‘พูดแล้วเรื่องมันยาว ตอนที่รู้ข่าวนั้น ข้าก็ตัดสินใจไปหาท่านที่แคว้นต้าโจวทันที แต่พวกเขาไม่ยอมให้ข้าไปพร้อมกับเยียนอ๋องและพระชายา’
‘ข้าบอกว่าข้าไม่อยากเป็นชายารองขององค์รัชทายาท และก็ไม่อยากอยู่ในแคว้นตงฉู่เอาแต่ฉีกร่างทหารญี่ปุ่นตลอดทั้งวัน พวกเขาฟังแล้วก็ยิ่งไม่เห็นด้วย’
อวิ๋นหลิงอ่านถึงตรงนี้ก็เลิกคิ้วเล็กน้อย ดูท่าชาวญี่ปุ่นกับแคว้นตงฉู่จะขัดแย้งกันรุนแรงยิ่งขึ้น
‘ต่อมาเยียนอ๋องรู้ว่าทางฝั่งของท่านมีคนก่อกบฏ จึงตกใจจนไม่กล้าไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ต่อ กลัวว่าถ้าออกนอกแคว้นไปแต่งงาน พอกลับบ้านก็จะถูกจับตัวไป จึงตัดสินใจกลับทันทีหลังจากแต่งงานกับเสี่ยวเหยาเหยา’
‘รัชทายาทกับเฟิ่งเหมียน เจ้าสองสุนัขบัดซบนั่น! กลัวว่าข้าจะตามไปก่อกวนพวกเขา จึงจงใจปิดบังข่าวไม่ให้ข้ารู้ว่าเยียนอ๋องกับพระชายาจะกลับก่อนกำหนด ซ้ำยังส่งเฟิ่งเหมียนมาคอยจับตาดูข้าเองอีกด้วย’
‘เหอะๆ ข้าเป็นถึงเด็กอัจฉริยะที่มีไอคิวสูงของศตวรรษที่ยี่สิบสาม! จะถูกหลอกให้ติดกับดักง่ายๆ ได้อย่างไรกันล่ะ’
‘ข้าแกล้งทำเป็นไม่รู้ พอวันที่เยียนอ๋องจะกลับ ข้าซ่อนตัวอยู่ในหีบใบเขื่องที่ขบวนคุ้มกันเก็บของ ด้วยวิธีนี้จึงออกจากแคว้นตงฉู่ได้อย่างราบรื่น’
‘ฮิๆๆ’
กระดาษชำระมีพื้นที่จำกัด ทั้งด้านหน้าและด้านหลังเต็มไปด้วยตัวอักษร สุดท้ายหยุดที่คำว่า ‘ฮิ’ ที่เขียนไว้เพียงครึ่งเดียวและเลิกเขียนไปกะทันหัน
หลังจากอ่านแล้ว อวิ๋นหลิงก็กระตุกมุมปาก เล่าเนื้อหาคร่าวๆ ของจดหมายให้เซียวปี้เฉิงฟัง
นางเดาว่าน้องเล็กพอรู้ข่าวก็เลือกจะกลับแคว้นต้าโจวแน่นอน เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าทางแคว้นตงฉู่จะไม่ยอมปล่อยนางไป
เซียวปี้เฉิงมุ่นคิ้วเล็กน้อย “ถ้าแคว้นตงฉู่พบว่าชายารองของรัชทายาทหายตัวไปกะทันหัน ตำหนักบูรพาจะไม่เกิดความตื่นตระหนกหรอกหรือ”
เขาเข้าใจเสวียนจีดีที่ปรารถนาจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง แต่การกระทำของ ‘น้องสาวภรรยา’ ผู้นี้เห็นทีจะเอาแต่ใจและไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่ตามมาอยู่บ้าง
นางสะบัดก้นแล้วเดินจากไปอย่างสง่างาม แล้วทิ้งองค์รัชทายาทแคว้นตงฉู่ไว้พร้อมกับอาการปวดหัว
“ผู้คนตื่นตระหนกหรือ นางอยากจะก่อเรื่องวุ่นวายต่างหากล่ะ”
อวิ๋นหลิงส่ายหน้า น้องเล็กไม่เคยเป็นคนที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว รัชทายาทแคว้นตงฉู่กับราชครูเฟิ่งเหมียนได้ ‘ล่วงเกิน’ นางเข้าแล้ว เกรงว่าเรื่องราวจะไม่ง่ายขนาดนั้น ไม่เช่นนั้นคงจะไม่ถูกผู้ที่เป็นถึงราชครูจับตาดูด้วยตนเอง
แต่นางเผ่นหนีไปแล้ว ทางแคว้นตงฉู่ไม่มีทางจับนางได้
นางหันกลับมาถาม “พวกอวี้จือจะมาถึงเมืองหลวงเมื่อใด”
บัดนี้เป็นช่วงปลายเดือนห้า เซียวปี้เฉิงนับนิ้วคำนวณ “อวี้จือบอกมาในจดหมายว่าเขาออกเดินทางช่วงกลางเดือนสี่ จะมาถึงเมืองหลวงประมาณต้นเดือนหก”
ก่อนกำหนดเดิมหนึ่งเดือนเต็มๆ
หลิวฉิงกับกู้ฉางเซินวางแผนจะกลับแคว้นเป่ยฉินช่วงต้นเดือนเจ็ด ตอนนี้เหลือเวลาหนึ่งเดือนพอดีที่พวกนางทั้งสามจะได้พบปะกันในช่วงสั้นๆ
อวิ๋นหลิงระงับอารมณ์ตื่นเต้นไว้ ก่อนบอกข่าวดีนี้กับหลิวฉิง
สีหน้าของหลิวฉิงตกใจเล็กน้อย ดูแล้วไม่ได้คาดหวังหรือตื่นเต้นเท่าที่ควร แต่กลับตีหน้าขรึม
“ตั้งแต่เด็กนั่นทะลุมิติมายังโลกนี้ ก็ไม่มีใครควบคุมนางได้นานขนาดนี้ กลัวว่าแทบจะบินขึ้นฟ้าไปเสียแล้ว”
อวิ๋นหลิงขบคิดแล้วแนะนำว่า “ถ้ากลับมาก็ฉวยโอกาสที่พี่ยังไม่ไป ตีสั่งสอนนางสักสองที นางจะได้ไม่ไปสร้างปัญหาตลอดทั้งวัน”
ตอนแรกที่ส่งจดหมายถึงน้องเล็กนั้น นางเคยเอ่ยถึงหลิวฉิงว่าอยู่ในวังหลวงของแคว้นเป่ยฉิน แต่บัดนี้อีกฝ่ายยังไม่รู้ว่าหลิวฉิงมาอยู่ในจวนจิ้งอ๋องแล้ว
ถ้าน้องเล็กรู้เรื่องนี้ละก็ ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเปล่า
อย่างไรเสียนางก็ถูกทุบตีมาไม่น้อยในชาติที่แล้ว
......
เมื่อรู้ว่าน้องเล็กจะมาถึงเมืองหลวงในไม่ช้า อวิ๋นหลิงจึงให้ซวงหลีทำความสะอาดห้องพักล่วงหน้าโดยจัดให้อยู่ติดกับหลิวฉิง
เวลาผ่านไปเร็วนัก พริบตาเดียวก็ถึงปลายเดือนห้าแล้ว
ภายใต้การดูแลของผู้คุมงานอย่างเซียวปี้เฉิง ในที่สุดห้องสมุดก็เสร็จสมบูรณ์ก่อนกำหนดในช่วงปลายเดือนห้า
หนังสือที่จัดเรียงเรียบร้อยก็ถูกจัดวางไว้ในห้องที่แตกต่างกันตามหมวดหมู่ จักรพรรดิจาวเหรินและคนอื่นๆ มาตรวจสอบหนังสือเหล่านั้นด้วยตนเองหลายครั้ง ดูพอใจยิ่งนัก
อวิ๋นหลิงสังเกตเห็นชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าเก่าหยาบๆ เดินไปที่มุมห้อง จากนั้นหยิบกระดาษกับหมึกที่พกมาไว้ในตะกร้าหนังสือที่สะพายหลังออกมา แล้วเริ่มวาดภาพบนขาตั้งโดยหันหน้าไปทางก้อนหินยักษ์
นางนึกขำในใจ ยุคนี้ไม่มีกล้องถ่ายรูป เลยต้องวาดด้วยมือ
เห็นฉากนี้ อวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิงก็พลันบังเกิดความภาคภูมิใจและพึงพอใจที่ยากจะพรรณนาออกมาได้
สองสามีภรรยายืนนิ่งอยู่ในมุมไกลๆ ไม่ไปรบกวนผู้คนที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและคาดหวัง ก่อนเดินเข้าไปในห้องด้านหนึ่งอย่างเงียบๆ
ถึงแม้ภายนอกแดดจะแรง แต่ในห้องกลับเงียบสงบและเย็นสบาย
เดิมคิดว่าเช้าตรู่เช่นนี้ ในห้องจะยังไม่มีแขกเข้ามา แต่ไม่คิดว่าจะเกิดความวุ่นวายเล็กน้อยจากชั้นสองแว่วดังมา
“เฟิงอู๋จี! ขอเพียงเจ้าคุกเข่าลงคำนับสามครั้งให้นายน้อยเช่นข้าเดี๋ยวนี้ แล้วข้าจะอนุโลมปล่อยเจ้าไปสักครั้ง”
ชายเสียงแหลมสูงเยาะหยัน ในน้ำเสียงเผยความเย่อหยิ่งและดูเบาอย่างไม่กลบเกลื่อนแม้แต่น้อย
อวิ๋นหลิงหรี่ตาลงเล็กน้อย กล่าวอย่างเย็นชา “สวะไร้ตาที่ไหนช่างกล้ามาก่อเรื่องที่นี่ตั้งแต่วันแรกที่เปิดห้องสมุด”
ผู้ที่มีนามว่าเฟิงอู๋จีคล้ายจะตอบกลับอะไรมาสักอย่าง แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังสนั่นมาจากชั้นสองวูบหนึ่ง
ดูเหมือนมีคนกำลังโต้เถียง และไม่ใช่แค่หนึ่งคน
“ฮ่าๆๆ! พวกเจ้าหลายคนได้ยินหรือไม่ เมื่อครู่เขาพูดว่าอะไร จะคุกเข่าให้แก่ฟ้าดินและพ่อแม่เท่านั้น?”
“เฟิงอู๋จีเอ๋ยเฟิงอู๋จี ตระกูลเฟิงพวกเจ้าล่วงเกินท่านจิ้งอ๋อง สมน้ำหน้าแล้วที่มีจุดจบเยี่ยงนี้! ตอนนี้แม้แต่เสนาบดีซ้ายเฟิงก็ยังต้องอ่อนน้อมถ่อมตน เจ้าอยู่ต่อหน้านายน้อยอย่างข้าก็ไม่ต่างอะไรกับสุนัขตัวหนึ่ง”
“ขอบอกไว้ก่อน เมื่อพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทในเดือนหน้าผ่านพ้นไป น้องสาวข้าจะกลายเป็นพระชายารองขององค์รัชทายาททันที เรื่องแบบนี้ของมันแน่อยู่แล้ว! เจ้ารีบคุกเข่าลงแล้วเรียกพ่อแต่โดยดี ไม่เช่นนั้นต่อไปจะต้องรับผลที่ตามมา!”
คำพูดนี้ออกมา เซียวปี้เฉิงพลันใบหน้าขึงขัง ในดวงตาฉายไอสังหารที่เกือบจะแข็งเป็นหินออกมา
มีการกำหนดชายารองของรัชทายาทเป็นการภายในตั้งแต่เมื่อใด เหตุใดเขาจึงไม่รู้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...