พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 424

หลิวฉิงขึ้นเสียงสูงไปอีก "ยาที่น้องหลิงปลูกให้ท่านอยู่ที่แปลงผักหมด แล้วส่งคนไปจับคนร้านหรือยัง?"

นางรู้สึกตื่นเต้น เกรงว่าสมุนไพรที่ปลูกไว้จะเกิดความผิดพลาด

กู้ฉางเซินปรับเท้าของนาง มั่นใจว่าเฝือกไม่ได้ถูกเลื่อนจนผิดตำแหน่งแล้ว จึงได้กล่าวอย่างหน้างอว่า "ข้าให้เย่ว์อิ่งกับซิงเฉินไปดูสถานการณ์แล้ว ทหารในจวนจิ้งอ๋องก็สามารถจับคนร้ายได้ เจ้าก็วางใจพักผ่อนเถอะ"

"ก่อนหน้านี้น้องสามสั่งแล้วสั่งอีก ว่าห้ามลงจากเตียงเคลื่อนไหวใด ๆ ทำไมเจ้ายังทำหูทวนลมอีก?"

น้ำเสียงเขาดุดันอย่างไม่เคยมีมาก่อน ทำเอาหลิวฉิงรู้สึกหวั่นไหว พลอยให้ร่างกายที่ตึงเครียดเกิดความผ่อนคลายโดยไม่รู้ตัว

จริง ๆ นางก็เคยเห็นอารมณ์ของเจ้าหวังมาบ้างแล้ว เพียงแต่ตลอดทางที่ผ่านมา ไม่ว่านางจะก่อเรื่องร้ายแรงเพียงไหน หรือกระทั่งอาละวาดจนวังหลวงของแคว้นเป่ยฉินแทบพัง เจ้าหวังก็ไม่เคยโกรธนางซักครั้ง ซ้ำยังจะปกป้องอีกต่างหาก

หลิวฉิงมองเขาอย่างมึนงง "แล้วทำไม...เจ้าโกรธหรือ?"

กู้ฉางเซินเม้มริมฝีปากแน่น สายตาไปอยู่ที่มือของนางที่ถือกระบี่แน่นอยู่ แววตายิ่งดูขรึมมากขึ้น

แล้วเขาก็หยิบกระบี่ไปโดยไม่พูดซักคำ จากนั้นก็เอาขลุ่ยหยกที่เหน็บอยู่ที่เอวออกมาใช้แทนไม้บรรทัด ออกแรงตีที่ฝ่ามือของนางสามครั้ง เพื่อเป็นการตักเตือน

หลิวฉิงไม่กลัวเจ็บ ฝ่ามือนางหยาบกร้านเพราะผ่านการฝึกกระบี่มาอย่างยาวนาน แม้จะถูก "ไม้บรรทัด" ตีก็หาได้เจ็บปวดซักนิดไม่ กลับจะรู้สึกคันยิบ ๆ มากกว่า

ทั้งคันที่ฝ่ามือ และคันในหัวใจด้วย

นางรับรู้ได้อย่างชัดเจน ว่าครั้งนี้เจ้าหวังโกรธแล้วจริง ๆ จึงรีบชิงเอ่ยปากก่อน

"ขอโทษด้วย ข้าผิดไปแล้ว"

หลิวฉิงเป็นคนโผงผาง เมื่อรู้ว่าตนทำผิด ก็ไม่คิดปฏิเสธหรือแก้ต่าง

"เพราะยาพวกนั้นเกี่ยวพันถึงชีวิตเจ้า น้องหลิงกว่าจะปลูกได้ก็ต้องใช้เวลาและแรงกายแรงใจไม่น้อย เมื่อกี้ข้านึกเป็นห่วงจึงได้วู่วามไป แต่สัญญาจะไม่มีคราวหน้าอีก"

สีหน้าบึ้งตึงของกู้ฉางเซินค่อยผ่อนคลายลงบ้าง ที่จริงหลิวฉิงแค่เป็นคนเถรตรง จนบางครั้งเพียงคิดอะไรง่าย ๆ แต่ไม่ได้มุทะลุจนขาดสติ

นึกถึงว่าที่นางกระทำการวู่วามก็ด้วยความเป็นห่วงตนเอง นัยน์ตาดำขลับของกู้ฉางเซินก็ค่อยมีแววอ่อนโยนปรากฏขึ้น

น้ำเสียงก็อ่อนเบาลงเยอะ "ห่วงตัวเองเสียบ้าง ต่อให้ร่างเจ้าทำด้วยเหล็กไหล ก็ใช่ว่าจะไม่ห่วงชีวิตตนเองได้ ไม่งั้นน้องสามจะเป็นห่วงแค่ไหน?"

และเขาก็อาจเป็นห่วงบ่วงใยด้วย

หลิวฉิงพยักหน้าอย่างจริงจัง พร้อมรับรองแข็งขัน "ครั้งนี้เป็นความผิดของข้า ไม่ต้องห่วง ข้าจะพักฟื้นให้มาก ไม่ให้เสียเวลาที่เจ้าจะได้กลับไปแคว้นเป่ยฉิน"

ได้ยินประโยคนี้เข้า รอยยิ้มในแววตาของกู้ฉางเซินก็แทบจะหดหาย ความรู้สึกในใจกลายเป็นความอ้างว้างที่ยากจะบรรยาย

หลิวฉิงจับสังเกตได้ถึงอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนของเขา แต่ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด

ยังคงคิดว่ากู้ฉางเซินยังไม่โกรธ จึงได้กล่าวอย่างจริงจังอีกครั้ง "ถ้ายังไม่พอใจอีก ข้าให้ตีมืออีกหลายทีก็ได้ หรือจะต่อยหน้าซักสองหมัดก็ไม่มีปัญหา ข้ายินดีรับไว้"

กู้ฉางซินมองหน้านางคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง อารมณ์เต็มไปด้วยความว้าวุ่น และสุดท้ายก็เหลือเพียงเสียงถอนหายใจ

"ทำไมข้าต้องต่อยเจ้า?"

"ก็ยังโกรธข้าอยู่มิใช่หรือ?"

"โกรธเจ้าเรื่องอะไร?"

"ถ้าขาข้าหายช้า จะมีผลต่อการกลับไปแคว้นเป่ยฉินของเจ้า"

ในเวลานี้ ในใจของกู้ฉางเซินเกิดความพลุ่งพล่านอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน มันทำให้เขายากจะระงับอารมณ์ที่อยู่ส่วนลึกในจิตใจ จึงได้เผลอหลุดปากออกมา

"ทำไมข้าต้องโกรธเรื่องนี้ ทำไมเจ้าไม่รู้จักดูแลตัวเองบ้าง สำหรับข้าแล้ว อาการบาดเจ็บของเจ้าสำคัญยิ่งกว่าเราจะกลับเป่ยฉินเมื่อไหร่ตั้งหลายเท่า!"

เย่ว์อิ่งกับซิงเฉินรับคำแล้ว มองดูห้องที่ปิดประตูสนิท ต่างส่งสายตาเหมือนรู้กันอยู่ในที

ก่อนนี้ก็เคยคิดอยู่ว่าท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมีท่าทีต่อพระสนมฟงที่ต่างจากผู้อื่น บัดนี้มาเห็นเข้า ดูจะเกินว่าบุญคุณที่แม่ทัพฟงเคยช่วยชีวิตเขาไว้เสียแล้ว

รู้ว่าแปลงผักเกิดเรื่อง ปฏิกิริยาแรกของท่านอ๋องผู้สำเร็จไม่ใช่ห่วงใยเรื่องสมุนไพร หากแต่วิ่งปรี่มายังที่พักของพระสนมฟงต่างหาก...

ในความคิดของเขา พระสนมฟงสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเขาเสียอีก

......

นอกจวนจิ้งอ๋อง หลิงซูในชุดเกือบเปลือยกำลังวิ่งหนีชุลมุนอยู่

กรงเล็บของเสือตะปบถูกเสื้อและกางเกงของเขา แต่ถ้าเขาเอามือไปปิด ก็จะไม่สามารถถือต้นไม้ในมือได้อีก

หลังจากคิดสะระตะอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยอมทิ้งความอับอายเกี่ยวกับเรื่องเรือนร่าง ขอรักษาสมุนไพรหายากยังจะสำคัญเสียกว่า

"ไหนๆ กลางคืนก็ไม่มีใครเห็นหน้าเราชัดอยู่แล้ว"

เขาพยายามปลอบใจตัวเองเช่นนั้น ทิ้งไหลงพื้นแล้วข้ามหลังคาแห่งแล้วแห่งเล่า ตั้งใจจะสลัดทิ้งคนที่มาไล่ล่าให้จงได้

เยี่ยเจ๋อเฟิงหน้าตาบูดบึ้ง ยังคงตามล่าหลิงซูอย่างไม่ลดละ

คืนนี้หลังจากลับจากค่ายปืนไฟ เขาก็ได้ยินว่าจวนอ๋องมีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ พอรู้ว่ามีขโมยบุกรุก ก็รีบพาคนไปตามจับทันที

แต่ฝีมือของคนร้ายก็ดูแปลกประหลาดด ไม่นานก็สามารถหนีพ้นจากการไล่ล่าของทหารในจวนจิ้งอ๋อง เหลือเพียงเขาคนเดียวที่ยังตามติดประชิดอยู่

ภายใต้แสงจันทร์นั้นเห็นเพียงสะโพกขาวที่ห้อตะบึงอยู่ข้างหน้า ความรู้สึกของเยี่ยเจ๋อเฟิงยากจะบรรยายได้ ในใจเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก

แน่ใจหรือว่านี่คือหัวขโมยธรรมดา ไม่ใช่โจรปล้นสวาทที่วิกลจริตแน่นะ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ