พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 568

ในปีนั้นฮองเฮาแห่งแคว้นถังใต้ได้ให้กำเนิดธิดาฝาแฝด และเยว่หลงซิงก็คือลูกสาวคนโตของพระองค์

เพราะคลอดช้าไปครึ่งชั่วยาม เยว่หลงเย่จึงถูกเลือกให้เป็นเด็กสาวที่ต้องปลอมเป็นชาย

และคนที่ช่วยปิดบังเรื่องนี้ก็คือชิงหยาง องครักษ์ลับที่จักรพรรดิทรงไว้ใจที่สุด เขามีความปรารถนาในฮองเฮามานานหลายปี

เพราะการมีอยู่ของเขา เยว่หลงเย่จึงสามารถเติบใหญ่ขึ้นมาได้อย่างปลอดภัยจนถึงทุกวันนี้ โดยที่ไม่ถูกคนในวังสืบหาตัวตนที่แท้จริงของนาง

เมื่อเทียบกับ ‘น้องชาย’ ที่ใช้ชีวิตราวกับเดินบนแผ่นน้ำแข็ง ซึ่งแตกต่างกับเยว่หลงซิงที่มีชีวิตอย่างสุขสบายไร้กังวล

ถึงแม้ว่าแคว้นถังใต้จะให้ความสำคัญกับเพศชายมากกว่าเพศหญิง แม้แต่ฮองเฮาก็ไม่ได้รับความใส่ใจ แต่อย่างน้อยพระองค์ก็ไม่เหมือนเยว่หลงเย่ ที่แม้แต่จะนอนยังนอนไม่เป็นสุข

เมื่อใดก็ตามที่เห็นพี่สาวเข้าไปออดอ้อนในอ้อมแขนฮองเฮา พร้อมกับเลือกเครื่องประดับและเสื้อผ้าอาภรณ์ ภายในใจเยว่หลงเย่ก็มีแต่ความอิจฉา

ในฐานะที่เป็น ‘พระโอรส’ เพียงหนึ่งเดียวของฮองเฮา ทุกวันนางจึงต้องก้มหน้าอยู่กับตำราเรียน ไม่มีเวลาสนใจของพวกนั้นเลยสักนิด

หากทำตัวโอ้อวดจนเกินไป อาจดึงดูดความสนใจของผู้อื่นได้ แต่ถ้าหากทำตัวราวคนไร้ความสามารถ ก็อาจถูกจักรพรรดิตำหนิและลงโทษ

นางมองข้ามสายตาที่ล้อเลียนว่าตนทำตัวอ่อนแอราวกับสตรี นางความพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อที่จะแสดงบทบาทเป็นองค์ชายธรรมดาๆ

ส่วนพี่สาว เยว่หลงเย่ก็รู้สึกอิจฉานางอยู่บางครั้ง แต่ก็มิได้มีความคิดร้ายอื่นใด

ท่านแม่สั่งสอนสองพี่น้องมาตั้งแต่เด็ก ว่าพวกนางเป็นฝาแฝดกัน ต้องปกป้องช่วยเหลือกันและกันไปตลอดชีวิต

“ซิงเอ๋อร์ ลูกต้องจำไว้ให้ขึ้นใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ห้ามให้ผู้อื่นล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของน้องเจ้าเด็ดขาด”

“เย่เอ๋อร์ เจ้าทนลำบากอีกหน่อย รออาชิงหยางของเจ้าช่วยให้เจ้าได้ตำแหน่งท่านอ๋องมาครอง หลังออกจากวังไปเจ้าก็จะไม่ต้องอยู่อย่างลำบากแบบนี้อีก หากเราสามารถปิดบังความลับนี้ต่อไปได้ เจ้าจะเป็นที่พึ่งของซิงเอ๋อร์ไปชั่วชีวิต!”

ฮองเฮากุมมือสองพี่น้องไว้แน่นพร้อมพูดทั้งน้ำตา

พวกนางเป็นดอกไม้ฝาแฝดที่กำเนิดบนเถาวัลย์เครือเดียวกัน ถ้าดอกหนึ่งเหี่ยวแห้งลง อีกดอกก็จะผลิบานได้ไม่นาน

พวกนางทั้งสองจดจำคำของผู้เป็นแม่ไว้อย่างขึ้นใจ

……

เมื่อสาธยายมาถึงเท่านี้ หลงเย่ก็เริ่มล้าเล็กน้อย นางนวดขมับเบาๆไม่นานก็พูดขึ้นต่อ

“เพื่อที่จะปิดบังตัวตนของเยว่หลงเย่ ตั้งแต่เด็กจนโตเยว่หลงซิงจึงต้องทนลำบากมานับไม่ถ้วน ถึงแม้ฉันจะได้ร่างนี้มาอย่างฟรีๆ แต่ฉันก็ยังคงทำตามความปรารถนาของเจ้าของร่างเดิม คือทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องสองแม่ลูกคู่นี้”

ฮองเฮาและบุตรสาวใช้ชีวิตเติบโตมากับแวดล้อมอย่างแคว้นถังใต้ เสรีภาพและความรู้สึกนึกคิดของพวกนางถูกกดเอาไว้

ช่วงหลายปีมานี้ พูดได้ว่าหลงเย่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ถึงสมองจะเหนื่อยแต่ใจกลับเหนื่อยมากยิ่งกว่า

เยว่หลงเย่สงสารท่านพี่มากกว่าใคร แม้ว่าในแต่ละวันของนางเองก็ผ่านไปอย่างลำบาก แต่นางคิดว่ามีได้ก็ย่อมมีเสีย

แม้ว่าต้องเดินอยู่บนคมดาบทุกวัน แต่การได้ออกเดินทางในโลกในฐานะเพศชาย ได้เห็นสิ่งต่างๆมากมายที่ท่านพี่ไม่มีโอกาสได้เห็น ได้รู้ว่าฟ้าอยู่สูงเพียงใด ได้สัมผัสกับโลกที่กว้างใหญ่

แม้ว่าภายนอกท่านพี่ดูไร้ความกังวล แต่จริงๆแล้วนางเป็นเหมือนนกที่ถูกกักขังในวังหลวงที่ไร้ซึ่งอิสรภาพ

ด้วยเหตุนี้เยว่หลงเย่จึงสาบานกับตัวเอง ว่านางจะต้องมีชีวิตรอดออกจากวัง และปกป้องเสด็จแม่และท่านพี่ไปชั่วชีวิต

“เพียงแต่ว่าตั้งแต่กงจื่อโยวปรากฏตัวขึ้น เรื่องก็เริ่มวุ่นวายจนยากจะควบคุม”

อายุของเยว่หลงซิงก็มากขึ้นเรื่อยๆ และเข้าใจอะไรมากกว่าครั้นยังเป็นเด็ก อายุครบสิบเจ็ดปีของสาววัยแรกแย้มเป็นช่วงที่กำลังเกิดความปรารถนาที่จะสำรวจโลกภายนอก

แคว้นถังใต้ยิ่งควบคุมและกดขี่เพศหญิงมากเพียงใด ก็ยิ่งทำให้นางต่อต้านมากเพียงนั้น

“สาเหตุก็เป็นเพราะฉัน เยว่หลงซิงเลยบังเอิญได้เจอกับกงจื่อโยว เพียงแต่นางไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา ฉันพูดมาขนาดนี้ พวกเธอใช้ก้นคิดก็น่าจะรู้ ว่านางตกหลุมรักไอ้บื้อนั่นตั้งแต่แรกเห็น”

……

หลังจัดการบุตรมหาราชครูได้ เยว่หลงซิงก็โล่งใจไม่น้อย แต่ความคะนึงหาในกงจื่อโยวกลับมากขึ้นเรื่อยๆ

และเป็นเพราะแผนของนางเร่งรีบจนเกินไป จึงทำให้หลิงเฟยมีความระแวดระวังตัวมากขึ้น และเริ่มหันมาให้ความสนใจในองค์ชายเจ็ดที่ถูกละเลยมาโดยตลอด

……

เสวียนจีได้ยินก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พร้อมคว่ำถาดผลไม้และยกกำปั้นฟาดลงบนผ้าห่มสุดแรง

“แคว้นถังใต้บ้าบออะไร! สมัยไหนแล้วยังเห็นเพศชายดีกว่าเพศหญิงอีก ทำไมไม่คลุมผ้าโพกหัวสีดำเหมือนผู้หญิงซาอุดีอาระเบียเลยล่ะ! รอสร้างปืนใหญ่เสร็จก่อนเถอะ ฉันนี่แหละจะเป็นคนแรกที่ระเบิดประตูเมืองบ้านั่น!”

อวิ๋นหลิงเคยได้ฟังสถานการณ์ของแคว้นถังใต้มาก่อน แต่คิดไม่ถึงว่าจะร้ายแรงได้ถึงเพียงนี้

เมื่อนึกถึงที่แคว้นถังใต้เจตนาซื้อปืนคาบศิลาของแคว้นต้าโจวเพื่อใช้ต่อกรกับแคว้นเหมียวเจียง ภายในใจนางก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจ

เทียบกับถ้าให้นางทำการค้ากับจักรพรรดิแคว้นถังใต้ มิสู้ให้นางสู้กับเขาด้วยปืนยังดีเสียกว่า

หลังสูดหายใจเข้าปอดลึก อวิ๋นหลิงก็ถามขึ้น “แล้วต่อมาล่ะ?”

หลงเย่หลับตาลงพร้อมพูดขึ้นเบาๆ “ต่อมา ในช่วงฤดูหนาวของปีนี้ นางแอบหยิบเอาของของฉันไปใช้เป็นสัญลักษณ์ยืนยันในการนัดพบกับกงจื่อโยว ในตอนนั้นหลิงเฟยเริ่มสืบหาตัวตนและความสามารถที่แท้จริงของฉันและสั่งให้คนคอยจับตาดูฉันอยู่ตลอด เยว่หลงซิงใช้ฐานะของฉันปลอมเป็นชายลอบออกจากวังหลวง จึงดึงดูดให้คนของหลิงเฟยสะกดรอยตามไป”

หากความลับถูกล่วงรู้เข้า ราชสำนักก็จะพบว่านางลอบมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสำนักทิงเสวี่ย

กล่าวโดยสรุปคือหลิงเฟยวางแผนที่จะตัดรากถอนโคน ให้นางและเยว่หลงซิงตกลงไปในทะเลสาบน้ำแข็งทั้งคู่

หลงเย่ร่างกายอ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไร กงจื่อโยวเห็นก็กระโดดลงไปช่วยนางอย่างไม่นึกลังเล

และองครักษ์ชิงหยางได้สละชีวิตเพื่อที่จะช่วยเยว่หลงซิงปกปิดตัวตนของหลงเย่

อาชิงหยางที่คอยแหวกโค่นดงหนามให้พวกนางสามแม่ลูกมาหลายสิบปี ได้เสียชีวิตแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ