พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 437

อวิ๋นหลิงไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆกงจื่อโยวจึงมีท่าทีเหมือนคนโง่

ในใจของนางมีเรื่องสำคัญ จึงไม่มีเวลาไปสืบหาความจริง ได้แต่คิดเสียว่ากงจื่อโยวถูกสิ่งที่เรียกว่า “วิชาเทพ”ทำให้ตกตะลึงพรึงเพริดไป

หลังจากยุ่งมาทั้งวัน ตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มจะมืดแล้ว จึงรีบเข้าครัวไปเตรียมอาหารค่ำ

กงจื่อโยวทำตัวไร้ยางอายขออาศัยอยู่ในจวนจิ้งอ๋องอย่างหน้าด้านๆ เอ่ยหน้าเป็นว่า “ในเมื่อพวกเราต่างก็เป็นคนบ้านเดียวกัน ข้าจะไปอยู่ในโรงเตี๊ยมอีกทำไม อีกอย่างข้าอยู่ที่จวนจิ้งอ๋อง พวกท่านส่งคนของสำนักทิงเสวี่ยไปทำงานก็สะดวก”

ใครเป็นคนบ้านเดียวกับท่าน......

อวิ๋นหลิงรู้สึกว่าความไร้ยางอายของกงจื่อโยวนั้นใช่ว่าคนทั่วไปจะเทียบได้ จึงรีบใช้ชื่อเซียวปี้เฉิงขึ้นมาอ้างทันที

แม้ว่าคำพูดของอีกฝ่ายจะมีเหตุผล แต่จวนจิ้งอ๋องเหลือเรือนรับรองแขกแค่เรือนเดียว อยู่กันห้าคนจะแออัดเกินไป

“สาวกประกาศิตป้ายม่วงของข้าจะรายงานข่าวเกี่ยวกับหลงเย่ทุกๆสามวัน เช่นนี้พวกเจ้าก็สามารถรู้สถานการณ์ของนางได้อย่างทันท่วงที”

กงจื่อโยวยิ้มอย่างจับจด “ต่อไปต้องรบกวนจวนจิ้งอ๋องสักระยะหนึ่งแล้ว ข้าจะจ่ายตามมาตรฐานวันละสองร้อยตำลึงเงินต่อคน จ่ายให้กับห้องบัญชีต่างหากเพื่อเป็นการขอโทษ และไม่เป็นการเพิ่มภาระให้กับทุกท่าน”

เมื่อได้ยินดังนั้น คำพูดปฏิเสธที่จ่ออยู่ตรงริมฝีปากของอวิ๋นหลิงก็เปลี่ยนไปทันควัน “โธ่ เรื่องใหญ่แค่ไหนกันเชียว ในเมื่อเรือนรับรองแขกในจวนก็ว่างอยู่ พวกท่านไม่รังเกียจละก็เชิญเข้าอยู่ได้ตามสลายเลย”

ยิ่งไปกว่านั้นนางอยากจะรู้ถึงสถานการณ์ของพี่ใหญ่อย่างทันท่วงที เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ

กงจื่อโยวจ้องมองอวิ๋นหลิงด้วยรอยยิ้ม ในใจกลับคร่ำครวญอย่างคลุ้มคลั่ง

ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าทั้งสองคนนี้เป็นศิษย์น้องของหลงเย่ ตอนนั้นแม้เขาจะมีความกล้าหาญชาญชัยแค่ไหน เขาก็จะไม่พิจารณาเรื่องลอบสังหารหลิวฉิงอย่างเด็ดขาด อีกทั้งยังขโมยของในจวนจิ้งอ๋องอีกด้วย

เขามีลางสังหรณ์อย่างเลือนราง ถ้าหากหลงเย่รู้เรื่องเหล่านี้เข้า หนทางในการตามจีบภรรยาที่เดิมทีก็แสนจะยากเย็นอยู่แล้วยิ่งเพิ่มความลำบากเข้าไปอีก

เขาต้องฉวยโอกาสนี้ รีบแก้ไขความสัมพันธ์กับพวกน้องสาวของภรรยาให้ดี ถึงเวลาพวกนางจะได้ช่วยตนพูดจาดีๆต่อหน้าหลงเย่

อวิ๋นหลิงเคลื่อนไวเร็วมาก สั่งการให้บ่าวรับใช้รีบทำความสะอาดเรือนรับแขกให้เรียบร้อยในคืนนั้นเลย

เรือนรับรองแขกมีทั้งหมดสามห้อง กงจื่อโยวย่อมต้องอยู่ในเรือนใหญ่สุด เฉียงเวยที่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวได้อยู่ในเรือนด้านข้างทิศตะวันออก ส่วนผู้ชายอีกสามคนต้องลำบากเบียดเสียดกันอยู่ในเรือนด้านข้างทิศตะวันตก

มองดูจวนจิ้งอ๋องที่ครึกครื้นเป็นพิเศษ อวิ๋นหลิงก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

“ข้าว่าพวกเราก็อย่าเรียกที่นี่ว่าจวนจิ้งอ๋องอีกเลย เปลี่ยนชื่อเป็นโรงหมอในเครือแห่งแรกในแคว้นต้าโจว หรือศูนย์รักษาฟื้นฟูของเมืองหลวงจะดีกว่า”

เมื่อนับดูดีๆแล้ว ในบรรดาผู้คนที่เคยมาพักอาศัยอยู่ในจวนอ๋อง ไม่มีคนไหนที่ปกติเลย

เยี่ยนอ๋องที่ขาพิการ พระเจ้าหลวงที่เป็นโรคสมองเสื่อม กู้ฉางเซินที่ถูกพิษ พี่ฉิงที่ต้องทำการผ่าตัดทั้งภายในและภายนอก กงจื่อโยวที่มีโรคกรรมพันธุ์......

เมื่อคิดแล้ว อวิ๋นหลิงก็ลุกขึ้นจุดธูปไหว้รูปเจ้าแม่กวนอิมที่แขวนอู่บนผนังสองดอกอย่างเลื่อมใสศรัทธา

เซียวปี้เฉิงกำลังตรวจบัญชีและนับตั๋วเงิน เงยหน้ากวาดตามองอวิ๋นหลิงแวบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่เชื่อเรื่องพวกนี้มิใช่หรือ ทำไมจึงจู่ๆจึงลุกขึ้นมาไหว้เล่า”

“ข้ากำลังขอพรให้พระโพธิสัตว์ทรงปกป้องคุ้มครอง หวังว่าทางน้องเล็กทุกอย่างจะราบรื่น ถ้าหากนางเองก็มาด้วยอาการป่วยอีกคน จวนของพวกเราไม่มีที่อยู่แล้ว”

เซียวปี้เฉิงลูบคางตนเอง พูดเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ “ถ้าหากนางจะพาคนป่วยมาด้วยสองสามคนก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร คนแคว้นตงฉู่มีเงินมากกว่าแคว้นถังใต้และแคว้นเป่ยฉินมาก ถึงเวลาอย่างไรเสียก็น่าจะง่ายเงินให้พวกเราเป็นสองเท่า”

อวิ๋นหลิง “......”

เซียวปี้เฉิงยังคงพูดต่อไปโดยไม่สนใจว่า “ช่วงที่ผ่านมาสหายกู้จ่ายเงินค่าอาหารที่พักไปไม่น้อย มีเกือบสามพันตำลึงเงินแล้ว ทางกงจื่อโยวมีทั้งหมดห้าคน ถ้าคิดวันละหนึ่งพันตำลึง หนึ่งเดือนก็จะมีรายได้สามหมื่นตำลึงเงิน”

เซียวปี้เฉิงไม่เคยคิดมาก่อนว่าการหาเงินมันจะง่ายขนาดนี้ ในใจรู้สึกยินดีและสับสน

“อ๋อใช่แล้ว ประเดี๋ยวกงจื่อโยวจะจ่ายค่าเสียหายของแปลงผักให้พวกเราด้วย บวกแล้วก็น่าจะมีประมาณหนึ่งแสนตำลึงเงิน”

“เฮ้อ......ทำไมตอนนั้นหลิงซูคนนั้นจึงไม่ขโมยไปมากหน่อย เช่นนี้พวกเราก็คงจะได้กำไรมหาศาลแล้ว”

อวิ๋นหลิงเอามือกุมขมับ อดไม่ได้ที่จะคิดทบทวนในใจ นางควบคุมเซียวปี้เฉิงเข้มงวดเกินไปใช่หรือไม่ ตอนนี้ในมองจึงมีแต่เรื่องหาเงิน

บางทีสามีอาจจะต้องการ ”การเลี้ยงดูอย่างสมบูรณ์” เช่นนี้ภายหน้าเขาก็จะไม่ถูกเงินทองของมีค่าทำให้หลงใหลได้ง่ายๆ

“องครักษ์เยี่ยท่านอย่าถูกหลอกเด็ดขาด ผู้หญิงคนนี้เป็นเมียให้ท่านต้องใช้เงินนะ ก่อนหน้านี้ก็เคยมีผู้ชายจ้างนางเป็นภรรยามาแล้ว หนึ่งเดือนต้องจ่ายตั้งหนึ่งหมื่นตำลึงเชียวนะ”

สีหน้าของเยี่ยเจ๋อเฟิงจากดำเปลี่ยนเป็นแดงขึ้นมาทันที ภรรยายังสามารถจ้างได้ด้วยหรือ

เขามองเฉียงเวยด้วยแววตาสับสนแปลกประหลาด สีหน้าเย็นชาหมุนตัวจากไป ก่อนจะเดินจากไปยังทิ้งคำพูดที่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไว้ว่า

“ขอแม่นางให้เกียรติกันด้วย ข้าไม่มีเวลาและจิตใจที่จะเล่นกับเจ้า”

รอยยิ้มของเฉียงเวยชะงักไปทันที หันไปถลึงตาให้กับหน้ากากเงิน “ถ้าหากองครักษ์เยี่ยปฏิเสธข้า ประเดี๋ยวข้าจะให้คนทำที่ครอบปากให้เจ้า”

“......ไม่ใช่กระมัง ครั้งนี้เจ้าเอาจริงหรือ”

“แน่นอนอยู่แล้ว”

ผู้ชายคนนี้สุขุมพึ่งพาได้ ใบหน้าเย็นชาทั้งยังไร้เดียงสา เป็นประเภทที่นางชื่นชอบ

นางอายุยี่สิบปีแล้ว เป็นสาวแก่แล้ว แต่ตอนที่เห็นชายหนุ่มครั้งแรก นางก็อยากจะแต่งงานทันที

เดิมทีอวิ๋นหลิงจะมาหาเฉียงเวยเพื่อถามข่าวคราวของหลงเย่ กลับได้ยินคำพูดเหล่านี้โดยไม่ตั้งใจ อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

เห็นทีคนบางคนจะเริ่มต้นชีวิตรักแล้ว

เสี้ยววินาทีที่มองเห็นอวิ๋นหลิง สีหน้าของเฉียงเวยก็มีแววอึดอัดใจวาบผ่านอย่างไม่ทันได้จับสังเกตเห็น เอ่ยเสียงเบาว่า “พระชายาจิ้งอ๋องมาที่นี่มีเรื่องอะไรหรือ”

“ไม่เป็นไร ข้าก็แค่อยากจะมาถามเจ้าว่ามีข่าวคราวเกี่ยวกับหลงเย่หรือไม่”

อวิ๋นหลิงยิ้มให้นาง สีหน้าอบอุ่นเป็นกันเองมาก

นางกำลังคิดในใจ คนสมัยโบราณแต่งงานติดตามสามี ถ้าหากเฉียงเวยกับเยี่ยเจ๋อเฟิงเป็นคู่กันจริงๆ เช่นนั้นเฉียงเวยก็เท่ากับเป็นคนของนาง

อวิ๋นหลิงเกิดความกระตือรือร้นขึ้นมา ไม่เพียงแต่อยากจะได้เงินของกงจื่อโยว ยังคิดจะขุดคนของเขาอีกด้วย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ