พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 465

ถึงแม้หลี่เมิ่งเอ๋อร์จะมิใช่องค์หญิง แต่ก็ถือว่าสามารถเรียกลมเรียกฝน อยากได้อะไรก็ต้องได้มาตั้งแต่เล็กแล้ว

สมัยเป็นเด็กผู้เดียวที่จะเทียบรัศมีกับนางได้ก็คือองค์หญิงหกที่ประสูติจากฮองเฮาเฟิง แม้กระทั่งบรรดาองค์ชายก็ยังต้องหลีกทางให้

เวลานั้นแม้เซียวปี้เฉิงจะมีสีหน้าเย็นชาอยู่เสมอ และมักจะเงียบขรึมไม่เอ่ยวาจา ทว่าไม่เคยปฏิเสธคำขอของนางแต่อย่างใด

มองบุรุษที่คุ้นเคยแต่แปลกหน้าตรงหน้าแล้ว หลี่เมิ่งเอ๋อร์ก็ขมวดคิ้วเป็นปมแน่น

“ท่านพี่จิ้งอ๋องเป็นอย่างที่ท่านอาบอกจริงๆ ท่านไม่เหมือนตอนที่เป็นเด็กเลยสักนิด แต่ก่อนท่านคล้อยตามข้าไปหมดเสียทุกอย่าง! เหตุใดตอนนี้แม้กระทั่งน้ำเสียงจึงแปลกไปถึงเพียงนี้”

เซียวปี้เฉิงยิ้มหยันในใจ มองนางอย่างเยือกเย็น “เหตุใดข้าต้องคล้อยตามไปหมดเสียทุกอย่าง เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ เป็นเพราะอำนาจบีบคั้นของเสด็จแม่กับตระกูลหลี่ ข้าจึงต้องข่มกลั้นความหยิ่งในศักดิ์ศรีเพราะเจ้านั่นแหละ หรือเจ้าคิดว่าข้าเต็มใจ?”

วันนี้ไม่เหมือนกับวันวาน เขาไม่ใช่องค์ชายสามผู้ต่ำต้อยที่ยอมให้คนอื่นหลอกโขกสับอีกต่อไป

หลี่เมิ่งเอ๋อร์มองเขาด้วยใบหน้าซีดเผือด สบกับสายตาเย็นชานั้นแล้ว พาให้รู้สึกหนาวสั่นตั้งแต่ฝ่าเท้าแล่นริ้วจนถึงศีรษะ อดตัวสั่นสะท้านท่ามกลางแสงตะวันสดใสไม่ได้

จิ้งอ๋องแบบนี้ไม่คุ้นเอาเสียเลย!

ในความทรงจำเขาเป็นคนเงียบขรึมพูดน้อย ไม่ว่านางจะไร้เหตุผลแค่ไหน ก็ไม่เคยเผยความเหลืออดหรือเบื่อหน่ายใดๆ เลย ดูเหมือนจะมีความอดทนและอดกลั้นอย่างไม่มีขีดจำกัด

หลี่เมิ่งเอ๋อร์ลืมตาขึ้นเล็กน้อย อดพูดไม่ได้ว่า “หรือว่าที่ท่านพี่จิ้งอ๋องดีกับข้าแต่ก่อนนั้นล้วนเป็นเรื่องจอมปลอมทั้งเพ? แค่ไม่ได้เจอกันเพียงไม่กี่ปี ท่านจำมิตรภาพในวัยเยาว์ไม่ได้สักนิดเลยหรือ”

“ข้าไม่ใช่ญาติหรือสหายกับเจ้า แล้วจะมีมิตรภาพต่อกันได้อย่างไร” เซียวปี้เฉิงเหลือบมองหลี่เมิ่งเอ๋อร์แวบหนึ่ง ไม่อยากให้นางตามตอแยอีก “ล้มเลิกความคิดนี้ได้เลย นอกจากหลิงเอ๋อร์แล้ว ชาตินี้ข้าจะไม่มีวันแต่งงานกับหญิงคนไหนอีก”

“ช้าก่อน! ท่านพี่จิ้งอ๋อง ท่านบ้าไปแล้วหรือ”

เซียวปี้เฉิงพูดจบกำลังจะจากไป แต่หลี่เมิ่งเอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเรียกเขาไว้ เสียงที่ก้องกังวานของนางสั่นเครือด้วยความกรุ่นโกรธและไม่อยากจะเชื่อ

“อะไรที่เรียกว่านอกจากนางแล้วจะไม่แต่งงานกับหญิงคนไหนอีก ท่านรู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรอยู่”

“ท่านเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ ภายหน้าจะปกครองใต้หล้า สมควรทำวังหลังให้แข็งแกร่งแล้วผลิดอกออกผล จะมีความคิดเหลวไหลเช่นนี้ได้อย่างไร”

“ตระกูลหลี่จะไม่เห็นด้วยที่ท่านทำเช่นนี้ ซ้ำราชสำนักจะไม่ยอมรับ! มีเพียงแต่งงานกับข้าเท่านั้น ตระกูลหลี่จึงจะช่วยให้ท่านครองบัลลังก์ได้มั่นคง ท่านต้องคิดให้ถ่องแท้!”

เซียวปี้เฉิงสาวเท้าเดินต่อไปไม่หันกลับมามอง ราวกับไม่ได้ยินคำพูดพวกนี้

หลี่เมิ่งเอ๋อร์บีบขยำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น รู้สึกว่าเขาถูกมนตร์เสน่ห์ปีศาจที่ดวงหน้างามสะคราญยั่วยวนของผู้นั้นไม่เบาจริงๆ

นางยังคงติดอยู่ในความทรงจำที่อยู่เดียวกันในวันวาน ครั้นเห็นปฏิกิริยาที่เหนือความคาดหมายของเซียวปี้เฉิงเช่นนี้ นางก็แทบจะกระโดดด้วยความร้อนใจและโมโห

นางขึ้นเสียงอย่างไม่ยินยอมและโกรธแค้น

“หญิงคนนั้นมีอะไรดีนักหนา ใส่ยาเสน่ห์อะไรให้ท่านกินกันแน่ ถึงทำให้ท่านหลงหัวปักหัวปำเช่นนี้?”

“เป็นเพียงหญิงที่ไร้พรสวรรค์ไร้คุณธรรม ตอนนั้นยังต้องอาศัยลูกไม้ต่ำช้าอย่างวางยาขึ้นเตียงเข้าหาท่านด้วยซ้ำ สมควรถูกผู้คนใต้หล้าถ่มน้ำลายประณามนางถึงจะถูก!”

เพิ่งพูดจบ หลี่เมิ่งเอ๋อร์ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเฉียดผ่านคอไป บังเกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรงวูบหนึ่ง ทำให้นางสูดหายใจด้วยความตระหนก

“โอ๊ย…”

นางลูบคอป้อยๆ โดยไม่รู้ตัว รู้สึกราวกับเป็นบาดแผลตื้นๆ มีเลือดหยดเล็กๆ ซึมไหลออกมา

แผลไม่ลึก แต่มีเหงื่อบางๆ ผุดพรายขึ้นมา ทำให้ปวดแสบปวดร้อน

หลี่เมิ่งเอ๋อร์ก้มหน้ามองลงไปเห็นใบไม้ของพุ่มไม้สีเขียวขจีตกอยู่ข้างๆ รองเท้าปักลายบุปผา ตรงขอบเปื้อนโลหิตสีแดงจางๆ

“ท่านพี่จิ้งอ๋อง ท่านลงมือกับข้าจริงๆ หรือ”

ด้วยพลังจิตที่อยู่ใกล้ๆ การแอบฟังทั้งสองที่เพิ่งคุยกันจึงมิใช่เรื่องยาก แต่นางรู้ว่าเซียวปี้เฉิงจะจัดการได้ดีโดยที่นางไม่ต้องกังวลเป็นแน่

เซียวปี้เฉิงขมวดคิ้ว กล่าวด้วยน้ำเสียงมาดร้าย “เมื่อครู่นางพูดใส่ร้ายปรักปรำเจ้า ข้าก็เลยสั่งสอนบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ให้นางไป”

รู้ว่าบุรุษผู้นี้กำลังปกป้องตัวเอง สายตาของอวิ๋นหลิงก็อ่อนลง คิ้วหยักโค้ง “ลงมือกับลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลหลี่ ไม่กลัวพวกเขาจะมาหาเรื่องเอาหรือ”

“มาหาเรื่องหรือ ข้านี่แหละหาเรื่องตระกูลหลี่!” เซียวปี้เฉิงแค่นเสียงหึเย็นชา กล่าวอย่างเคร่งขรึม “พวกเขาโอหังมากเหลือเกินจริงๆ ถ้าไม่สั่งสอนให้หลาบจำสักหน่อย ก็คงคิดว่าข้าจะกลัวหงอแล้วจัดการได้ง่ายเหมือนเดิม”

ได้สติกลับมา เขาก็ลดเสียงให้นุ่มนวลขึ้น เอ่ยถามอย่างห่วงใย “ห่านตัวนั้นคงไม่ทำให้เจ้าโกรธกระมัง”

อวิ๋นหลิงส่ายหน้าพลางโบกมือ แล้วระบายยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “นางเป็นแค่เด็กแก่นแก้วคนหนึ่งในสายตาข้า ทำให้ข้าโกรธไม่ได้หรอก เทียบกับน้องเล็กแล้วถือว่าเบามาก”

พูดถึงหลี่เมิ่งเอ๋อร์ที่เฉลียวฉลาดความคิดเกินตัว ซ้ำเป็นอันธพาลน้อยที่สร้างความรำคาญ เหมือนน้องเล็กอยู่หน่อยๆ

แต่เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองแล้ว หลี่เมิ่งเอ๋อร์ดูอ่อนกว่าเยอะ ไม่คุ้มจะกล่าวถึงเลย

น้องเล็กในครอบครัวนางก็เป็นเด็กอัจฉริยะแสนฉลาดปราดเปรื่องเช่นกัน ทั้งยังมีสมองขั้นสุดยอด หากหลี่เมิ่งเอ๋อร์เป็นอันธพาลน้อยในสำนักศึกษา เช่นนั้นน้องเล็กก็คือจอมมารร้าย

แต่ที่ต่างกันคือน้องเล็กน่ารักกว่าหลี่เมิ่งเอ๋อร์เหลือแสน

“เช่นนั้นก็ดี กลับจวนกันเถอะ” เซียวปี้เฉิงรู้สึกโล่งใจ กุมมือนางไว้แน่น “อ้อ ระหว่างทางกลับข้าต้องแวะไปตระกูลหรงด้วย กะว่าจะกลับค่ำๆ หน่อย”

เมื่อครู่หลี่เมิ่งเอ๋อร์พูดใส่ร้ายอวิ๋นหลิง ถ้าเขาไม่สั่งสอนตระกูลหลี่ให้รู้สำนึกสักหน่อย กลางคืนเขาอาจจะนอนไม่หลับ

อวิ๋นหลิงคลี่ยิ้มพลางผงกศีรษะ คล้องแขนของเขาแล้วออกจากสวนหลวงไปด้วยกัน

ถึงแม้พระอาทิตย์เที่ยงวันจะร้อนแผดเผา แต่ทั้งสองก็เดินคลอเคลียอิงแอบกันไปไม่ยอมห่างจากกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ