พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 560

นอกจากความอิ่มเอมใจระคนตื่นเต้นแล้ว กงจื่อโยวยังรู้สึกว้าวุ่นใจเหลือแสนอีกด้วย

หลังจากข่มตาไม่หลับมาสองคืนติดต่อกัน เขาก็มาหาอวิ๋นหลิงที่ตำหนักบูรพาพร้อมรอยคล้ำใต้ตาสองข้าง

อวิ๋นหลิงคลี่ยิ้มตาหยีกล่าวทักทายเขา “ไงแขกที่นานๆ มาครั้ง! วันนี้ลมอะไรหอบท่านมาเป็นแขกที่บ้านข้าได้”

นับตั้งแต่เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นจินอ๋อง กงจื่อโยวก็ก้มหน้าก้มตาปรับปรุงจวนจินอ๋องทุกวัน จึงไม่ได้พบเขามาหลายวันแล้ว

กงจื่อโยวพรูลมหายใจยาว ตอบด้วยสีหน้าอมทุกข์ “ข้ากระสับกระส่าย นอนไม่หลับมาสองวันแล้ว”

“เป็นเพราะหลงเย่กำลังจะมา ก็เลยตื่นเต้นเกินไปหรือเปล่า” อวิ๋นหลิงเลิกคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงติดตลก “ท่านมาหาข้าทำไม หรือว่าอยากให้ข้าช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ?”

กงจื่อโยวรับน้ำผลไม้ที่นางรินมาให้ นี่เป็นรสชาติสุดโปรดของเขาเลยในยามปกติ แต่ตอนนี้เขาหดหู่จนดื่มไม่ลง

“ไม่ต้องหรอก นี่ข้ากินยามาสองวันแล้วก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี”

เขาส่ายหน้า คล้ายมีอะไรจะพูดก่อนเอ่ยถาม “ข้ามาที่นี่เพื่อถามว่าความสามารถอ่านใจของหลงเอ๋อร์...ใช้ได้ผลกับทุกคนหรือไม่ แล้วมีวิธีใดจะป้องกันได้หรือเปล่า”

อวิ๋นหลิงหรี่ตาลง ตอบเสียงนุ่มทุ้ม “ตามทฤษฎีแล้ว ขอเพียงอยู่ในระยะที่ใกล้พอประมาณ จะใช้ได้ผลกับคนธรรมดาทั่วไป แต่อ่านใจผู้ที่มีพลังจิตได้ยากมาก เว้นเสียแต่ว่าพลังจิตของอีกฝ่ายจะอ่อนกว่าของหลงเย่มากนัก”

การอ่านใจเป็นความสามารถเหนือธรรมชาติที่ได้มาจากพลังจิต พลังแบบนี้ย่อมขัดขวางการอ่านใจได้อยู่แล้ว

แน่นอนว่าบังคับอ่านความคิดของผู้มีพลังจิตได้ แต่จะค่อนข้างลำบาก ฉะนั้นการอ่านใจคนธรรมดาจะง่ายกว่า

หลังจากทำความคุ้นเคยกับแม่สาวน้อยเสวียนจีแล้ว กงจื่อโยวก็ล่วงรู้ความลับของพี่น้องสี่สาวมาคร่าวๆ บางส่วน ถึงแม้จะฟังคำแปลกๆ ไม่รู้เรื่องอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางจนเขาไม่เข้าใจความหมายของคำเหล่านั้น

“นั่นก็หมายความว่าถ้าอยากป้องกันการอ่านใจของหลงเย่ ข้าจะต้องมีพลังจิตอย่างพวกท่านก่อนใช่หรือไม่”

คิดได้ดังนี้ กงจื่อโยวพลันฉายแววสีหน้าขมขื่น เขาเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาที่อ่อนแอและหน้าหวาน แล้วจะไปมีพลังพิเศษเช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า

เวลานี้เซียวปี้เฉิงกลับมาถึงตำหนักบูรพาพอดี เขาพลันบังเกิดความคิดในใจ ก้าวเข้าไปโอบไหล่ของอีกฝ่ายด้วยสายตาทอประกายเจิดจ้าทันที

“สหาย ท่านมีพลังจิตได้อย่างไร ช่วยสอนข้าทีได้หรือไม่”

กงจื่อโยวมองเซียวปี้เฉิงด้วยตาละห้อย นัยน์ตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง

เซียวปี้เฉิงจับต้นชนปลายไม่ถูก “เหตุใดจู่ๆ ท่านถึงถามเรื่องนี้”

“เลิกถามอะไรมากมายได้แล้ว สอนข้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”

เซียวปี้เฉิงส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน หลิงเอ๋อร์บอกว่าข้าเองก็เป็นผู้มีพลังจิตซ่อนอยู่ เพราะตอนที่นางรักษาดวงตาข้านั้น ได้กระตุ้นเยื่อหุ้มสมองกับเส้นประสาทของข้า บังเอิญทำให้ข้าไปปลุกพลังนี้ตื่นขึ้นมา แต่เราสองคนแค่คาดเดาเฉยๆ ไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัดหรอก”

อวิ๋นหลิงเล่าว่าในชาติก่อนองค์กรของพวกนางทำวิจัยและสำรวจพลังจิตอยู่ในขั้นเริ่มต้น ยังไม่อาจเข้าใจความลับของมันได้อย่างถ่องแท้

จู่ๆ กงจื่อโยวก็ก้มหน้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก “จบกันๆ มันจบลงแล้ว...ไยเทวดาจึงไม่ประทานพลังจิตให้ข้าบ้าง”

เซียวปี้เฉิงไม่รู้ว่าเหตุใดกงจื่อโยวจึงนึกถึงพลังพิเศษนี้ขึ้นมากะทันหัน แม้เขาจะไม่มีพลังจิต แต่เขามีเงินมหาศาลนี่นา

อวิ๋นหลิงอดสั่นมุมปากไม่ได้ เป็นเพราะความรู้สึกนี้หรือ

“ไม่ต้องกังวลไป ตอนนี้นอกจากท่านแล้วนางไม่มีทางออกเรือนกับใครอื่นได้หรอก ไม่ต้องกลัวว่านางจะไม่แต่งกับท่าน”

แต่ให้เขาออกไปให้ไกลหน่อยก็มีสิทธิ์เป็นไปได้

“ถึงจะพูดเช่นนี้ ข้าก็ไม่อยากให้หลงเอ๋อร์คิดว่าข้าเป็นพวกอันธพาลบ้าตัณหาต่ำทราม พอจะมีวิธีดีๆ ช่วยข้าบ้างหรือไม่”

“เอาแบบนี้แล้วกัน ท่านควบคุมหัวตัวเองไว้ แล้วเลิกคิดฟุ้งซ่านจะดีกว่านะ?”

กงจื่อโยวส่ายหน้าพลางถอนหายใจ “พูดง่ายแต่ทำน่ะมันยาก ข้ามีความรักลึกซึ้งจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ถ้าสามารถควบคุมตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่าน คงจะไม่หวั่นไหวมาตั้งแต่แรกหรอก”

อวิ๋นหลิง “...แค่ความใคร่ก็พูดมาตรงๆ เถอะ ไยต้องหยิบยกถ้อยคำสวยหรูสูงส่งมาอ้างให้ตัวเองด้วย”

กงจื่อโยวตอบอย่างเต็มปากเต็มคำว่า “ที่ไหนกัน เรื่องเพศเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ข้าไม่ใช่หลวงจีนหรือนักพรตผู้ฝึกบำเพ็ญ นี่ไม่ใช่เรื่องปกติหรอกหรือ จะว่าไปแม้แต่ผู้ออกบวชก็ยังผิดศีล เทพเซียนก็ยังลุ่มหลงในโลกโลกีย์”

ได้ยินคำพูดของเขา เซียวปี้เฉิงก็อดเอ่ยปากไม่ได้

“แทนที่จะมาหาหลิงเอ๋อร์ มิสู้ท่านไปท่องคัมภีร์เต๋ากับเฟิ่งเหมียนสักสองสามวันจะดีกว่า”

บุรุษผู้นั้นดูเหมือนจะไร้ความปรารถนาและไร้ความอยาก บรรลุความบริสุทธิ์สัมผัสทั้งหก เป็นวิธีรักษาปัญหาของกงจื่อโยวได้ดีที่สุด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ