกหญิงที่ลวนลามผู้ชายก็มีด้วย

เยี่ยเจ๋อเฟิงระงับไฟโทสะในใจเอาไว้ เม้มปากกลับจวนจิ้งอ๋องเพื่อไปรายงานผล

......

ในเรือนที่พักอักษรสวรรค์

กงจื่อโยวมองดูสภาพอันอุจาดตาของหลิงซู พลางหมดถ้อยคำจะกล่าว

“ไม่ต้องพูดหรืออธิบายอะไรทั้งสิ้น ไปหากางเกงมาใส่ก่อน ตาจะเป็นกุ้งยิงแล้ว”

เฉียงเวยก็พลอยเออออด้วยสีหน้าจริงจัง “ถัดจากนี้เราคงต้องรีบผูกมิตรกับพระชายาจิ้งอ๋อง”

หลิงซูพยักหน้า ไม่เพียงแต่เท่านี้ ถ้าพระชายาจิ้งอ๋องยินยอมขายสมุนไพรเหล่านั้นให้แก่พวกเขา สำนักทิงเสวี่ยจะเทิดทูนนางราวกับผู้มีบุญคุณเสียด้วยซ้ำ!

หลิงซูรีบกล่าวว่า “แต่ฐานะเรายังต้องปิดไว้ก่อน คืนนี้เพราะข้าวู่วามไปขโมยสมุนไพร ถ้าพระชายารู้เข้าคงจะโกรธเป็นอย่างมาก”

กงจื่อโยวพยักหน้าและกล่าวอย่างจริงจัง “เฉียงเวยช่วยไปจัดเตรียมของกำนัลที่มีค่าหน่อย และอีกสองวันวันข้าจะไปคารวะจิ้งอ๋องกับพระชายาด้วยตนเอง”

แน่นอนว่าสมุนไพรนั้นไม่ควรได้มาเปล่า ๆ

หน้ากากเงินกล่าวอย่างน่าใจหาย “ดีที่ตอนลอบสังหารฟงหลิวฉิง เราทำงานพลั้งมือ หาไม่เรื่องนี้คงจะยิ่งบานปลาย...”

ทุกคนต่างสบตากันและกัน สีหน้าเปี่ยมด้วยความรู้สึกที่โชคดี

......

วันถัดมา

อวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิงกลับจวนมาแต่เช้าตรู่ ยังไม่ทันได้พบกับหลิวฉิง ก็ได้ยินเฉียวเย่มารายงาน ว่าเมื่อคืนมีคนบุกรุกเข้าไปถึงเรือนเกษตร

“สมุนไพรในแปลงผักถูกขุดไปบางส่วน ซ้ำยังถูกเหยียบย่ำทำลายไปเยอะ...”

แน่นอนว่า ถูกร่างอ้วนของเจ้าเสือขี้แยล้มทับเสียมากกว่า

เซียวปี้เฉิงตกใจเป็นอย่างมาก “มีโจรบุกรุกแปลงผักงั้นหรือ?”

ได้ยินว่าแปลงผักถูกทำลาย อวิ๋นหลิงก็รีบวิ่งไปยังเรือนเกษตรทันที เพราะที่นั่นได้ปลูกตัวยาหลายชนิดไว้เพื่อช่วยกู้ฉางเซินโดยเฉพาะ

และเมื่อเห็นสภาพอันยับเยินของแปลงผัก นางก็แทบจะเป็นลมล้มพับ ลมเสียขึ้นในบัดดล

เซียวปี้เฉิงเองก็แสนเสียดายสมุนไพรที่ประเมินค่าไม่ได้เหล่านั้น แต่ยังเป็นห่วงอวิ๋นหลิงมากกว่า “เจ้าใจเย็นไว้ อย่าให้เสียสุขภาพไป”

“เช่นนี้แล้วจะให้ใจเย็นได้อย่างไร?” อวิ๋นหลิงชี้ไปที่มะเขือเทศต้นหนึ่ง นิ้วมือสั่นระริก “ไม่เพียงแอบขุดยาของข้า ยังขโมยกินผักของข้าอีก นี่เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ข้าคิดค้นอยู่นาน ต้นหนึ่งออกผลแค่สิบกว่าลูกเท่านั้น!”

เมื่อครู่นี้นางนับแล้ว เห็นชัดว่าขาดไปหนึ่งลูก และมีรอยหักแสดงว่าถูกคนเด็ดออกไป

นั่นเป็นมะเขือเทศที่เพาะเลี้ยงให้ตาแก่น้อยโดยเฉพาะ รสชาติจะหวานชุ่มคอนัก แม้แต่นางเองก็เสียดายไม่กล้ากินเลย

“เป็นฝีมือไอ้สารเลวคนไหน จับได้เมื่อไหร่ข้าจะถลกหนังมันออกมาซะ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ