พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 466

สำหรับเรื่องที่หลี่เมิ่งเอ๋อร์ใช้วาจาทำให้อวิ๋นหลิงต้องได้รับความอับอาย เซียวปี้เฉิงก็ได้ทดบัญชีไว้ในใจแล้ว ทว่ายังรู้สึกไม่อาจบรรเทาความโกรธได้

หลังจากออกมาจากในวัง เขาก็ตรงไปที่จวนเจิ้นกั๋วกง ปิดประตูพูดคุยกันกับเจิ้นกั๋วกงและหรงจั้นตลอดทั้งบ่าย

นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา อวิ๋นหลิงพลันรู้สึกว่าชั่วพริบตาเซียวปี้เฉิงก็กลับมายุ่งอีกครั้ง เดิมทีห้องสมุดเพิ่งจะเปิด พวกเขาสองคนยังพอมีเวลาพักผ่อนอีกสองสามวัน แต่กลับกลายเป็นว่าเซียวปี้เฉิงดันยุ่งเสียยิ่งกว่าเมื่อก่อนอีก

นางเอ่ยถามอย่างแคลงใจ "หลายวันมานี้เหตุใดเอาแต่วิ่งไปตระกูลหรงกันเล่า?"

เซียวปี้เฉิงเอ่ยว่า "ก่อนหน้าข้าได้ขอให้ตระกูลหรงช่วยพี่ใหญ่ทดลองแท่นเรียงพิมพ์ดินเหนียวที่เจ้ากล่าวถึง ผ่านไปกว่าครึ่งเดือนแล้ว ยามนี้ยืนยันแล้วว่าสามารถทำได้ พรุ่งนี้ข้าจะทูลเรื่องนี้ต่อเสด็จพ่อ ผลักดันให้เรื่องไปจนถึงสำนักขันทีฝ่ายพิธีการ”

อวิ๋นหลิงได้ยินว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับแท่นเรียงพิมพ์ พอเห็นว่ามันถูกจัดไว้ในวาระการประชุมอย่างเป็นทางการแล้ว จึงไม่ได้ถามให้มากความอีก

ระยะนี้นางเองก็มีเรื่องให้ทำไม่น้อย สมุนไพรล้ำค่าที่ให้กู้ฉางเซินปลูกค่อยๆพากันเติบโตแล้ว นางต้องปรุงยาให้อีกฝ่ายล่วงหน้าจึงจะสามารถกำจัดสารพิษได้อย่างสิ้นเชิง

หลายวันก่อนได้ฝังเข็มให้สนมลี่ผินไปแล้วหนหนึ่ง นางรวบรวมพลังจิตไปที่ปลายเข็ม และแทงเข้าไปทะลวงเส้นลมปราณของสนมลี่ผิน

พระโอรสหกตอบสนองได้ดีพอสมควร อาการของสนมลี่ผินเองก็ดีขึ้นมาก พอตกกลางคืนขณะที่กำลังนอนห่มผ้าอยู่ในที่สุดก็รู้สึกร้อนขึ้นมาบ้างแล้ว

อวิ๋นหลิงประมาณการไว้ว่าต้องฝังเข็มอีกห้าครั้ง จึงจะสามารถขับพิษเย็นของสนมลี่ผินให้หายขาดได้

เพียงแต่ว่าการทะลวงเส้นลมปราณเป็นเรื่องที่ไม่อาจเร่งรีบได้ สิบวันทำเพียงหนึ่งครั้งก็เพียงพอแล้ว หากถี่เกินไปอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้

อวิ๋นหลิงจึงเบนความสนใจไปที่กงจื่อโยว และเริ่มพยายามทะลวงเส้นลมปราณให้เขาเช่นกัน

หลังจากที่พระโอรสหกได้ทราบข่าว ก็รู้สึกขอบคุณอวิ๋นหลิงเป็นอย่างมาก จึงมักจะส่งของมาให้เป็นประจำและถือโอกาสมาเยี่ยมดูอาการกงจื่อโยวด้วย

สิ่งของที่เขาส่งมาก็มีจำพวกผ้าเช็ดหน้า ถุงหอม กระเป๋าใบเล็กและถุงเท้า...

ว่ากันว่าล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาทำมันขึ้นมาด้วยตนเองทั้งนั้น

สำหรับญาติผู้น้องที่ค่อนข้างจะเก็บเนื้อเก็บตัวผู้นี้ กงจื่อโยวมักจะมีท่าทีอบอุ่นและอ่อนโยนด้วยเสมอ แต่ในช่วงสองวันที่ผ่านมากลับเห็นได้ชัดว่าเขาแลดูไร้ขีวิตชีวา

พระโอรสหกถามเขาด้วยความห่วงใยว่า “ญาติผู้พี่ไม่ค่อยสบายหรือ?”

กงจื่อโยวสะบัดมือ เอ่ยอย่างคับแค้นใจ "อย่าได้เอ่ยถึงเลย เมื่อวานข้าเกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว"

พระโอรสหกตระหนกตกใจ พลางเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น "เกิดอันใดขึ้นกัน?"

เฉียงเวยกลั้นหัวเราะเอ่ย "องค์ชายหกไม่ทราบอะไร เมื่อวานนี้พอเจ้าสำนักน้อยได้ทราบว่าหลี่ต้าเอ๋อร์ผู้นั้นจะไปไหว้ขอพรที่วัดหานซาน จึงใช้โอกาสนี้เกลี้ยกล่อมให้เจ้าห่านตัวนั้นกลับใจ ล้มเลิกความคิดที่จะแต่งงานกับจิ้งอ๋อง จึงใช้อุบายเซียนจิ้งจอกช่วยสาวงาม…”

คาดไม่ถึงว่าหลี่เมิ่งเอ๋อร์กลับไม่ได้เล่นละครไปตามน้ำ

เดิมทีนางที่ถูกช่วยเอาไว้ยังคงมีท่าทีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง พลางหันไปคารวะกงจื่อโยวที่หล่อเหลาด้วยใบหน้าแดงก่ำหัวใจเต้นแรง

ไม่คาดคิดว่าพอกงจื่อโยวบอกนางว่าอย่าแต่งให้กับจิ้งอ๋อง ไม่เช่นนั้นจะนำหายนะมาสู่ชีวิต หลี่เมิ่งเอ๋อร์ก็ชักสีหน้าขึ้นมาทันที

“พอเจ้าสำนักน้อยเอ่ยเช่นนั้น ทางด้านหลี่เมิ่งเอ๋อร์ก็โกรธจัด หยิบธนูขึ้นมาเตรียมยิงใส่เขา อีกทั้งยังด่าทอเจ้าสำนักน้อยยกใหญ่ว่าเป็นจิ้งจอกที่หลอกลวงผู้อื่น .. ”

ทั้งยังขู่ว่าจะจับกงจื่อโยว ถลกหนังสุนัขจิ้งจอกออก จากนั้นค่อยเอาปีศาจตนนี้ไปเผาไฟให้ตาย

หน้ากากเงินบ่นขึ้น "โชคดีที่พวกเราซุ่มโจมตีและเตรียมพร้อมมาอย่างดี ไม่เช่นนั้นเจ้าสำนักน้อยคงได้กลายเป็นปีศาจย่างเสียแล้ว!"

หลิงซูเองก็เอ่ยขึ้นด้วยความหวาดผวา "ฝีมือธนูของห่านยักษ์ตัวนั้นไม่เลวจริงๆ หากไม่เพราะเจ้าสำนักน้อยมีวรยุทธที่ยอดเยี่ยม เกรงว่าคงจะลำบากแล้ว"

กงจื่อโยวมองดูพวกเขาด้วยความขุ่นเคือง ในใจหดหู่เป็นอย่างยิ่ง

ก่อนหน้านี้เขาเคยอวดอ้างไปทั่ว ยังบอกว่าจะช่วยอวิ๋นหลิงจัดการกับห่านโง่ตัวนี้ แต่สุดท้ายกลับเป็นเขาที่เกือบโดนห่านจิกเท้าเสียเอง

กงจื่อโยวโกรธมากจนกินลูกชิ้นปลาหมึกไม่อร่อยอีกต่อไป

ไม่ได้ เขาต้องการเขียนจดหมายบอกหลงเย่ว่าอยู่ที่นี่มีคนมารังแกเขา!

ไม่เพียงเท่านั้น เซียวปี้เฉิงยังอ้างว่าบิดาของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ไม่เข้าใจแท่นเรียงพิมพ์ดีพอ นอกจากนี้ยังแนะนำผู้มากประสบการณ์ผู้หนึ่ง อีกฝ่ายก็คือญาตินางหรงจากจวนเจิ้นกั๋วกง

ตำราในสมัยโบราณมีราคาแพง ทำให้ต้นทุนแท่นพิมพ์มีราคาสูงตาม สำนักขันทีฝ่ายพิธีการถือว่าเป็นที่ที่รับสินบนได้มากและง่ายต่อการทุจริต

ตระกูลหลี่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหาเงินได้จากตรงนี้ไม่น้อย แต่คราวนี้กลับถูกเซียวปี้เฉิงตัดเส้นทางทำเงินออกไปอย่างโหดเหี้ยม

พระโอรสหกยิ้มบางๆกล่าวว่า "เสนาบดีหลี่แน่นอนว่าไม่ยินยอม แต่จนใจที่บิดาของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ไม่เข้าใจแท่นเรียงพิมพ์จริงๆ เสด็จพ่อจึงย้ายเขาไปที่สำนักศึกษาฮั่นหลินและให้คนจากตระกูลหรงมาทำหน้าที่แทน ”

ตระกูลหรงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจวนจิ้งอ๋อง และเป็นตระกูลใหญ่ภายใต้ตระกูลเฟิงและตระกูลหลี่ ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลหลี่จะสามารถควบคุมได้ง่ายๆ

ตระกูลหรงแน่นอนว่าเข้าใจถึงข้อดีของตำแหน่งนี้ ไหนเลยจะยอมปล่อยมันไปง่ายๆได้?

สำนักขันทีฝ่ายพิธีการมีตำแหน่งมากมาย รวมถึงขันทีในวังที่คอยจัดการธุระต่างๆและความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับในวัง ซึ่งสะดวกต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ด้านผู้คนและด้านข่าวสารเป็นอย่างมาก

การตัดไฟแต่ต้นลมของเซียวปี้เฉิงในครานี้ ไม่เพียงแต่ตัดเส้นทางความมั่งคั่งของตระกูลหลี่ ยังถือเป็นการโจมตีและกระทบต่ออำนาจที่แผ่ขยายตระกูลหลี่ในราชสำนักอย่างรุนแรง ทั้งยังฉวยโอกาสหนุนหลังให้ตระกูลหรงที่มีความสนิทสนมขึ้นสู่อำนาจอีกด้วย

ต่อมาวันที่สอง เรื่องราวก็เป็นไปตามที่พระโอรสหกกล่าวไว้จริงๆ

บิดาของหลี่เมิ่งเอ๋อร์สูญเสียตำแหน่งอย่างเป็นทางการและถูกย้ายไปที่สำนักศึกษาฮั่นหลิน เพื่อรับตำแหน่งอันทรงเกียรติแต่ไร้ซึ่งอำนาจ

หลังจากที่มีพระราชโองการลงมา สีหน้าของเสนาบดีหลี่ก็ดำคล้ำด้วยความโกรธ แต่กลับมิอาจทำอันใดได้

ผู้ใดกันทำให้แท่นเรียงพิมพ์นี้ปรากฏขึ้น จนทำเอาตระกูลหลี่ตั้งตัวไม่ทันจริงๆ

จวนเสนาบดีเต็มไปด้วยความเศร้าโศก หลี่เมิ่งเอ๋อร์ทั้งกังวลทั้งโกรธมากจนแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการแก้แค้นข้า เหตุใดเขาโหดเหี้ยมเลือดเย็นถึงเพียงนี้?”

เพียงแค่ด่าทอหญิงผู้นั้นไปสองสามประโยค ถึงกับทำให้บิดาของนางสูญเสียตำแหน่งไปเชียวหรือ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ