พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 526

จักรพรรดิจาวเหรินเห็นดังนั้นก็กระแอมขึ้นมา แสดงให้เห็นถึงการมีตัวตนอยู่ของเขา

“ข้ายังมีเรื่องต้องจัดการ สะใภ้เจ้าสาม ไปทำแผลให้ศิษย์น้องของเจ้าเถอะ”

เรื่องนี้เขาได้แสดงท่าทีแล้ว หลังจากนี้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสะใภ้เจ้าสามไปจัดการให้เรียบร้อย

อวิ๋นหลิงพยักหน้า “เสด็จพ่อไปยุ่งเถอะเพคะ”

เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาอาหารเที่ยงแล้ว เซียวปี้เฉิงถามเฟิ่งเหมียนไปตามมารยาทว่า “ท่านราชครูจะถามพวกเราไปกินอาหารเที่ยงที่ตำหนักบูรพาหรือไม่”

เฟิ่งเหมียนเหลือบมองเสวียนจีแวบหนึ่ง ไม่ตกลงและไม่ปฏิเสธ “ข้าเกรงว่ามีใครบางคนอยู่ข้างๆ จะเหม็นจนกินข้าวไม่ลง”

รอยยิ้มสดในของเสวียนจีเมื่อครู่นี้หายวับไปทันที เท้าเอวมองไปทางเฟิ่งเหมียน

“ท่านหมายความว่าไง เสียแรงที่เมื่อครู่ข้ายังชื่นชมท่านอยู่ในใจว่าเป็นคนมีไหวพริบไม่มีใครเทียบได้ คิดว่าจะอยู่ร่วมกับท่านอย่างสันติสักสามวัน เห็นทีระหว่างพวกเราคงสงบศึกกันไม่ได้แล้ว”

เฟิ่งเหมียนน้ำเสียงเย็นชา “ไร้สาระ ปัญญาอ่อน”

เมื่อเห็นว่าประทัดกำลังจะระเบิดแล้ว อวิ๋นหลิงก็ดึงเสวียนจีเอาไว้ “พอแล้วพอแล้ว รีบตามข้ากลับไปที่ตำหนักอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เจ้ายังอยากจะยืนอยู่ใต้แสงแดดอีกนานแค่ไหน ประเดี๋ยวก็หมักจนออกรสชาติแล้ว”

ดินโคลนเต็มตัวผสมกับกลิ่นของทุเรียนกวน ถ้ายังไม่หิ้วขึ้นมาพาไปอาบน้ำขัดตัว เด็กคนนี้คงไม่สามารถใช้ได้แล้ว

อวิ๋นหลิงพูด เสวียนจีไม่กล้าไม่ทำตาม ได้แต่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

นางใช้มือเช็ดเหงื่อบนใบหน้า ใบหน้าที่เดิมทีก็สกปรกอยู่แล้วยิ่งเลอะเทอะเข้าไปใหญ่ ทำให้เฟิ่งเหมียนรู้สึกไม่อยากดู

เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา น้ำเสียงเย็นลงกว่าเดิมหลายส่วน “พระชายารอง ขอท่านจงจดจำสถานะของตนเองเอาไว้ทุกชั่วขณะ หลังจากนี้อย่าได้ทำเรื่องที่เป็นการหยามเกียรติของราชวงศ์เช่นนี้ ครั้งหน้าอย่าให้มีอีก”

ประโยคนี้พูดเป็นร้อยรอบพันรอบ แต่เห็นได้ชัดว่าผลที่ได้คือหูทวนลม

“ไม่ฟังไม่ฟัง ข้าไม่อยากฟัง”

เสวียนจีรำคาญเฟิ่งเหมียนเรียกนางว่า “พระชายารอง” มากที่สุด จึงเอามืออุดหูวิ่งหนีทันที

กระทั่งเงาร่างของนางหายลับไปจากสายตา เฟิ่งเหมียนจึงเก็บสายตากลับมา คำนับพวกเซียวปี้เฉิงอย่างสุภาพ

“ขอบคุณคำเชิญขององค์รัชทายาท เพียงแต่ปกติแล้วข้าน้อยกินเจ ไม่ขอรบกวนท่านทั้งสองจะดีกว่า”

แม้ว่านักพรตจะไม่เคร่งเรื่องการกินเนื้อสัตว์ แต่ก็ส่งเสริมการกินมังสวิรัติตลอดมา เฟิ่งเหมียนกินอาหารรสจืดมาก คนปกติทั่วไปไม่มีทางคุ้นชิน

เซียวปี้เฉิงกวาดตามองรองเท้าและขากางเกงของเขาที่มีของเหลวสีเหลืองติดอยู่ จึงไม่ได้ดึงดันอย่างรู้สถานการณ์ “เช่นนั้นท่านราชครูเชิญตามสบาย”

ทั้งสองฝ่ายร่ำลากัน เฟิ่งเหมียนหมุนตัวเดินไปทางเรือนชิงซิน

อวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิงนั่งรถม้ากลับไปยังตำหนักบูรพา ระหว่างทางอดไม่ได้ที่จะใช้แขนกระทุ้งเขา

“ท่านคิดว่าเฟิ่งเหมียนเป็นคนอย่างไร”

“เป็นคนอย่างไรหรือ” เซียวปี้เฉิงนิ่งอึ้งไป ครุ่นคิดก่อนจะพูดว่า “ที่จริงข้ารู้สึกว่าเขาไม่เหมือนคน......อย่างน้อยก็ไม่เหมือนคนปกติ เหมือนคนไม่มีเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา”

เซียวปี้เฉิงไม่รู้ว่าควรจะบรรยายอย่างไรดี กล่าวโดยสรุปคือเฟิ่งเหมียนทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาด

ทางด้านเหล่าอาญาสี่ที่รับผิดชอบต้อนรับแขกจากแคว้นต่างๆ เคยพูดคุยกันเป็นส่วนตัว ต่างก็รู้สึกว่าเฟิ่งเหมียนเป็นคนที่ดูแลปรนนิบัติยากมาก ทำให้รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างไม่รู้สาเหตุ

แม้ว่าเฟิ่งเหมียนจะมาจากแคว้นตงฉู่ที่ร่ำรวยที่สุด แต่ไม่เหมือนกับราชทูตคนอื่นๆของแคว้นตงฉู่เลย ไม่จู้จี้จุกจิกเรื่องปัจจัยสี่ กระทั่งสามารถพูดได้ว่ามีความต้องการต่ำกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ

แต่บังเอิญเป็นเพราะว่าเขาไร้ซึ่งสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ แม้แต่อารมณ์บนใบหน้าก็ไม่มี จึงทำให้เหล่าขุนนางอาญาสี่ทั้งหลายต่างก็ทุกข์ใจจนพูดอะไรไม่ออก

การทำงานของอาญาสี่ เรื่องสำคัญที่สุดคือทำให้ราชทูตจากแคว้นต่างๆที่มาเป็นแขกมีความสุข การเอาอกเอาใจอีกฝ่ายให้มีความสุขคือหน้าที่ของพวกเขา เฟิ่งเหมียนที่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลยทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นไม่เป็นสุข

อวิ๋นหลิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ข้าก็รู้สึกเหมือนพวกท่าน ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเขาเผยอารมณ์ออกมาบ้างเป็นบางครั้ง ข้าก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเขาเป็นหุ่นยนต์เอไอ”

เดิมทีนางก็แค่อยากจะปราบความหยิ่งผยองชอบวางมาดของหลี่เมิ่งเอ๋อร์เท่านั้น ใครจะไปรู้ว่านางจะบังอาจคิดการณ์ไกล เพ้อฝันว่าจะได้แต่งเข้าตำหนักบูรพา เช่นนั้นย่อมจะปล่อยไปง่ายๆไม่ได้

“ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าจงใจเล่นลูกไม้”

อวิ๋นหลิงถลึงตาให้นาง แล้วก็ถอนหายใจออกมา “ข้าไม่ได้โทษเจ้าที่ก่อเรื่องต่อหน้าผู้คน หลี่เมิ่งเอ๋อร์ควรได้รับการสั่งสอนอย่างสาสมตั้งนานแล้ว”

“เพียงแต่เจ้าไม่ควรทำให้ตัวเองน่าสมเพชเช่นนี้ แม้ว่าข้าจะไม่อนุญาตให้เจ้าก่อเรื่องวุ่นวาย แต่ก็ไม่ได้บอกว่าถูกคนอื่นรังแกแล้วต้องอดทนเอาไว้ เจ้าต้องจำไว้ให้ดี ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าให้ตัวเองเสียเปรียบเด็ดขาด”

อวิ๋นหลิงไม่ได้โกรธที่เสวียนจีทำนิสัยเสียลงไปกลิ้งกับพื้น นางแค่โกรธที่อีกฝ่ายทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บเพราะห่านโง่ตัวเดียวเท่านั้น

“นับประสาอะไรกับแค่หลี่เมิ่งเอ๋อร์ อยากจะจัดการกับนางมีวิธีตั้งมากมาย ปกติสมองเจ้าปราดเปรื่องกว่าใครๆ ทำไมยังทำให้ตัวเองอยู่ในสภาพน่าสมเพชเช่นนี้ เสียเปรียบหรือไม่”

เสวียนจีเอ่ยด้วยรอยยิ้มทะเล้น “ขอเพียงสามารถช่วยท่านกับพี่เขยแก้ไขปัญหาใหญ่เช่นนี้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เสียเปรียบ คุ้มค่าจะตาย”

อวิ๋นหลิงถลึงตาให้นาง รู้สึกหวั่นไหวในใจ

“ใช่แล้ว เจ้าอยากจะได้ห้องทดลองส่วนตัวมิใช่หรือ ทางมุมตะวันตกเฉียงเหนือของตำหนักบูรพามีตำหนักเล็กว่างอยู่ หลังจากนี้ที่นั่นจะเป็นที่ของเจ้า ถ้าต้องการปรับปรุงก็แล้วแต่เจ้า”

“ในตำหนักนั้นมีห้องลับอยู่ กำแพงรอบด้านหนามาก ป้องกันเสียงได้เป็นอย่างดี เจ้าอยากจะทดลองระเบิดชนิดเล็กๆก็ไม่เป็นปัญหา อีกอย่างทางเดินลับใต้เตียงก็ทะลุไปถึงถนนจูเชี่ยนอกตำหนัก เข้าออกวังหลวงสะดวกกว่าการเดินเข้าออกทางประตูวังหลวง”

นางต้องให้นางหนูคนนี้อยู่ในสายตาตนเองตลอดเวลา อยู่ที่อาญาสี่ปะทะกับเฟิ่งเหมียนทุกวัน รู้สึกไม่ค่อยวางใจ

เสวียนจีได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นจนกระโดดโลดเต้นขึ้นมา พุ่งเข้าไปกอดร่างของอวิ๋นหลิงเอาไว้ กระโดดไปมาด้วยความดีใจอย่างควบคุมเอาไว้ไม่อยู่

“เยี่ยมที่สุดเลย พี่สาม ท่านดีกับข้าจริงๆ”

อวิ๋นหลิงดึงตัวนางออกอย่างรังเกียจ ในใจกลับอดยิ้มไม่ได้

จะยุ่งยากน่าเป็นห่วงอย่างไรก็เป็นเด็กในบ้าน ยังจะทำอย่างไรได้ ได้แต่ตามใจเท่านั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ