พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 481

เมื่อได้รับรู้สถานการณ์ของเป่ยฉิน กู้ฉางเซินสีหน้าหนักอึ้ง เอ่ยอย่างเป็นกังวลว่า “น้องสาม พวกเราจะหยุดอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว สถานการณ์ของราชสำนักเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก ผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้แผ่นดินสะเทือนได้”

ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเป่ยฉินคือภายใน ถ้าหากตระกูลสมุหราชเลขาธิการรู้ว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ได้อยู่ในเป่ยฉิน ภายใต้สถานการณ์ที่ฮ่องเต้ทรงได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอาจจะอาศัยจังหวะนี้ก่อกบฏบังคับให้สละบัลลังก์ก็เป็นได้

แม้ในใจจะรู้สึกเสียดายสักเท่าไหร่ แต่อวิ๋นหลิงรู้ถึงความหนักหนาสาหัสของสถานการณ์เป็นอย่างดี สะกดกลั้นความรู้สึกขมขื่นในใจ พยักหน้ารับ

“ใช้โอกาสสองวันนี้ที่ยังมีเวลาว่าง ข้าจะเตรียมของที่จำเป็นต้องใช้ให้พวกท่าน ไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บของฮ่องเต้เป่ยฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าจะเตรียมยาที่มีอยู่ทั้งหมดให้พวกท่านนำกลับไปด้วย”

ผ่านไปกว่าครึ่งปีแล้ว นางได้ทยอยพัฒนายาใหม่ๆขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะใช้รักษาอาการบาดเจ็บภายในหรือภายนอก ยังมียาที่ใช้สำหรับโรคเฉพาะทางล้วนมีครบถ้วน

มีของเหล่านี้ แม้จักรพรรดิฉินจะเหลือลมหายใจแค่เฮือกเดียว ก็น่าจะรักษาชีวิตเอาไว้

หัวใจของหลิวฉิงรู้สึกทรมานอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตอนที่มานางก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ช้าก็ต้องกลับไปอยู่ดี แต่เมื่อวันนี้มาถึงจริงๆ นางกู้รู้สึกอาลัยอาวรณ์เป็นอย่างยิ่ง

แต่นางก็เป็นห่วงกู้ฉางเซินเหมือนกัน และยังเป็นห่วงไอ้สารเลวที่ถูกแทงจนได้รับบาดเจ็บอยู่ลึกๆ

“ใกล้จะถึงพิธีแต่งตั้งรัชทายาทแล้ว สองวันนี้พวกเราก็เตรียมตัวกันก่อน รอให้พวกเจ้าสองคนเข้าวังแล้วก็จะออกเดินทางทันที”

แม้จะเดินทาง อย่างน้อยนางก็ต้องมองส่งอวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิงเข้าวังก่อน จึงจะรู้สึกสบายใจ

เรื่องใหญ่และสำคัญมาก เซียวปี้เฉิงวางเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมสำนักศึกษาไว้ก่อนชั่วคราว

หลังจากไตร่ตรองแล้ว ก็เอ่ยเสียงขรึมว่า “เอาอย่างนี้ เพื่อเป็นการป้องกันเผื่อเอาไว้ ข้าจะเข้าวังรายงานต่อเสด็จพ่อ ให้ราชทูตนำพลปืนไฟสักร้อยคนคุ้มกันพวกเจ้ากลับไป รอให้สถานการณ์ของเป่ยฉินดีขึ้นแล้ว ค่อยให้พวกเขากลับมา”

การผลิตปืนคาบศิลามีความก้าวหน้าอย่างมั่นคงตลอดมา ในช่วงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ได้รักษาความเร็วในการผลิตอย่างน้อยสองร้อยกระบอกต่อเดือน

ครั้งนี้สองสามีภรรยาเยี่ยนอ๋องกลับมาแล้ว ความร่วมมือระหว่างแคว้นตงฉู่กับแคว้นต้าโจวได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว และมีการวางแผนว่าจะเพิ่มความเร็วในการผลิตปืนคาบศิลาอีกหนึ่งเท่า

ตอนนี้คนในค่ายปืนไฟมีมากขึ้นเรื่อยๆ พลปืนไฟที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ก็มีมากกว่าสองพันนายแล้ว

“พลปืนไฟหนึ่งร้อยคน” กู้ฉางเซินได้ยินดังนั้น ก็รีบพูดขึ้นว่า “ปี้เฉิง ขอบคุณความหวังดีของท่าน แต่ทำเช่นนี้จะเป็นการระดมกำลังหรือไม่ สิบกว่าคนก็น่าจะพอแล้ว......”

“เจ้าอ๋อง น้องเขยก็แค่คิดเผื่อเป่ยฉิน เขาอยากจะช่วยท่าน ท่านก็อย่าปฏิเสธเลย”

ไม่รอให้กู้ฉางเซินพูดจบ หลิวฉิงก็เอ่ยปากตัดบทเขา สายตามีแววเยือกเย็นไหววูบ

“มีกองพลปืนไฟอยู่ในมือเช่นนี้ พวกเราก็สามารถต่อสู้กับราชวังของเป่ยฉินได้อย่างไร้เทียมทาน ไม่จำเป็นต้องกลัวเจ้าพวกหน้าซื่อใจคดที่ดิ้นรนเอาตัวรอดไปทั่ว”

ตอนนี้นางได้ฟื้นฟูพลังวรยุทธ์ที่เคยมีทั้งหมดกลับมาจนถึงจุดสูงสุดแล้ว พลังจิตก็แข็งแกร่งและเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ไม่ใช่คนพิการขั้นรุนแรงที่ขาหัก ยังมีโรคประจำตัวทางสมองคนนั้นอีกแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีปืนคาบศิลาอยู่ในมือ ใครกล้ากบฏก็ยิงมันทิ้งซะ

เซียวปี้เฉิงก็อธิบายด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ส่งคนไปมากกว่าจะเหมาะสมกว่า หลายปีมาแล้ว เป่ยฉินกับแคว้นต้าโจวถือว่าตัดบัวก็ยังเหลือใย ถ้าหากแคว้นของพวกเจ้าเกิดกบฏ เช่นนั้นขวัญกำลังใจของกองกำลังพันธมิตรในชายแดนของทั้งสองแคว้นก็จะไม่มั่นคง”

การกระทำนี้แม้จะเป็นการช่วยเป่ยฉิน แต่ก็เป็นการช่วยพวกเขาเองด้วย

กู้ฉางเซินสีหน้าซับซ้อน เขาย่อมรู้เหตุผลข้อนี้ดี เพียงแต่เซียวปี้เฉิงเอากองพลปืนไฟจำนวนหนึ่งร้อยคนให้เขาใช้อย่างไม่ลังเลเลยสักนิด มันยากจริงๆที่จะไม่รู้สึกซาบซึ้งใจ

เขาถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง เอ่ยขอบคุณอย่างหนักแน่น “ขณะกำลังจะเผชิญกันอันตราย แคว้นต้าโจวให้การช่วยเหลืออย่างเอื้อเฟื้อ บุญคุณในครั้งนี้ ราชวงศ์แห่งเป่ยฉินจะจดจำไว้ในใจอย่างแน่นอน”

อวิ๋นหลิงแววตาอบอุ่น เอ่ยเสียงอ่อนโยน “พี่ใหญ่ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ ช่วงที่ผ่านมาพวกท่านช่วยเหลือพวกเราไม่น้อยเลย”

นอกจากสอนหนังสือและเขียนหนังสือให้นางแล้ว ปกติเวลาที่พวกนางสองสามีภรรยายุ่งกับงาน กู้ฉางเซินมักจะช่วยดูแลลูกและจัดการเรื่องในจวนอีกด้วย

กู้ฉางเซินพยักหน้าเบาๆ เรื่องนี้นับว่าได้ข้อสรุปแล้ว

เซียวปี้เฉิงเข้าวังไปทันที หลังจากที่รายงานต่อจักรพรรดิจาวเหรินเสร็จสิ้นแล้ว เขายังเร่งเดินทางไปยังค่ายทหารเพื่อคัดเลือกพลปืนไฟฝีมือดีจำนวนหนึ่งร้อยนายทั้งคืน

ส่วนคนที่เหลือก็เริ่มจัดเตรียมสิ่งของที่จะนำกลับไปด้วย

เมื่อก่อนเสวียนจีมักจะหลีกเลี่ยงนางเสมอ ยังเคยทดลองออกแบบเสื้อล่องหนอย่างลับๆอีกด้วย

ดวงตากลมโตของเสวียนจีมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตากลมๆกลอกไปมา เอ่ยพึมพำเสียงต่ำขึ้นมา

“ใครอาลัยอาวรณ์พี่ เพียงแต่ทุกครั้งที่พี่ออกไปทำภารกิจมักจะทำตัวเหมือนพวกหน่วยกล้าตายที่ไม่เสียดายชีวิต ฉันกลัวว่าพี่สามไม่อยู่ข้างกาย พี่จะทำให้ชีวิตตัวเองเสี่ยงไปด้วย”

“พี่ต้องปกป้องท่านอาเจ้าอ๋องให้ดี อย่าให้เกิดเรื่องกับเขาอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นวันหน้าฉันก็ไร้ที่พึ่งแล้ว”

หลิวฉิงเก็บรอยยิ้ม น้ำหนักมือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ฟาดลงไปที่ศีรษะของนางจนหันไปอีกข้าง

“พอแล้วไสหัวไปข้างๆเลย อย่าเกะกะเวลาฉันเก็บข้าวของ”

เสวียนจีแลบลิ้นให้นาง ก่อนจะกระโดดโลดเต้นออกไปข้างนอก

ฉวยโอกาสตอนที่พวกนางเก็บของและไม่ทันสนใจ ยังแอบยัดกล่องสองสามใบเอาไว้ในหีบอีกด้วย

ข้างในล้วนเป็นของที่นางทำขึ้นมาเป็นพิเศษ เช่นระเบิดมือและประทัดกระเทียมล้วนมีครบ แค่หลิวฉิงเห็นก็จะรู้เองว่าควรจะใช้อย่างไร

ทางด้านอวิ๋นหลิงก็เตรียมของไว้ไม่น้อยเหมือนกัน ยารักษาบาดแผลยาพิษยาแก้ไข้ ยาเบื่อหนูยารักษากระเพาะอาหาร......

ขอเพียงหลิวฉิงต้องการใช้ ล้วนเตรียมพร้อมทุกอย่าง ยัดจนเต็มหลายกล่อง

เวลาหนึ่งวันจึงผ่านไปอย่างยุ่งๆเช่นนี้เอง

ตอนกลางคืนขณะที่อวิ๋นหลิงเตรียมตัวจะพักผ่อน ก็ได้ยินในวังส่งข่าวใหญ่มา

คนผู้นั้นที่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีในพิธีแต่งตั้งรัชทายาท ราชครูเฟิ่งเหมียนแห่งแคว้นตงฉู่ที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า ได้มาถึงเมืองหลวงแล้ว

คืนนั้น จักรพรรดิจาวเหรินได้ทำการต้อนรับราชครูอายุน้อยคนนี้ด้วยตนเอง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ