พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 502

เซียวปี้เฉิงสนใจใคร่รู้เรื่องราวในวัยเด็กของอวิ๋นหลิงมาตลอด

“ตอนแรกพวกเจ้าไม่ลงรอยกันหรือ”

อวิ๋นหลิงนิ่งคิดครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ใช่แล้ว...ตอนนั้นข้าหมกมุ่นอยู่กับปรุงยาพิษ ชอบเก็บตัวอย่างพืชพิษและแมลงมีพิษต่างๆ เอามาไว้ในหอพัก หลงเย่คงนึกรังเกียจที่ข้าทำให้ห้องสกปรกเหลือเกิน ไม่มีความรู้สึกสวยงามเลยสักนิด”

ตอนนั้นนางมักจะทำยาพิเศษแปลกๆ ให้ดูเหมือนอาหารอยู่เสมอ พี่ฉิง นักกินจุจึงโดนพิษไปโดยไม่ได้ตั้งใจอยู่บ่อยๆ นางยืนกรานจะกลับหอพัก แต่แล้วก็ต้องเข้าไปนอนในศูนย์ฉุกเฉินแทน

“พี่ฉิงก็เหมือนกัน ตอนฝึกฝนวรยุทธ์โบราณ พอหัดได้ที่ก็เริ่มกวัดแกว่งกระบี่โดยไม่รู้จักกาลเทศะ รู้หรือไม่ว่าเพลงกระบี่ของนางร้ายกาจแค่ไหน ขวดตัวอย่างของข้าต้องเสียไปไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว!”

ตอนนี้หวนนึกถึง นางก็ยังรู้สึกปวดใจอยู่ดี

เช่นเดียวกับหลงเย่ นางไม่รู้ว่ามีข้าวของกี่อย่างที่ถูกคมกระบี่ของหลิวฉิงทำลายไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

“สรุปแล้วตอนเราเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันนั้น พวกเราใช้เวลาทำร้ายกันนานมาก จนกระทั่งหลงเย่ต้องเสนอกฎสามข้อ...”

เสวียนจียังเด็ก เข้าร่วมกลุ่มเป็นคนสุดท้าย

เวลานั้นพวกนางทั้งสามเข้าขากันได้ค่อนข้างดี จะออกไปทำภารกิจด้วยกัน แต่ความสัมพันธ์ไม่ได้ลึกซึ้งมากนัก จนเสวียนจีมาถึงก็ทำให้ทุกอย่างพังทลายลง

ตอนนั้นเด็กคนนี้เป็นจอมมารร้ายโดยแท้ เนื่องจากข้อบกพร่องด้านบุคลิกภาพ นางจึงถูกตัดสินว่าเป็นเด็กมีปัญหาและถูกโยนเข้ามาในกลุ่มของพวกนาง

หลิวฉิงเป็นคนอารมณ์ร้าย หากถูกยั่วโทสะจะอาละวาดทุบตี แต่อย่างน้อยเสวียนจียังมีสองขาให้เผ่นหนี

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลงเย่ก็หนีไม่พ้น เวลานั้นหลงเย่มีพลังจิตที่แข็งแกร่งนัก นอกจากวิชาอ่านใจแล้ว ยังสามารถควบคุมการสะกดจิตระยะสั้นได้อีกครึ่งนาที

ตัวนางเองมีรูปโฉมดูอ่อนแอแต่ใจดำทมิฬ ไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิวฉิงเลยสักนิด นางสะกดจิตเสวียนจีตรงๆ ให้กลืนประทัดที่ประดิษฐ์เองสามอันทั้งเป็น

สุดท้ายนางก็เข้าศูนย์ฉุกเฉิน ได้อวิ๋นหลิงช่วยยื้อชีวิตกลับมาได้

เซียวปี้เฉิงกระตุกมุมปาก อดจุปากไม่ได้ “มิน่าที่แม่สาวน้อยฟังคำเจ้าเช่นนี้ นางช่างรนหาที่ตายจริงๆ”

อวิ๋นหลิงกระตุกมุมปากเหมือนกัน “เวลานั้นข้าช่วยชีวิตนางเพราะมีเจตนาแอบแฝง เด็กสาวผู้นั้นมีสมองล้ำเลิศ เป็นแฮ็กเกอร์อัจฉริยะด้วย ข้าก็เลยอยากให้นางแฮ็กเข้าไปในศูนย์ข้อมูลระดับสูงและขโมยข้อมูลให้ข้า”

ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ นางที่เป็นคน ‘อารมณ์ดี’ คงใช้ยาพิเศษกับเจ้าลิงจอมแสบตัวนี้ไปนานแล้ว

เหตุที่เสวียนจีฟังคำของอวิ๋นหลิง ไม่ใช่เพียงเพราะเคยช่วยชีวิตไว้เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะนางไม่กล้าแตะต้องข้าวของของอีกฝ่ายง่ายๆ

เดิมอยากจะแอบเล่นพิเรนทร์แกล้งอวิ๋นหลิง แต่ก็ยากจะบอกได้ว่าข้าวของของนางปนเปื้อนยาพิษแปลกๆ กับยาวิเศษด้วยหรือไม่

ผลที่ได้คือต้องทนทุกข์ทรมานทั้งที่ยังไม่ทันจะก่อ ‘ความผิด’ ด้วยซ้ำ

ในสายตาของเสวียนจี อวิ๋นหลิงเป็นเหมือนต้นกระบองเพชรที่เบ่งบานสวยงาม มีหนามพิษร้ายแรง เมื่อยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย นางเลือกจะเชื่อฟังทำตัวว่าง่ายให้มากที่สุด

“หลังออกมาจากศูนย์ฉุกเฉิน เด็กคนนี้ก็ซื่อสัตย์มากขึ้น พวกเราทั้งสี่เริ่มทำภารกิจด้วยกัน การปฏิวัติมิตรภาพก็ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว”

ระหว่างพวกนางไม่กี่คน นั่นเป็นมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างความเป็นความตายนับครั้งไม่ถ้วน

ถูกต้อง ช่วงระหว่างความเป็นความตายนี้เกิดขึ้นหลังจากเสวียนจีเข้าร่วมกลุ่มประมาณครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

แต่ก็ช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพวกนางทางอ้อมด้วย

เล่าถึงอดีต นัยน์ตาของอวิ๋นหลิงทอประกายระยิบระยับดุจแสงดาว เซียวปี้เฉิงเลิกคิ้วอย่างอ่อนโยนอย่างอดมิได้ เขาทิ้งงานราชการไว้ชั่วคราว แล้วรับฟังนางอย่างอดทนตลอดทั้งคืน

......

เช้าวันรุ่งขึ้น อวิ๋นหลิงตามเซียวปี้เฉิงไปเข้าประชุมราชกิจช่วงเช้าด้วยกัน

ขุนนางในตำหนักทองหลวงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับการมาเยือนของนาง แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร

ตลอดเช้าสงบไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ราชสำนักก็ไม่มีปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไข ทั้งคู่จึงวางแผนจะเตรียมเรื่องสำนักศึกษาต่อไป

กระทั่งกลับถึงตำหนักบูรพา ซวงหลีก็เข้ามารายงานว่าโม่อ๋องมาคอยท่าอยู่นานแล้ว

อวิ๋นหลิงขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ให้เถาเอ๋อร์กลับมาก่อน แล้วข้าจะถามนางอย่างละเอียดว่าคิดอย่างไร”

นางรับปากกับจื่อเถาเมื่อก่อนหน้าว่าหากสามเดือนให้หลังนี้ นางสามารถเห็นความจริงใจของโม่อ๋องได้อย่างชัดเจน จะยินดียอมรับอีกฝ่าย

ทางด้านเหลียงเฟย นางจะยื่นมือเข้าช่วยอีกฝ่ายแก้ปัญหาเอง

ยามพลบค่ำ จื่อเถาได้รับข่าว จึงรีบเก็บข้าวของไม่มากนักกลับมายังตำหนักบูรพา

ไม่ได้เจอกันนาน ดวงตาคู่งามของนางก็ฉายแววเหนื่อยล้าเช่นเดียวกับโม่อ๋อง

“เหลียงเฟยล้มป่วย วันนี้ไม่ยอมกินยาตลอดเลย ข้าสัญญากับนางว่าจะกลับตำหนักบูรพาทันที นางจึงยอมกินยาในที่สุด”

โม่อ๋องปวดใจยิ่งนักจนอดเอ่ยไม่ได้ “เถาเอ๋อร์ เหตุใดไม่ป่าวประกาศออกไปเล่า ขอเพียงทุกคนในใต้หล้ารู้ว่าข้ามีโรคซ่อนเร้นอยู่ จะไม่มีขุนนางหน้าไหนอยากยัดเยียดลูกสาวมาให้หรอก!”

เซียวปี้เฉิงกระตุกมุมปากอย่างอดไม่ได้ อยากบอกน้องห้าว่าไม่จำเป็นต้องทำเรื่องใหญ่โต

“ถ้าเจ้าทำเช่นนี้ เสด็จแม่เหลียงอาจจะเกลียดเจ้าเถาใหญ่ไปจนตาย นางเองก็ไม่อยากให้ความสัมพันธ์แม่ลูกแย่ลงไปอีก ขืนเป็นเช่นนั้นเรื่องราวจะยิ่งแย่ลง”

โม่อ๋องดูอิดโรย “พี่สามพูดเข้าที...”

แต่เขาถูกบีบคั้นจนเกือบไม่ไหวแล้ว

อวิ๋นหลิงถามจื่อเถา “ผ่านไปสามเดือนแล้ว เจ้าคิดหาคำตอบได้หรือยัง”

จื่อเถาบีบแขนเสื้อแน่น ผ่านไปครู่หนึ่งก็หายใจเข้าลึกๆ แล้วตอบว่า “จื่อเถาอยากอยู่กับโม่อ๋อง ขอพระชายารัชทายาทช่วยให้สมปรารถนาด้วย”

อวิ๋นหลิงคลี่ยิ้มบางๆ พลางพยักหน้า “เอาละ ข้าจะช่วยเจ้าตามที่สัญญาไว้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ให้กลับไปตอบเสด็จแม่เหลียงก่อน บอกนางว่าชาตินี้เจ้าจะไม่มาตอแยน้องห้าอีก”

โม่อ๋องตกใจรีบแย้ง “อาซ้อสามนี่ท่าน...”

“หยวนโม่อย่าตกใจไป” อวิ๋นหลิงวางถ้วยชาลงแล้วกล่าวอย่างใจเย็น “ไม่ต้องกังวล ข้าจะให้เสด็จแม่เจ้ายกเกี้ยวขนาดแปดคนหามไปสู่ขอเถาเอ๋อร์แต่งเข้าจวนโม่อ๋องให้จงได้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ