พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 483

อวิ๋นหลิงยังอยากจะถามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหวู๋ซินไต้ซือ แต่เฟิ่งเหมียนได้แต่ส่ายหน้าแสดงให้เห็นว่าตนเองไม่รู้อะไรเลย หรือเป็นนัยว่าไม่อาจจะบอกเล่าได้

หลังจากสนทนากัน อวิ๋นหลิงก็รู้สึกหมดความอดทนและความสนใจต่อราชครูที่ถามอะไรไปก็เอาแต่นิ่งเงียบ

บางทีอาจเป็นเพราะรู้สึกว่านั่งอยู่ที่นี่ก็ไม่มีความหมาย เฟิ่งเหมียนจึงเอ่ยขอตัวลา

ก่อนที่เฟิ่งเหมียนจะจากไป อวิ๋นหลิงรีบรั้งเขาเอาไว้ ถามขึ้นอย่างกระตือรือร้น

“นักพรตเฟิ่ง สีหน้าของท่านดูเหน็ดเหนื่อย ช่วงนี้สุขภาพไม่ค่อยดีใช่หรือไม่ วิชาแพทย์ของข้าไม่เลวเลย ถ้าหากท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหน สามารถมาให้ข้าตรวจชีพจรได้เสมอ”

เฟิ่งเหมียนมองดวงตาที่เป็นประกายของอวิ๋นหลิง หัวคิ้วขมวดขึ้นมาเล็กน้อย

เป็นภาพลวงตาหรือ ทำไมเขามองเห็นแววตาคาดหวังในดวงตาของพระชายาจิ้งอ๋อง

เขารู้สึกว่าอาจจะเข้าใจเจตนาของอวิ๋นหลิงผิด เอ่ยเสียงเนิบช้าว่า “ขอบคุณความห่วงใยของพระชายาจิ้งอ๋อง ร่างกายของกระหม่อมไม่ได้ผิดปกติอะไร”

“ไม่ได้ป่วยหรือ” อวิ๋นหลิงยังคงถามอย่างไม่ตายใจ “ได้ยินมาว่าเหล่านักพรตต่างก็ชอบกลั่นยา ของสิ่งนั้นจะกินเรื่อยเปื่อยไม่ได้ โอกาสที่จะถูกพิษสูงมาก ไม่สู้ให้ข้าตรวจร่างกายให้ท่านสักหน่อย บางทีร่างกายท่านอาจสะสมพิษบางอย่างเอาไว้”

ดวงตาที่นิ่งสงบราวกับน้ำของเฟิ่งเหมียนเกิดแววสงสัยขึ้นมา

“.......หืม”

“อะแฮ่ม ไม่ต้องใส่ใจรายละเอียด”

“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรบกวนพระชายาจิ้งอ๋องแล้ว แม้ข้าจะมาจากวัดไท่ชิง แต่ปกติแล้วก็ทำงานอยู่ที่สำนักหอดูดาวหลวง กลั่นยาไม่เป็น เพียงแค่ศึกษาวิถีแห่งเต๋าและคัมภีร์บ้างเท่านั้นเอง”

สีหน้าของเฟิ่งเหมียนไม่ได้มีคลื่นอารมณ์ใดๆ มองแล้วเหมือนเซียนที่มาจุติยังโลกมาก

“นอกจากนี้พระชายาก็ไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่านักพรต เฟิ่งเหมียนไม่บังอาจ เรียกชื่อข้าโดยตรงก็พอแล้ว”

สีหน้าของอวิ๋นหลิงดูผิดหวังอยู่หลายส่วน เซียวปี้เฉิงที่รู้ความคิดของภรรยาตนเองก็เอ่ยตาม

เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไม่รบกวนไม่รบกวน สำหรับหลิงเอ๋อร์แล้วก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ในเมื่อมากันแล้ว ก็ให้นางตรวจชีพจรดูเถอะ”

“ท่านเป็นถึงราชครูของแคว้นตงฉู่ และยังคอยสนับสนุนรัชทายาทอย่างมั่นคง ไม่รู้ว่ามีดวงตาอีกกี่คู่คอยจับจ้องท่านอยู่เบื้องหลัง ถ้าหากมีคนแอบวางพิษกู่ให้ท่าน......อะแฮ่ม ไม่ต้องใช้สายตาเช่นนั้นมองข้า ที่ข้าพูดล้วนเป็นสิ่งที่เคยเผชิญมาแล้วด้วยตนเอง ก็แค่เป็นห่วงท่านราชครูเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายอื่นเลย”

ในที่สุดใบหน้าของเฟิ่งเหมียนก็มีคลื่นอารมณ์เกิดขึ้นมาเล็กน้อย ทำไมความกระตือรือร้นของสองสามีภรรยาจิ้งอ๋องจึงทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาดอยู่หลายส่วน

คำพูดนี้เป็นห่วงเขาไม่ผิด แต่ฟังแล้วรู้สึกไม่ค่อยจะชอบมาพากล......

เยี่ยนอ๋องส่ายหน้าไปมา ยิ้มจนเผยให้เห็นฟันขาวสะอาด “พี่สะใภ้สามของข้าเป็นคนจิตใจดีเสมอมา ไม่สู้ก็ให้นางดูให้ท่านเถอะ”

อวิ๋นหลิงยิ้มแย้มแจ่มใสพลางพยักหน้าตามไปด้วย “ใช่แล้ว เสวียนจีบอกกับข้าทุกวัน ตอนที่อยู่ตงฉู่ท่านคอยดูแลนางอยู่เสมอ เพื่อเป็นการขอบคุณที่ท่านคอยดูแลเด็กในบ้านข้า แค่จับชีพจรเท่านั้นไม่ได้รบกวนอะไร”

ได้ยินคำพูดประโยคนนี้ เฟิ่งเหมียนก็นิ่งเงียบไปชั่วครู่

เขาสามารถแน่ใจได้ว่าครึ่งประโยคแรกนั้นเป็นความเท็จ แต่ไม่ว่าจะมีจุดประสงค์อะไร การตรวจชีพจรก็เป็นเจตนาที่ดี

“เช่นนั้นก็รบกวนพระชายาแล้ว”

อวิ๋นหลิงดวงตาเป็นประกาย จากนั้นก็ทำการจับชีพจรของเฟิ่งเหมียนอย่างจริงจัง แต่ที่สุดแล้วดวงตาก็เผยแววผิดหวังออกมา

นางทอดถอนใจเงียบๆ ลุกขึ้นโบกมือให้กับพวกเฟิ่งเหมียน

“นักเณรน้อยร่างกายดีมาก ให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พวกท่านไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็กลับไปพักผ่อนเถอะ ข้ายังยุ่งอยู่กับการเก็บข้าวของ คงไม่ได้ไปส่งพวกเจ้าที่หน้าประตูด้วยตัวเองแล้ว”

เฟิ่งเหมียน “......”

แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น จักรพรรดิจาวเหรินได้รับปากแล้ว จวนจิ้งอ๋องยังคงมีพวกเรามาดูแลเป็นการชั่วคราว

ช่วงเวลาพลบค่ำ กลุ่มเมฆที่ขอบผ้าสวยงามราวกับถูกเปลวไฟแผดเผา

เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้ก็ต้องย้ายออกไปแล้ว หลังจากทานอาหารค่ำแล้ว สองสามีภรรยาก็จูงมือกันเดินเล่นภายในจวนจิ้งอ๋อง มีความสุขกับบรรยากาศที่สงบและสบายใจอย่างหาได้ยากยิ่ง

ภายในเรือนเกษตร เจ้าเสือขี้แยกำลังนอนหลับอย่างสบาย กรนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

พืชผักผลไม้มีผีเสื้อและผึ้งบินวน เป็ดไก่ที่ถูกเลี้ยงจนอ้วนกลมกำลังเดินเล่นไปมา ในเสียงร้องที่ดังขึ้นบางครั้งก็ได้ยินเสียงของลูกหมูน้อยที่ปะปนอยู่ด้วย

“ข้าคุยกับกงจื่อโยวเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เข้าวังไปแล้ว ทางจวนจิ้งอ๋องให้คนของเขาช่วยข้าดูแล แม้จะไม่มีคนอยู่แล้ว แต่ยาสมุนไพรในเรือนเกษตรยังต้องการการดูแล รอให้ยาสมุนไพรเหล่านั้นแก่เต็มที่จนมีเมล็ดพันธุ์แล้ว ก็ให้หลิงซูไปจัดการ”

อวิ๋นหลิงเร่งการเจริญเติบโตยาสมุนไพรที่ปลูก เมล็ดพันธุ์ที่ใช้ล้วนเป็นเมล็ดที่แห้งเหี่ยวเกือบจะตายแล้ว เพียงแต่ต้นอ่อนของเมล็ดเหล่านี้เมื่อเจริญเติบโตขึ้นมาแล้ว เมล็ดพันธุ์และผลที่เกิดขึ้นสามารถนำมาเพาะปลูกได้ตามปกติ

สำนักทิงเสวี่ยมีฐานเพาะปลูกยาแห่งหนึ่งโดยเฉพาะ มอบให้พวกเขาจัดการเหมาะสมที่สุดแล้ว รอให้ยาสมุนไพรเหล่านี้เติบโตจนเต็มท้องทุ่ง อนาคตจะมีเมล็ดพันธุ์ที่มากกว่านี้ สามารถสร้างความผาสุกให้กับท่านหมอและประชาชนใต้หล้านี้ได้อีกมาก

หลิงซูเป็นคนหลงใหลในยา เขาจ้องสมุนไพรหายากของอวิ๋นหลิงตาเป็นมันมานานแล้ว ดังนั้นจึงตอบตกลงอย่างไม่ลังเล แม้อวิ๋นหลิงจะไม่จ่ายค่าจ้าง กระทั่งต้องขาดทุนเขาก็ยอม

เซียวปี้เฉิงพยักหน้า เอ่ยเสียงอบอุ่น “ข้าได้เก็บพ่อครัวของเรือนหลันชิงเอาไว้ และยังได้เก็บบ่าวรับใช้ที่รับผิดชอบปัดกวาดทำความสะอาดไว้อีกไม่กี่คน ส่วนที่เหลือนอกจากจะพาเข้าวังแล้ว ต่างก็จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว”

การแต่งตั้งพระโอรสห้าและเปิดจวนได้ยังไม่นาน บ่าวรับใช้ในเรือนต่างๆของจวนโม่อ๋องก็ยังมีไม่ครบครัน พอดีกับที่จะส่งบ่าวรับใช้กลุ่มนี้ที่มีอยู่แล้วไปให้ อีกฝ่ายสามารถใช้งานได้อย่างสบายใจและพึ่งพาได้

“พูดตามตรง ข้ารู้สึกเสียดายที่นี่มาก โดยเฉพาะเรือนหลันชิง”

อวิ๋นหลิงถอนหายใจเบาๆเฮือกหนึ่ง ในใจรู้สึกเสียดายมาก ตั้งแต่นางลืมตาตื่นขึ้นมา ก็อาศัยอยู่ที่นี่ตลอด

ในจวนที่นับว่าไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แบกรับชีวิตใหม่ของนางตั้งแต่แรก รวมไปถึงทุกอารมณ์และความรู้สึกของนาง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ